ทุกคนนั่งรับประทานอาหารไปเรื่อย ๆ มีเสียงคุณดิเรกพูดคุยถามไถ่ลูกชายและลูกสะใภ้ในบางครั้ง ก่อนจะถึงคำถามสุดท้ายที่ทำเอาเอวิกาแทบสำลักข้าวที่เพิ่งตักเข้าปากไปในทันที
"มีแพลนจะมีลูกกันเมื่อไหร่หรือว่ารอให้ตากฤษณ์เรียนจบกลับมาก่อนล่ะ?"
"ผมกับเอวี่ยังไม่มีแพลนหรอกครับพ่อ คงเป็นเวลาที่เหมาะสมโน่นล่ะ ทำไมครับพ่ออยากอุ้มหลานแล้วงั้นสิ?"
"พ่อก็อยากเป็นปู่อยู่นะว่าไป มีเร็วก็ดีจะได้โตทันใช้ แกเป็นลูกชายคนเดียวนะพ่อก็หวังจะให้แกสืบทอดวงศ์ตระกูลไหมล่ะตากฤษณ์"
เอวิกายิ้มให้พ่อสามี เขินจนหน้าแดงเมื่อได้ยินแบบนั้น เพราะเธอเองก็ยังไม่คิดเรื่องนี้เลยเหมือนกัน
"แต่ฉันว่าไม่มีก็ดีนะคะ เผื่อเลิกรากันไปเราจะได้ไม่ต้องเกี่ยวพันอะไรกับคนแบบนี้" คุณพิมลรัตน์พูดขึ้น แถมยังแสยะยิ้มให้เอวิกาอย่างสมเพชด้วยซ้ำ ทำเอาทุกคนต้องหันมามองหน้านางอย่างพร้อมเพรียง
"แม่ครับ ทำไมแม่ต้องพูดแบบนี้ด้วยนะ ผมกับเอวี่รักกัน แม่จะมาแช่งเราทำไมเนี่ยผมไม่เข้าใจ"
"อะไรก็เกิดขึ้นได้ ตอนนี้แกก็พูดได้สิแกยังไม่เจอคนใหม่ หึ! แล้วฉันจะคอยดูต่อไปว่าแกกับแม่นี่จะไปกันได้ตลอดรอดฝั่งไหม!"
"ต้องรอดอยู่แล้วแม่ ผมมั่นใจแบบนั้น"
เอวิการู้สึกหน้าชาจนพูดอะไรไม่ออก เธอไม่กล้ามองสบตากับใครทั้งนั้น ทำได้เพียงนั่งฟังแม่กับลูกกำลังโต้เถียงกันไปมา แม้จะรู้ว่าคุณพิมลรัตน์ไม่ชอบเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ทำไมถึงกล้าแช่งให้ชีวิตคู่ของเธอและเขาแบบนี้ด้วย เธอผิดหรือไงที่เกิดมาไม่ได้ดีเพรียบพร้อมสมฐานะสะใภ้ตระกูลอัครเดชาพัฒน์ ถ้าเธอร่ำรวยเท่าเทียมกันนางคงจะไม่พูดจาเหยียดหยามแบบนี้กับเธอสินะ เอวิกาได้แต่นั่งบีบมือตัวเองเบา ๆ ไม่อยากถือสาแต่บางครั้งก็แอบรู้สึกนิด ๆ
"ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหน สะใภ้ของแม่ก็คือเอวิกานี่แหละ เพราะผมเลือกแล้ว ผมตัดสินใจดีแล้ว ผมรักคนนี้และอยากอยู่กับคนนี้ไปตลอดชีวิต ถ้าผมรู้ว่าแม่จะพูดจาแบบนี้กับเมียผม ผมกับเอวี่คงไม่มาที่นี่หรอกครับ" กฤษณ์ดนัยชักสีหน้าไม่พอใจให้กับผู้เป็นแม่ พร้อมกับรีบคว้ามือของเอวิกาให้ลุกยืนขึ้นทันที
"หลงเมียหัวปรักหัวปรำ เออ! แล้วไม่ตัดแม่ตัดลูกกับฉันไปเลยล่ะ แกจะได้ไม่ต้องมาฟังฉันบ่นให้รำคาญหู"
"แม่! ผมไม่ได้อยากทำให้มันเป็นเรื่องราวใหญ่โตนะครับ ผมแค่ไม่ชอบให้แม่พูดแบบนี้ต่อหน้าเมียผม เอวี่เขาจะรู้สึกยังไง เอวี่เป็นลูกสะใภ้ของแม่นะ ผมรักใครแม่ก็ควรจะรักด้วยสิครับ"
"ไม่มีใครมาบังคับฉันได้ทั้งนั้นล่ะ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ เกลียดก็คือเกลียด ฉันก็เป็นแบบนี้แหละใครจะทำไม"
"งั้นผมกับเอวี่ลานะครับ ผมคงไม่มาบ้านนี้อีก เจอกันที่สนามบินวันที่ผมจะไปลอนดอนเลยก็แล้วกัน ผมไปนะครับพ่อ"
เอวิการีบยกมือไหว้ลาพ่อและแม่สามีอย่างเร็ว ก่อนจะโดนสามีจับจูงมือให้รีบเดินออกไปจากบ้านด้วยกันทันที
"เออ....เลี้ยงมาเสียข้าวสุกจริง ๆ คิดว่าตัวเองโตแล้วงั้นสิ ฉันถึงพูดอะไรด้วยไม่ได้ ฉันจะคอยดูว่าแกสองคนจะไปกันรอดถึงวันไหน!"
เสียงตะโกนไล่หลังดังแว่ว เอวิกาได้แต่น้ำตาคลอเบ้าด้วยความรู้สึกผิด เธอเป็นสาเหตุที่ทำให้แม่กับลูกทะเลาะกันสินะใช่ไหม
เรือนหอ
ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงทั้งกฤษณ์ดนัยและเอวิกาก็กลับมาถึงบ้านที่คุณดิเรกซื้อให้เป็นเรือนหอของลูกชายกับลูกสะใภ้ แม้จะไม่ได้ใหญ่โตมากแต่กลับทำให้รู้สึกอบอุ่นมากที่ได้อยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยาแบบนี้
เอวิกานิ่งเงียบมาตลอดทาง จนกระทั่งเดินมาทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาตัวยาวด้วยความรู้สึกเหนื่อย กฤษณ์ดนัยนั่งลงข้างกายของภรรยาสาวโอบกอดรวบรัดคนที่เอาแต่นั่งซึมมาครึ่งชั่วโมงด้วยความรู้สึกผิด
"ขอโทษนะเอวี่ที่แม่พี่พูดจาแบบนั้นออกมา"
"ไม่เป็นไรค่ะ เอวี่ไม่โกรธคุณแม่ท่านหรอก แต่เป็นเพราะเอวี่หรือเปล่าที่ทำให้พี่กับคุณแม่ทะเลาะกันแบบนี้"
"มันไม่ได้เกี่ยวกับเอวี่หรอก แม่พี่เขาก็คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ เป็นศูนย์กลางของจักรวาลแบบนี้ล่ะ ถ้าไม่ชอบอะไรแล้วยากนักที่จะเปลี่ยนได้ แต่เอวี่ของพี่น่ารักและแสนดีขนาดนี้ สักวันแม่คงเปลี่ยนใจได้พี่เชื่อแบบนั้น อย่าเก็บคำพูดของแม่พี่มาใส่ใจเลยนะเอวี่"
"แล้วถ้าวันหนึ่งพี่กฤษณ์หมดรักเอวี่แล้วล่ะคะ พี่กฤษณ์จะบอกเอวี่ตรง ๆ ไหม?"
กฤษณ์ดนัยยกมือเชยคางมนขึ้นให้มองจ้องหน้าสบตากันกับเขา ก่อนจะก้มลงไปจูบซับเรียวปากอวบอิ่มอยู่นานนับนาที ผละออกจากกันช้า ๆ จับจ้องมองหน้าภรรยาอีกครั้ง ก่อนส่ายหน้าให้เบา ๆ
"มันจะไม่มีวันนั้นหรอกเอวี่อย่าเป็นกังวลเลย เอวี่เป็นเมียพี่นะ พี่อยากสร้างครอบครัวไปด้วยกันจนวันสุดท้ายของชีวิต ถ้าพี่เลือกแล้วพี่จะไม่มีวันเปลี่ยนใจแน่นอน"
ฝ่ามือเรียวของเอวิกายกขึ้นลูบแก้มสากของคนที่รักเบา ๆ ส่งยิ้มให้เขาพร้อมกับพยักหน้ารับ เชื่อกับสิ่งที่เขาพูดออกมาหมดทั้งใจ
"เรามีลูกกันสักคนไหม เอวี่จะได้มีหลักประกัน นอกจากทะเบียนสมรสเราก็ยังจะมีโซ่ทองคล้องใจด้วยไงล่ะ"
แม้ว่าคุณพิมลรัตน์จะสั่งห้ามไม่ให้จดทะเบียนสมรสกับเอวิกา แต่คนที่ดื้อรั้นอย่างเขาก็ไม่ได้เชื่อฟังผู้เป็นแม่เลยสักนิด วันนี้ก่อนเข้าบ้านใหญ่เขาพาเอวิกาแวะสำนักงานเขตกันก่อน ถึงได้ไปหาพ่อและแม่ช้ากว่าที่ควรจะเป็นจนถูกตำหนิ
"เอวี่เชื่อใจพี่กฤษณ์ค่ะ แต่เรื่องมีลูกมันคงไม่มีง่ายขนาดนั้นหรอก เอวี่คุมกำเนิดอยู่พี่ก็รู้"
"ใครจะไปรู้ล่ะ เผื่อพี่ขยันแล้วลูกอาจทะลุยาคุมมาโดยไม่รู้ตัวก็ได้นี่นา"
"หืม..ฟังดูพูดเข้าสิคะ ไม่มีหรอกมันคงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้"
"งั้น...เรามาลองปั๊มลูกทั้งวันทั้งคืนหน่อยเป็นไง มันจะไม่มีจริง ๆ เหรอ หืม...."
ใบหน้าหล่อดอมดมไปทั่วทั้งใบหน้า หยอกเย้าทำเอาเอวิกาหัวเราะเพราะจั๊กจี๋ "พี่กฤษณ์อ่ะ...." แทบจะลืมกับทุกสิ่งอย่างที่เพิ่งเครียดมาจากบ้านของกฤษณ์ดนัยไปจนหมดสิ้น
ไม่นานต่อจากนั้นทุกสิ่งอย่างถูกแทนที่ไปด้วยเสียงครวญที่หวานหูและเสียงเนื้อที่ตกกระทบดังขึ้นอย่างร้อนระอุไปทั่วทั้งห้องรับแขกของบ้าน ชีวิตแต่งงานของคู่รักข้าวใหม่ปลามันดูเหมือนจะมีความสุขมากแต่คงจะมีความสุขได้อีกไม่กี่วัน เพราะอีกไม่นานทั้งเขาและเธอก็จะต้องแยกกันอยู่ไกลคนละซีกโลกแล้ว....