แถบชานเมือง
“คุณหนูครับ คุณเจ้าป่าไปส่งของให้ผู้หญิงคนนั้นอีกแล้วครับ”
“เจ็บไม่เคยจำเลยสินะ” อลิเซียวางปากกาในมือที่กำลังเซ็นเช็คเงินสดจำนวนมหาศาลเพื่อใช้ในการปรับปรุงกิจการของตัวเอง
“ให้ผมทำยังไงดีครับ”
“เหมือนเดิม”
“แต่คุณเซียครับ แบบนี้มันจะกะ…”
“ทำตามที่ฉันสั่งก็พอ ไม่ต้องแย้ง นายก็รู้ดีว่าฉันไม่เคยฟังใคร” สายตาของร่างบางมองการ์ดคนสนิทนิ่ง ๆ ใช่ว่าไม่รู้ว่าเขาเป็นห่วง แต่นี่มันเป็นเรื่องส่วนตัว เธอคนเดียวเท่านั้นที่จะตัดสินใจได้
“เฮ้อ ครับ”
“จะว่าไป ไม่ใช่แค่เขาที่เจ็บไม่จำ ฉันเองก็เหมือนกัน นายคิดว่างั้นมั้ย?”
“เพราะคุณหนูรักเขาไงครับ”
“งั้นที่เขาไม่จำ ก็คงเพราะรักผู้หญิงคนนั้นมากเหมือนกัน” อลิเซียแสร้งพูดด้วยความเข้มแข็ง ทั้งที่ในใจของเธอ พังไม่เหลือชิ้นดี พังจนเหลือเพียงแค่เศษของหัวใจ
“ไหวอยู่มั้ยครับ”
“แน่นอน คนอย่างอลิเซีย เรื่องแค่นี้เอง” ไม่มีแม้แต่น้ำตาสักหยดไหลออกมาให้ใครได้เห็น ครั้งสุดท้ายที่ร้องไห้คงเป็นตอนแม่ของเธอเสียไป
“งั้นคุณหนูอยากทานอะไรครับ ผมจะไปเตรียมให้”
“รอเจ้าป่ากลับมาแล้วถามเขา ฉันจะกินข้าวพร้อมเขา”
“แต่แบบนั้นมันจะ…”
“ลูกฉันรอได้อยู่แล้ว ลูกก็คงอยากกินข้าวกับพ่อเหมือนกัน” คนตัวเล็กลูบท้องน้อย ๆ ไปมาสองสามครั้ง
อลิเซียมีความสัมพันธ์กับเจ้าป่าที่การ์ดพูดถึงมาเกือบ ๆ ปี โดยคนในบ้านไม่มีใครสงสัยเลยสักนิด อาจเป็นเพราะว่าเธอน่ะใช้ชีวิตเหมือนคนรักสนุก แฝดทั้งสามเลยมองว่าชายหนุ่มคนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากคนอื่น ซึ่งความจริงแล้ว มันไม่ใช่เลย
“ไม่นานคุณเจ้าป่าก็ต้องรู้นะครับว่าคุณหนูท้องแล้ว”
“ฉันจะบอกเขาแน่ ๆ แต่คงไม่ใช่ตอนนี้”
“แล้วพวกคุณผู้ชายล่ะครับ”
“เมื่อถึงเวลาที่สมควรเหมือนกัน”
“งั้นต่อไปนี้ คุณเซียต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะครับ หากมีใครรู้เข้าอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น”
“สบายใจเถอะ ตอนนี้มีแค่นายกับฉันที่รู้ หากความลับจะหลุดไปก็มาจากนายไม่ใช่ฉัน”
“โปรดเชื่อใจผม จะไม่มีใครได้รู้แน่นอน” การ์ดคนสนิทพูดอย่างมุ่งมั่น เขาน่ะจงรักภักดีต่อตระกูลบราวน์เสมอ
“ออกไปรอข้างนอกเถอะ เจ้าป่ามาแล้วให้เขาเข้ามาหาฉันก่อน”
“ครับ”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
“เรียกให้ผมเข้ามาพบเหรอ?”
“ไปไหนมา?”
“ไปเดินเล่น” ชายหนุ่มตอบพร้อมมองออกไปทางอื่น เขามักจะทำแบบนี้เสมอเวลาที่กำลังโกหก
“นายอย่าทำเหมือนฉันโง่ได้มั้ย?”
“ยังไม่เลิกส่งคนตามผมอีกหรือไง?”
“ลืมสถานะตัวเองไปแล้วเหรอเจ้าป่า?”
“ของแก้ขัดของคุณน่ะเหรอ ผมจำได้ดี แล้วยังไง ผมก็มีชีวิตของตัวเองหรือเปล่า?”
“อยากเข้าห้องแดงอีกว่างั้น ถึงยังชอบยุ่งกับผู้หญิงของคนอื่นอยู่เรื่อย” อลิเซียพูดพร้อมเค้นยิ้มมองหน้าร่างหนาอย่างเย้ยหยัน
“มันไม่ได้เกี่ยวกับคุณเลยสักนิด”
“อะไรที่นายบอกว่าไม่เกี่ยว?” หญิงสาวพูดพร้อมลุกจากเก้าอี้เดินวนรอบตัวเขาสองสามครั้ง
“…..”
“ใช้สมองอันน้อยนิดของนายจำหน่อยสิ นายน่ะเป็นของฉันอยู่”
“ผมไม่ใช่สิ่งของ”
“ถ้าไม่ใช่ก็ทำตัวให้มันเหมือนคนหน่อย เพราะนอกจากสิ่งของแล้ว ที่ฉันคิดออกนายก็เป็นแค่อุปกรณ์การเกษตรชิ้นหนึ่ง” เจ้าป่ากำหมัดแน่นหลังจากได้ยินคำพูดของเธอ
“อย่าทำให้ฉันใช้ความอดทนมากนัก คนที่นายเจอมายังสร้างบาดแผลไว้ไม่ได้ครึ่งของที่ฉันจะทำเมื่อฟางเส้นสุดท้ายขาดลง”
“ก็ปล่อยผมไปสิ จะได้ไม่ต้องอดทน”
“อย่าพูดอะไรโง่ ๆ ถ้าฉันจะปล่อยให้นายไปวอนหาที่ตาย ฉันปล่อยไปนานแล้ว”
“ผมขอให้คุณช่วยผมหรือไง?”
“แต่นายก็นอนกับฉัน หลังจากที่รอดมาได้ไม่ใช่เหรอ มันไม่เรียกว่าการตอบแทนแล้วเรียกว่าอะไร”
“คืนนั้นผมแค่เมา”
“ครั้งต่อ ๆ มานายเมาด้วยหรือเปล่า?” เขาไม่รู้ว่าต้องเถียงอะไรต่อ เพราะยังไงอลิเซียก็ชนะอยู่แล้ว
“ฉันไม่สนว่านายจะรักใคร แต่จำใส่หัวเอาไว้ว่าทั้งชีวิตของนาย ฉันเป็นคนควบคุม ผู้หญิงคนนั้นถ้ารักมากก็ออกห่างเอาไว้เพราะคนที่ฉันจะจัดการมันไม่ใช่นายแต่เป็นเธอ”
“อย่ายุ่งกับเขา”
“เชื่อฟังฉันเจ้าป่า แล้วผู้หญิงของนายจะปลอดภัยแบบนี้ตลอดไป แต่ถ้านายยังดื้อด้าน ฉันคงจะใจดีแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว”
“ถามจริง ๆ เถอะคุณอลิเซีย ผู้หญิงที่มีพร้อมทุกอย่างแบบคุณ ไม่ว่าจะเงินทอง หรือชาติตระกูลที่ดี จะมาเอาอะไรจากผู้ชายแบบผมนัก หาคนหล่อและสันดานดีกว่าผมมีเยอะแยะ ทำไมไม่ปล่อยผมไปแล้วหาคนแบบนั้น”
“เพราะฉันชอบผู้ชายเลว ๆ ที่คิดจะเป็นชู้กับเมียชาวบ้านตลอดเวลามากกว่าผู้ชายดี ๆ แบบนั้นมั้ง”
“คุณ…”
“นายคิดว่าฉันไม่รู้จักผู้หญิงที่นายรักหรือไงเจ้าป่า”
“ผมเหนื่อย ขอตัวไปนอน”
“ฉันไม่อนุญาต” ร่างหนาหยุดชะงัก
“ต้องการอะไรก็บอกมา ผมจะทำให้”
“ตอนนี้กินข้าวด้วยกันก็พอ ที่เหลือขึ้นห้องแล้วฉันจะบอก” ร่างบางลูบไล้ไปตามแผงอกแกร่งก่อนเงยหน้าขึ้นกระตุกยิ้มให้เขา
“เป็นเด็กดีเอาไว้นะ อลิเซียน่ะโมโหง่ายมาก ๆ”
“คุณแม่งโคตรเหมือนคนโรคจิต”
“ฉันน่ะโรคจิต ไม่ใช่แค่เหมือน คิดผิดให้คิดใหม่”