เซี่ยหนิงได้สติ นางถลึงตามองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ นอกจากจะไร้มารยาทเข้ามาในที่ส่วนตัวโดยพละการแล้ว ยังปากเสียอีก
“ทะ...ท่านมีธุระอะไร” เซี่ยหนิงถามเสียงสั่น
คำพูดของเซี่ยหนิงทำให้ซ่งหลานต้องขมวดคิ้วอีกครั้ง ปกติแล้วเซี่ยหนิงจะเรียกเขาว่าท่านพี่ด้วยน้ำเสียงออดอ้อนออเซาะ ท่าทีประหลาดของนางย่อมทำให้เขารู้สึกสงสัย ทว่าไม่ได้เก็บมาใส่ใจมากนัก
ซ่งหลานยืดตัวขึ้น โยนถุงผ้าเล็กๆ ลงมา โชคดีที่เขาพกสิ่งนี้ติดตัวตลอด “หากยังอยากมีชีวิต ก็รีบกินเสีย”
เซี่ยหนิงรับทันพอดี นางเปิดปากถุงผ้าที่เขาโยนให้ด้วยมืออันสั่นเทา ข้างในมีก้อนกลมๆ สีดำอยู่สองสามก้อน
เซี่ยหนิงกำลังจะอ้าปากถามว่าสิ่งนี้คืออะไร ทว่าร่างสูงตรงหน้ากลับหันหลังเดินหนีไปแล้ว นางจึงทำได้แค่มองค้อนตามหลังเขา
ซ่งหลานออกจากห้องอาบน้ำไปไม่นาน ลั่วเอ๋อร์ก็วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมน้ำในมือ “นายหญิงเจ้าคะ นายท่านหายาแก้กำหนัดได้แล้ว ท่านรีบกินเสียเถิดเจ้าค่ะ”
เซี่ยหนิงหยิบก้อนกลมสีดำขึ้นมาพิจารณา ยกแตะที่ปลายจมูก นางได้กลิ่นคล้ายยาสมุนไพรอ่อนๆ จึงคิดว่าคงเป็นยาลูกกลอนกระมัง
ลั่วเอ๋อร์เห็นนายหญิงไม่รีบร้อน จึงย้ำด้วยความเป็นห่วง “นายหญิง ท่านรีบกินยาเถิดเจ้าค่ะ”
เซี่ยหนิงยังคงปากสั่น “มะ...ไม่ใช่ว่าเขาเอายาพิษให้ข้ากินนะ”
“โธ่ ท่านคิดมากเกินไปแล้วเจ้าค่ะ” ลั่วเอ๋อร์คิดว่าแม้นายท่านไม่ชอบนายหญิง ก็คงไม่ถึงกับลงมือฆ่าแกงกันหรอก เผลอๆ อาจเริ่มใจอ่อนลงบางแล้ว มิเช่นนั้นจะยอมช่วยเหลือนายหญิงของนางหรือ เมื่อก่อนนายท่านเคยสนใจนายหญิงเสียที่ไหน
เซี่ยหนิงรับน้ำจากลั่วเอ๋อร์ ยอมกินยาแต่โดยดี มิวายจ้องคนของตนเขม็ง “หะ...หากข้าตายกลายเป็นผี ข้าสัญญาจะมาหลอกเจ้าเป็นคนแรก”
.
.
ณ ลานกว้าง จวนสกุลซ่ง
เสียงกระบี่กระทบกันดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ สองบุรุษต่างแสดงฝีมือกันอย่างเต็มที่ มีช่วงหนึ่งที่ซ่งหลานเสียจังหวะ จึงทำให้ถูกคมกระบี่ของอีกฝ่ายเฉือนเข้าที่ต้นแขน
“พี่ใหญ่ ขออภัย!” ซ่งเสวียตกใจ รีบทิ้งกระบี่ในมือแล้ววิ่งเข้ามาดูพี่ชาย
ดีที่แผลนั้นไม่ลึกไม่ยาว ลักษณะคล้ายถูกกิ่งไม้ข่วนเสียมากกว่า ซ่งหลานเองก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากนัก เขายิ้มแล้วกล่าวกับน้องชายคนรองว่า “ฝีมือเจ้าสมกับเป็นหัวหน้าองครักษ์จริงๆ”
ซ่งเสวียหัวเราะ “ฝีมือพี่ใหญ่ก็ไม่เลว หากไม่พลาดจังหวะเมื่อครู่ ท่านคงชนะข้าไปแล้ว”
ซ่งหลานมีน้องชายสองคนและน้องสาวอีกหนึ่ง มารดาเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวเมื่อหลายปีก่อน บิดาไม่มีพี่น้องและไม่ได้แต่งงานใหม่ ตระกูลสายหลักจึงมีเพียงเท่านี้ ทำให้พี่น้องบ้านนี้สนิทสนมรักใคร่กันดี
สองพี่น้องเดินกอดคอกันไปนั่งพักเหนื่อยที่โต๊ะม้าหิน บ่าวรับใช้รีบนำน้ำดื่มและผ้าสะอาดมาให้พวกเขาซับเหงื่อ ออกกำลังเมื่อครู่เรียกเหงื่อได้ดี แม้ช่วงค่ำอากาศจะเย็นลงมากแล้วก็ตาม
ซ่งเสวียเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “พี่ใหญ่ ข้าได้ยินพ่อบ้านต้วนบ่นพี่สะใภ้เรื่องใช้คนขนน้ำแข็งจนแทบหมดห้อง อากาศช่วงนี้ก็ไม่ร้อน นางเอาน้ำแข็งไปทำอะไรตั้งมากมายหรือ” เขาได้ยินพ่อบ้านชราบ่นตอนกลับถึงจวน คิดว่าเซี่ยหนิงอาจสร้างเรื่องอะไรให้พี่ชายอีกหรือไม่
พอได้ยินคำถามจากซ่งเสวีย สีหน้าของซ่งหลานก็ดำคล้ำทันที “อย่าพูดถึงนางเลย” เขาไม่อยากพูดเรื่องนาง แม้สักนิดก็ไม่อยาก
ซ่งเสวียรู้ดีว่าพี่ชายไม่ชอบพี่สะใภ้ ถึงขั้นชิงชังนางเลยก็ว่าได้ เพราะเหตุใดเขาเองก็รู้เช่นกัน
แต่ซ่งเสวียยังมีอีกคำถามที่ยังค้างคาและสงสัย “แล้วเรื่องของเสี่ยวลู่ พี่ใหญ่คิดจะทำอย่างไร หรือปล่อยให้เรื่องดำเนินไปเช่นนี้”
หลี่เสี่ยวลู่เป็นคนรักของซ่งหลาน ทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่เด็กเพราะสองตระกูลไปมาหาสู่กันบ่อยๆ พอโตขึ้นความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวจึงพัฒนาตาม ซ่งหลานเคยเปรยๆ กับผู้ใหญ่ฝั่งหลี่เสี่ยวลู่ไว้ว่า หากกลับจากซานเยวี่ย เขาจะให้แม่สื่อไปทาบทามหลี่เสี่ยวลู่
แต่ใครจะไปคิด ว่าซ่งหลานจะกลับมาพร้อมผู้หญิงอีกคน อีกทั้งยังกราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากันแล้ว ยังดีที่เรื่องคนจากสกุลซ่งจะให้แม่สื่อไปทาบทามคนของสกุลหลี่ไม่มีคนนอกรู้ ไม่เช่นนั้นคนสกุลหลี่คงอับอาย แต่กระนั้นก็ทำให้สกุลหลี่ไม่ไปมาสู่กับสกุลซ่งอยู่ครึ่งปี
การที่จู่ๆ ซ่งหลานพาผู้หญิงเข้าบ้าน ย่อมทำให้บิดาและฮูหยินผู้เฒ่าตกใจ ซ่งหลานไม่ได้บอกใครว่าเซี่ยหนิงใช้เล่ห์เหลี่ยมผูกมัดตน เขาบอกเพียงว่าตนเองไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนคหบดีเซี่ย ดื่มจนเมาไร้สติแล้วเผลอล่วงเกินนางจึงต้องรับผิดชอบ เขาบอกความจริงเรื่องนี้กับซ่งเสวียเพียงผู้เดียวเท่านั้น
ซ่งหลานถูกผู้ใหญ่ตำหนิไม่น้อย แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว นอกเสียจากเข็นเรือตามกระแสน้ำ
ส่วนหลี่เสี่ยวลู่เมื่อทราบข่าวว่าชายคนรักแต่งงานกะทันหันกับผู้หญิงคนอื่น นางก็หนีหายไปจากชีวิตเขา ไม่ยอมพบหน้า ไม่ยอมพูดคุย ไม่ให้โอกาสซ่งหลานได้อธิบายใดๆ เลย
ซ่งหลานเคยไปหาหลี่เสี่ยวลู่ที่จวนสกุลหลี่ แต่กลับถูกมารดาของนางปฏิเสธ อีกทั้งยังขอร้องให้เลิกข้องเกี่ยวกับหลี่เสี่ยวลู่ หากยังเห็นแก่ความสัมพันธ์ของสองตระกูล
ตั้งแต่นั้นซ่งหลานก็ไม่ได้เจอหลี่เสี่ยวลู่อีกเลย เขาเคยได้ข่าวจากซ่งเสวียว่านางเอาแต่ขังตัวอยู่แต่ในเรือน ไม่ยอมพบหน้าผู้ใด ข้าวปลาไม่ยอมกินจนรูปร่างผ่ายผอมน่าสงสาร
ซ่งหลานรู้สึกผิดต่อหลี่เสี่ยวลู่จวบจนทุกวันนี้ เขาเคยสัญญาว่าจะแต่งงานกับนางเพียงผู้เดียว...
แต่เขาผิดสัญญา
ลึกในใจซ่งหลานยังปรารถนาให้หลี่เสี่ยวลู่เคียงข้างกาย
“ข้าจะลองคุยกับเซี่ยหนิงด้วยเหตุผลดูอีกสักครั้ง...” ชายหนุ่มถอนหายใจ เพราะรู้ว่าการคุยด้วยเหตุผลกับเซี่ยหนิงนั้นยากพอๆ กับงมเข็มในแม่น้ำหวงเหอ