ตอนที่ 10 อาการป่วยขององค์หญิงเหม่ยหลี่

1631 คำ
สามวันต่อมา… หน้าจวนอ๋องแปดปรากฏรถม้าจากกรมวังหลวงเคลื่อนตัวเข้ามาจอดรออยู่ ดังที่องค์ชายสิบได้กล่าวเอาไว้ เสวี่ยอี้และอ๋องแปดก้าวเท้าขึ้นรถม้า หลังจากนั้นเพียงไม่นาน...บังเ**ยนก็ถูกบังคับให้เคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังวังหลวงอย่างช้าๆ ในห้องโดยสารรถม้า บรรยากาศเงียบงันฉับพลัน เสวี่ยอี้เหลือบตามองอ๋องแปดที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม เพื่อสังเกตว่าสามีตนกำลังแสดงสีหน้าเช่นไรอยู่ แล้วก็พบว่า อ๋องแปดมีสีหน้าวิตกกังวล ทอดถอนหายใจออกมานับครั้งไม่ถ้วน "ท่านอ๋องกังวลใจอยู่หรือเพคะ" เสวี่ยอี้เอ่ยทักขึ้นเพื่อคลายสถานการณ์ นัยน์ตาสีดำมีประกายไหลวนช้า ๆ อ๋องแปดคว้ามือของเสวี่ยอี้มากุม พลางเอ่ย "ก็มีบ้าง ข้าแค่เป็นห่วงเจ้า...เสวี่ยอี้" "หม่อมฉันมีจุดประสงค์เข้าวังเพื่อไปรักษาองค์หญิง แล้วฝ่าบาทก็รับรู้เรื่องนี้อย่างดี จะมีผู้ใดมาทำอะไรหม่อมฉันได้ล่ะเพคะ" "ที่เจ้ากล่าวมาก็จริง" อ๋องแปดเอ่ยพลางแสดงสีหน้าครุ่นคิดตาม "หม่อมฉันจะดูแลตัวเองให้ดีเพคะ ท่านอ๋องอย่าได้กังวลไปเลย" เอ่ยจบ อ๋องแปดก็คว้าเอาหยกชิ้นหนึ่งส่งยื่นให้แก่เสวี่ยอี้ "หยกนี้จะนำพาความโชคดีให้แก่เจ้า เจ้ารับเอาไว้เถิด" น่าแปลกนัก...ท่านอ๋องก็มีมุมอ่อนโยนแบบนี้ต่อข้าด้วยหรือ เสวี่ยอี้คลี่ยิ้มบาง ๆ ยื่นรับหยกนั้นมาไว้กับตัว พลางเอ่ย "ขอบคุณเพคะท่านอ๋อง หม่อมฉันจะรักษาหยกงามชิ้นนี้ให้ดีที่สุดเลยเพคะ" เพียงไม่นาน… บังเ**ยนของรถม้าก็ชะงักจอดตัวลง เสวี่ยอี้เลิกม่าน ชะโงกศีรษะดู ก็พบว่า ตอนนี้นางกำลังอยู่หน้าวังหลวงเรียบร้อยแล้ว วังหลวงช่างใหญ่โตนัก ถึงแม้ข้าจะเคยเดินผ่านหน้าวังอยู่บ่อยครั้ง แต่พอจะได้เข้าไปในวังจริง ๆ ข้ากลับรู้สึกตื่นเต้น หัวใจเต้นรัวไม่หยุดเสียอย่างนั้น ดวงตาสุกสกาวเป็นประกายจ้องมองนิ่ง เสวี่ยอี้หลุดอยู่ในภวังค์ชั่วครู่ ก่อนที่จะได้สติจากเสียงเรียกของอ๋องแปด "เสวี่ยอี้...เจ้าไม่ลงหรือ" เสวี่ยอี้ยิ้มแห้ง ๆ เอ่ยตอบน้ำเสียงตะกุกตะกัก "ละ ลงเพคะ" เมื่อลงมาจากรถม้า เสวี่ยอี้ก็สังเกตเห็นว่ามีนางในผู้หนึ่ง กำลังยืนรอรับนางอยู่ 'นางในผู้นี้คงเป็นคนดูแลที่องค์ชายสิบส่งมาสินะ…' เสวี่ยอี้คิดในใจ "ข้าคงมาส่งเจ้าได้เพียงเท่านี้ ข้าจะรอเจ้านะเสวี่ยอี้..." "เพคะท่านอ๋อง" เสวี่ยอี้ส่งยิ้มเอ่ยตอบ อ๋องแปดจ้องมองใบหน้าอันงามงดของชายาตน ก่อนที่จะเข้าไปสวมกอดร่ำลา และเดินแยกไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ที่พระตำหนักอีกทาง ทางด้านเสวี่ยอี้ หลังจากร่ำลาเสร็จนางก็หอบข้าวของถือตามนางในผู้นั้นไป วังหลวงแห่งแคว้นต้าฉิง ใหญ่โตโออ่า สมคำร่ำลือยิ่งนัก มองไปทางไหนก็ดูเจริญหูเจริญตาไปเสียหมด บรรดาสาวนางในแต่ละระดับชั้น ล้วนสวมอาภรณ์สวยสง่าสมกับเป็นนางในวัง ตั้งแต่เกิดมาข้ายังไม่เคยได้มีวาสนาเข้ามารักษาองค์หญิงถึงในวังเช่นนี้เลย กลับไปข้าคงต้องไปเล่าให้ท่านพ่อ ท่านแม่ฟังเสียแล้ว เสวี่ยอี้กวาดตามองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าตื่นตาตื่นใจ จนเดินมาถึงหน้าตำหนักขององค์หญิงเหม่ยหลี่โดยไม่รู้ตัว... "ถึงแล้วเจ้าค่ะ" เสวี่ยอี้หันขวับมอง เบิกตากว้าง ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ "ถึงแล้วหรือ…" "ใช่เจ้าค่ะ" นางในสาวเอ่ยพลางผายมือไปยังเบื้องหน้า "ที่นี่คือตำหนักขององค์หญิงเหม่ยหลี่เจ้าค่ะ" สวรรค์! นี่คือ ตำหนักขององค์หญิงจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? ไฉนตำหนักขององค์หญิงถึงเงียบเชียบเพียงนี้ ดูวังเวงยังไงไม่รู้ชอบกล ต่างจากหลายตำหนักที่ข้าเดินผ่านมาเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง สองเท้าก้าวเดินเข้าไปใกล้ตำหนักมากยิ่งขึ้น แต่เพียงก้าวไปไม่กี่ก้าว ก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง กลิ่นที่ยากที่จะอธิบายพุ่งเข้ามาในประสาทการดมกลิ่นของนางจนอดสงสัยไม่ได้ "องค์หญิงพักอยู่ที่นี่จริงหรือ" เสวี่ยอี้เอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย "จริงเจ้าค่ะ ที่ตำหนักขององค์หญิงเป็นเช่นนี้ เพราะไม่มีใครกล้าเข้ามาดูแลเรือน หรือแม้กระทั่งรักษาองค์หญิง เพราะมีข่าวลือออกไปว่าองค์หญิงเป็นโรคร้ายเจ้าค่ะ" "อย่างนี้นี่เอง…" เสวี่ยอี้เอ่ยตอบพลางคิดในใจว่า ยังไม่ทันรู้ว่าองค์หญิงเป็นอะไร ก็ด่วนสรุปกันไปเสียแล้วงั้นหรือ ในวังน่ากลัวแบบที่ท่านอ๋องว่าเอาไว้จริง ๆ "เดี๋ยวหม่อมฉันจะพาเข้าไปด้านในนะเจ้าคะ" "อื้ม" เสวี่ยอี้พยักหน้าตอบรับ เมื่อประตูด้านหน้าเรือนถูกเปิดออก นางในผู้นั้นก็พาเสวี่ยอี้เดินเข้าไปหาองค์หญิงที่เตียงนอน รอบ ๆ บริเวณเตียงนอนถูกรายล้อมไปด้วยม่านโปร่งสีขาวคลุมปิดจนทั่ว ทำให้เห็นเพียงเงาตะคุ่มขององค์หญิงจาง ๆ ผ่านผ้าม่านออกมาเพียงเท่านั้น องค์หญิงพักอยู่แบบนี้ได้อย่างไรกัน? นอกจากจะไม่ช่วยป้องกันอะไรแล้ว ยังทำให้อากาศไม่ถ่ายเทอีกด้วย เสวี่ยอี้ค่อย ๆ ใช้มือแหวกม่านโปร่งออกโผล่หน้าเข้าไปเล็กน้อย เพื่อไม่ให้องค์หญิงตกใจ พลางเอ่ยเรียกน้ำเสียงแผ่วเบา "องค์หญิงเพคะ…" องค์หญิงเหม่ยหลี่เลื่อนหน้าหันมาหาเสวี่ยอี้อย่างเชื่องช้าด้วยท่าทางหวาดกลัว ใบหน้าของนางปิดคลุมด้วยผ้าปิดปากผืนใหญ่ ถึงแม้ดวงหน้าจะเห็นเพียงแค่ครึ่งเดียว แต่ดวงตาของนางที่ปรากฏเด่นอยู่นั้น ก็ได้แสดงออกถึงความกังวลและเจ็บปวดใจอยู่ไม่น้อย "เจ้าเป็นใคร? " องค์หญิงเหม่ยหลี่กล่าว "หม่อมฉันนามว่า เสวี่ยอี้ เพคะ หม่อมฉันเป็นหมอ เข้ามารักษาองค์หญิงเพคะ" "หมอหรือ...หมอจากที่ไหนกัน เจ้าไม่กลัวข้าหรือ" ไม่แปลกใจเลยที่องค์หญิงจะหวาดระแวงเช่นนี้ เพราะดูจากสถานการณ์แล้ว นางคงกระทบกระเทือนจิตใจมาไม่น้อย "ไม่กลัวเพคะ หม่อมฉันเป็นหมอที่ถูกชักชวนจากองค์รัชทายาทให้เข้ามารักษาองค์หญิง ให้หม่อมฉันได้ลองรักษาองค์หญิงเถิดนะเพคะ" เสวี่ยอี้เอ่ยน้ำเสียงนุ่มนวล พยายามเกลี้ยกล่อมองค์หญิงเหม่ยหลี่ให้ยินยอม องค์หญิงเหม่ยหลี่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ย "หากเจ้าไม่รังเกียจ ก็เข้ามารักษาข้าเถิด" "ขอบพระทัยองค์หญิงเพคะ" เสวี่ยอี้หยิบผ้าขึ้นมาปิดปากอย่างรัดกุมก่อนคลี่ม่านออกทั้งหมด แล้วเดินไปนั่งข้างกายองค์หญิงที่เตียงนอน นางวัดชีพจรและตรวจดูอาการขององค์หญิงเหม่ยหลี่อย่างละเอียด ก่อนที่จะเอ่ยซักถามต่อ "องค์หญิงช่วยเล่าเหตุการณ์ในวันที่พบว่าป่วยให้หม่อมฉันฟังได้หรือไม่เพคะ องค์หญิงไปที่ไหนมาหรือไม่เพคะ" องค์หญิงเหม่ยหลี่ผงกศีรษะ แววตาฉายความโศกเศร้าคล้ายจะร่ำไห้ พลางเล่า" ก่อนข้าป่วย...ข้าไปหาท่านย่าที่ตำหนัก หลังจากนั้นข้ากลับมาที่เรือน ข้าก็พบว่า ตัวข้ามีเม็ดและผดแดงผุดขึ้นมาทั่วทั้งตัว เมื่อทุกคนรู้ว่าข้าป่วย พวกเขาต่างก็เข้ามาเยี่ยมเยียนข้า แต่เมื่อพวกเขาเห็นข้า ต่างก็พากันรังเกียจข้าเช่นเดียวกัน" ฟังจบ หัวคิ้วเสวี่ยอี้ก็ขมวดเข้าหากันแน่น องค์หญิงเล่าได้ค่อนข้างกว้างและยากนักที่จะวินิจฉัยได้ว่าสาเหตุเกิดขึ้นจากสิ่งใด หากสังเกตดูจากร่องรอยของตุ่มแดงต่าง ๆ บนเรียวแขนแล้ว อาจเกิดได้หลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการที่ผิวหนังเกิดอาการแพ้ การติดเชื้อหรือแม้แต่การอักเสบภายในร่างกายก็ย่อมได้ แต่การที่หมอหลวงไม่สามารถรักษาได้นั้น เป็นเพราะหาสาเหตุไม่ได้หรือมีผู้จงใจปลุกปั่นข่าวลือ กลั่นแกล้งนางกันแน่นะ "ขะ ข้าเล่าอะไรผิดหรือไม่" องค์หญิงเอ่ยเรียกน้ำเสียงตะกุกตะกักเมื่อเห็นเสวี่ยอี้เงียบไปครู่หนึ่ง เสวี่ยอี้ดึงสติกลับมา พลางยิ้มตอบ "ไม่เพคะ...เพียงแต่ว่า ข้อมูลขององค์หญิงอาจไม่ชัดเจน เอ่อ...แล้ววันนั้นองค์หญิงได้ทานสิ่งใดเข้าไปหรือไม่เพคะ" องค์หญิงเหม่ยหลี่ขบคิดครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ย "ก่อนข้าป่วย ข้ามิได้กินสิ่งใดผิดแผกไป แต่หลังจากที่ข้าป่วย ท่านอาก็ส่งยาสมุนไพรให้ข้ากิน มีเพียงท่านอาเท่านั้นที่รักข้า" "องค์หญิงทานยาสมุนไพรนานแล้วหรือยังเพคะ" "อีกหนึ่งอาทิตย์ก็จะครบเดือนแล้ว" น่าแปลกนัก…โดยปกติ จวบจะครบเดือนยาสมุนไพรก็ยังไม่ออกฤทธิ์อย่างนั้นหรือ หรือยาสมุนไพรจะมีพิษกันนะ? เสวี่ยอี้เม้มปากแน่น จมอยู่ในความคิด หัวคิ้วขมวดมุ่น "องค์หญิงหยุดทานยาสมุนไพรชนิดนั้นก่อนนะเพคะ ให้องค์หญิงแอบเอาไว้ แล้วพรุ่งนี้ยามสาย หม่อมฉันจะเข้ามาหาองค์หญิงเพคะ" "ได้" องค์หญิงเหม่ยหลี่ผงกศีรษะตอบรับ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม