พอตื่นขึ้นมาในตอนเช้าทั้งห้องก็มีเพียงความว่างเปล่าเช่นเคย ฉันไม่รู้ว่าเขากลับไปตอนไหนด้วยซ้ำเพราะพอตื่นขึ้นมาไม่เห็นแม้แต่เงา
เขาเป็นแบบนี้อีกแล้ว แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อความสัมพันธ์ของเรามันเกิดขึ้นเพราะความเมา ต่อให้ฉันจะอยากให้มันเป็นไปได้มากกว่านั้นแต่ก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะถ้าเขาคิดจะจริงจังด้วยคงไม่หายไปโดยไม่บอกกล่าวแบบนี้
ฉันควานหาโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่มักจะวางไว้ข้างหมอนทุกครั้งก่อนนอน แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนฉันไม่ได้จับมันเลยด้วยซ้ำ ภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนย้อนหวนกลับมาเล่นเอาใจฉันสั่นสะท้านจนใบหน้าร้อนวาบขึ้นมา
ครืด~
เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือทำให้ฉันมองเห็นว่ามันวางอยู่บนโต๊ะทำงานที่เมื่อคืนข้าวของกระจัดกระจาย แต่ตอนนี้ของบางชิ้นถูกเก็บขึ้นมาไว้ด้านบนแล้วถึงแม้ว่าจะไม่ใช่จุดเดิมของมัน
โทรศัพท์มือถือนี่ก็เหมือนกัน เมื่อคืนฉันไม่ได้เอามันออกมาจากกระเป๋าด้วยซ้ำแต่ตอนนี้มันกลับวางอยู่ตรงนี้ จะเป็นใครทำถ้าไม่ใช่พี่คีตะ
เขาต่างไปจากนิสัยที่ฉันเคยรู้ พี่คีตะที่ฉันแอบชอบคนนั้นเขามักจะไม่สนใจใคร ไม่ยุ่งกับใครแต่คนเมื่อคืนนั้นไม่ใช่ เขาสนใจแม้กระทั่งการแต่งตัวของฉัน แล้วยังยุ่งกับมือถือของฉันอีก
Thunya : แกยังมีชีวิตอยู่ไหมดรีม
ข้อความของเพื่อนสนิทแสดงขึ้นมาบนจนจอ ฉันกำลังจะปัดหน้าจอเพื่อเปิดอ่านแต่สายตากลับเจอเข้ากับถุงอะไรบางอย่างที่มีสัญลักษณ์แบรนด์เนมชื่อดังอยู่ด้านหน้าและมีโบสีขาวที่สกรีนด้วยสีทองเป็นชื่อแบรนด์นั้นติดอยู่ ขนาดมองแค่ถุงกระดาษยังดูมีราคา
ฉันวางโทรศัพท์มือถือไว้ที่เดิมก่อนจะเลื่อนมือไปหยิบถุงใบนั้นมาดู ด้านในมีกล่องสีขาวผูกด้วยโบสีขาวลายสีทองแบบเดียวกับด้านนอก ฉันเปิดมันดูด้านในด้วยหัวใจที่เต้นแรงผิดปกติทั้งที่ไม่รู้ว่ามันเป็นของใคร
ด้านในนั้นเป็นสร้อยคอสีทองนุ่มๆ เส้นเล็กที่มีจี้ตามแบบฉบับของแบรนด์นี้ ฉันไม่เคยจับของพวกนี้เท่าไหร่เลยไม่รู้ว่ามันคือของแท้หรือเปล่า แต่ถ้าเป็นของแท้ราคาที่เห็นผ่านตาก็คงไม่ต่ำกว่าสองหมื่นแน่ๆ
มันเป็นเครื่องประดับของผู้หญิงอย่างแน่นอน แต่เขาตั้งใจซื้อให้ฉันหรือลืมมันเอาไว้ก็ไม่แน่ใจ เพราะนาฬิกาข้อมือของเขาที่ยังวางอยู่บนโต๊ะกับสร้อยเส้นนี้ราคารวมกันก็เกือบสามแสนแล้ว
ถ้าพี่คีตะไม่ทำงานผิดกฎหมายก็ต้องไปปล้นใครมาแน่ๆ ถึงมีเงินซื้อของพวกนี้ได้ เพราะเท่าที่รู้มาพี่คีตะอยู่กับแม่แค่สองคน ที่บ้านเปิดร้านน้ำธุรกิจเล็กๆ ในครอบครัว ฐานะของเขาก็ไม่ได้ต่างจากฉันมากนัก การซื้อของราคาแพงแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ฟุ่มเฟือยมาก นอกจากว่าจะซื้อเป็นของขวัญให้ใครสักคนนานๆ ครั้ง
Thunya : ดรีม ถ้าแกไม่ตอบฉันจะไปหาที่ห้องแล้วนะ
Me : เพิ่งตื่น
ฉันหยิบมือถือขึ้นมาตอบแชทของยัยธัญญ่าแล้วเก็บสร้อยคอเส้นนั้นไว้ในกล่องของมัน วางมันไว้ที่เดิมเผื่อว่าเขากลับมาเอาจะได้ไม่คิดว่าฉันยุ่งกับของของเขาได้
เหลือบมองนาฬิกาบนหน้าจอถึงได้ตกใจเพราะตอนนี้มันบ่ายกว่าแล้ว ไม่แปลกใจที่ยัยธัญญ่ามันส่งข้อความมาหามากมาย คงคิดว่าฉันตายไปแล้วจริงๆ เพราะปกติฉันไม่เคยตื่นสายขนาดนี้ มากสุดก็แค่สิบโมงกว่าๆ
(ไง แกแอบทำอะไรอยู่ถึงมาตอบเอาป่านนี้) แค่ตอบข้อความมันคงไม่พอใจถึงได้โทรมาหาอีกเพื่อหาเรื่องฉัน แต่ก็เข้าใจว่ามันคงเป็นห่วงมาก
“ก็เมื่อคืนนอนดึก” ฉันไม่มีทางบอกว่าพี่คีตะมาหาแน่ๆ เพราะยัยนี่จะด่าเอา
(ฉันส่งแกตั้งแต่ตีหนึ่ง อย่ามาหลอกฉัน แกนัดพี่เขามาใช่ไหม)
นัดบ้าอะไรเล่าเขามาเองโว้ย มารออยู่ในห้องเลย
คำถามของธัญญ่าทำให้ฉันนึกขึ้นมาได้ว่ากุญแจห้องของฉันถูกเขายึดไว้เมื่อคืน แต่ตอนนี้มันก็ยังไม่อยู่ตรงนี้ ไม่รู้ว่าเขาเอามันไปไว้ตรงไหนเพราะกวาดสายตามองไปรอบห้องก็ไม่เห็นเจ้าหมีเน่าเลยแม้แต่เงา
คิดจะมาก็มา จะไปก็ไปแบบนี้เลยเหรอ
“แกเห็นฉันเป็นคนแบบไหนเนี่ย”
(เป็นคนดีที่เริ่มจะเสียแล้ว เพราะเจอพี่คีตะเวอร์ชันรักสนุก) คำตอบของธัญญ่าทำเอาฉันกุมขมับ จะว่าถูกอย่างที่มันว่าก็ใช่ เพราะฉันเองก็ปฏิเสธเขาไม่ได้
“เป็นแกจะทำยังไงญ่า ฉันแอบรักเขามากี่ปี เขาเล่นด้วยแบบนี้จะหนีออกไปยังไง บอกทีเถอะ” ฉันอธิบายเหตุผลของตัวเองให้มันฟัง
(แกสารภาพมาแล้วนะยัยโง่! นี่แกแอบกินตับกับพี่คีตะอีกแล้วใช่ไหม!)
“ฉันหมายถึงตอนนั้น”
(อย่ามาโกหก ฉันรู้หมดแล้วตั้งแต่เมื่อคืน) น้ำเสียงของมันอ่อนลงก่อนจะถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ (ฉันจะทำยังไงกับแกดีนะ)
“แกรู้อะไร” ฉันถามมันพลันเหงื่อก็แตกพลั่กเต็มฝ่ามือ
(ก็รู้ว่าเขามารอแกตั้งแต่เมื่อคืนไง รถคันนั้นที่ฉันเคยเห็นมันไม่มีใครขับหรอก นอกจากพี่คีตะ ราคาแพงขนาดนั้นฉันยังคิดว่าเขาขโมยมาเลย)
คงเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกผิดหวังกับการมีเพื่อนฉลาดรอบรู้เรื่องชาวบ้านแบบมัน แล้วจะหาอะไรมาเถียงอีกในเมื่อมันรู้หมดแล้ว
“ฮืออ จะให้ฉันทำยังเล่า ก็เขายึดกุญแจห้องไปตั้งแต่เมื่อคืน” ฉันยกฝ่ามือปิดหน้าตัวเอง รู้สึกขายหน้าอย่างบอกไม่ถูก “นาฬิกาก็ไม่เอากลับ แล้วยังทิ้งสร้อยของ…ไว้อีก มันคืออะไรวะธัญญ่า”
(เขาเอาให้แกเหรอ) พอได้ยินเรื่องของแบรนด์เนมมันก็ดูกระตือรือร้นขึ้นมา (ไหนลิงถ่ายมาหน่อยแบบไหน)
“ไม่รู้เหมือนกันว่าทิ้งไว้ตรงนี้ทำไม ของแพงๆ ทั้งนั้น” ฉันปรายตามองของสองอย่างบนโต๊ะที่ไม่รู้จุดประสงค์ของการมาอยู่ตรงนี้ของอัน
(เขาเอาใจแกแบบนี้หรือว่าเขาจะจริงจังวะ แต่ทำไมต้องมาๆ หายๆ แล้วยังไม่คุยกันทางอื่นด้วย เหมือนแค่แก้เหงามากกว่า) มันวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับฉันอย่างจริงจัง ยิ่งกว่าตอนสอบปลายภาคเสียอีก
“หรือเขาตั้งใจจะเอาไปให้คนอื่น แต่ลืมไว้” แค่คิดแบบนั้นหัวใจฉันก็เจ็บจี๊ดแล้ว
(ไม่หรอก เขาตั้งใจจะให้แกนั่นแหละ คนบ้าที่ไหนจะเอาลงจากรถถ้าเอาไปให้อีกคน) ที่มันพูดก็มีเหตุผล แต่เขาจำเป็นต้องซื้อของแพงๆ แบบนี้เลยหรือไงในเมื่อเขาไม่ได้คิดจริงจังกันเลยด้วยซ้ำ ถ้าเป็นพวกเงินถุงเงินถังจะไม่ว่าสักคำ ซื้อแค่อยากเอาใจหญิง
“ฉันก็ไม่รู้”
(เฮ้อ ฉันไม่รู้ด้วยแล้วโว้ย ปวดสมองไปหมดแล้ว แค่นี้นะ) พูดจบมันก็กดตัดสายไปดื้อๆ ทิ้งให้ฉันสับสนกับสิ่งที่พี่คีตะทำเอาไว้อยู่ตรงนี้คนเดียว
ช่างเถอะ จะเกิดอะไรขึ้นมันก็ต้องเกิด ถ้ามันจะเจ็บกว่านี้ก็แค่ถอยออกมาเท่านั้นเอง
ฉันทิ้งทุกอย่างไว้บนโต๊ะแล้วรีบเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแต่งตัว ต้องแอบเอากุญแจสำรองไปปั๊มเพราะโดนพี่คีตะยึดไว้ ไหนจะต้องทำงานส่งอาจารย์วันจันทร์นี้อีก เย็นนี้ก็มีนัดกับพี่รหัสสุดหล่อดีกรีอดีตเดือนมหาวิทยาลัย แถมยังขี้บ่นอีกต่างหาก
ดีแล้วที่มีเรื่องให้ทำมากมายจะได้ไม่ต้องมาฟุ้งซ่านกับเรื่องของเขา
******************