“มีแค่นี้เองเหรอ ประวัติส่วนตัวไม่เห็นบอกอะไรเลย มีแค่ที่อยู่อาศัย กับอยู่กับใคร”
“ครับ เธออาศัยอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ‘อุ้มรัก’ ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีใครครับ”
“แค่นี้...”
“ครับ”
“มันน่าจะมีมากกว่านี้นะ ความสามารถขนาดนายหาได้แค่นี้เองหรือไง...แซม”
“เออ... แต่ที่ดินที่สถานเลี้ยงเด็ก ’อุ้มรัก’ ติดจำนองธนาคารอยู่ครับ เป็นเงินจำนวนมากพอสมควร”
“ครับ”
“อย่างนั้นเหรอ”
“ครับ”
“อืม... คงรู้นะว่าต้องทำยังไง ฉันให้เวลาสองวัน ทุกอย่างต้องเรียบร้อย”
โดมินิคสั่งงานเรียบร้อยก็เดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีกลับเข้าห้องนอน เพื่อไปทำธุระสวนตัว
“ฉันจะรอดูสิ เธอจะหนีฉันยังไง ถ้าต้องเลือกระหว่างยอมเป็นนางบำเรอของฉัน กับความกตัญญู เธอจะเลือกอะไรล่ะแม่สาวน้อย จะทิ้งให้ทุกคนต้องผจญกับปัญหา หรือว่าจะแบกรับไว้คนเดียวดี”
โดมินิคอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็ออกมาจากห้องพักตรงไปที่ทำงาน ในวันนี้มีประชุมบอร์ดบริหารเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยขององค์กร เหมือนกับที่เขาทำมาในหลายๆ ประเทศ ทุกประเทศจะมีตัวแทนคอยทำงานอยู่แล้ว แค่ไปตรวจดูความเรียบร้อย และแก้ปัญหาบางประเภทที่มันเกินอำนาจตัดสินใจของทีมผู้บริหาร เขาและผู้ติดตามจึงต้องเดินทางไปทุกประเทศที่มีสาขาของ รร.Grand Hotels. ความที่เดวิดถ่ายโอนอำนาจให้โดมินิคเริ่มทำงานตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ สองคนตายายก็พากันไปเที่ยวพักผ่อนตามประสาคนแก่กันสองคน ปล่อยให้โดมินิคมุมานะบริหาร จนสามารถขยายสาขาออกไปในหลายๆ ประเทศเพิ่มมากขึ้นมากกว่าตอนสมัยที่เดวิดสร้างไว้ หนุ่มโสดหล่อและรวย ทำให้ชีวิตของโดมินิคไม่เคยขาดคนข้างกาย จึงทำให้อดโมโห วราพิชชาไม่ได้ หล่อนไม่ใช่คนดังมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย ดารานางแบบบางคนแค่ได้ควงเขาก็แทบจะสมยอมฟรีๆ โดมินิคเสนอเงินให้แล้ววราพิชชายังเล่นตัว เขายอมลดตัวไปมีความสัมพันธ์ด้วยก็น่าจะยินดี ไม่ได้ดูถูกนะ ในชีวิตนี้วราพิชชาไม่น่าจะหาผู้ชายที่ดีเลิศกว่าตัวโดมินิคเองได้
ผู้บริหารรายอื่นๆ นึกแปลกใจไปตามๆ กัน วันนี้โดมินิคอารมณ์ดีนั่งฟังหัวหน้าฝ่ายแต่ละฝ่ายรายงาน โดยไม่มีข้อโต้แย้ง แถมยังฟังไปยิ้มไป นานๆ จะได้เห็นโดมินิคในมาดแบบนี้กันสักที ธรรมดานี่ซักถามทุกๆ คำรายงานจนหัวหน้าฝ่ายเหงื่อตกไปตามๆ กัน การประชุมราบเรียบ เมื่อประธานไร้ข้อกังขา หลังจากเสร็จสิ้นการรายงาน และปรึกษาหารือเกี่ยวกับงานเสร็จเรียบร้อย โดมินิคและผู้ติดตามจึงพากันเดินออกจากห้องประชุมไป
“มีงานที่ไหนต่ออีกเหรอเปล่า” โดมินิคถามแซมเสียงเรียบ ทันทีที่เดินพ้นประตูห้องประชุม
“ไม่มีแล้วครับ ถ้ามีก็ตอนเย็น คุณต้องไปงานเปิดตัวรถยนต์ที่คุณพนาเชิญไว้ครับ” แซมเปิดสมุดนัดหมายก่อนรีบรายงานออกไป
“ตอนนี้ก็ว่างแล้วใช่ไหม” โดมินิคถามต่อ พยักหน้าหงึกหงัก
“ครับ...”
“ยัยนั่นทำงานชั้นไหนละ” โดมินิคหยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบเหมือนเดิม
“ใครครับ ยัยคนไหนครับ”
“ก็ยัยแม่บ้านนะสิ ฉันอยากไปดูเขาทำงานนะ”
“อ๋อ... คุณวราเธอทำอยู่ชั้นสองครับ”
โดมินิคมองแซมตาคว่ำด้วยความหมั่นไส้ คนสนิทของเขามีหรือจะไม่รู้ความต้องการ แซมก็แค่แสร้งทำเป็นไม่รู้ เพื่อกวนอารมณ์เขาเท่านั้นเอง
“นำฉันไปสิ” โดมินิคกลบเกลื่อนความอายด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ
“ครับ...” แซมและการ์ดพากันเดินนำด้วยสีหน้าที่กลั้นยิ้มไว้สุดความสามารถ
แซมออกเดินนำหน้า เพื่อที่จะพาโดมินิคไปยังจุดหมายที่ต้องการทันที แซมอดแปลกใจในตัวเจ้านายไม่ได้ แค่พนักงานระดับล่างคนหนึ่งไม่มีความสำคัญอะไรมากมาย แค่ตรวจสอบประวัติความเป็นมามันก็มากเกินพอ แล้วนี่ยังจะไปคอยจับตามองอย่างใกล้ชิด ถึงขั้นตามดูห่างๆ ว่าทำอะไร อยู่ตรงไหน แค่คิดก็อ่อนใจ แทนผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ ไม่รู้ว่าเธอต้องเจอกับอะไรบ้าง ยิ่งเจ้านายเป็นคนที่ชอบเอาชนะ ต้องเป็นที่หนึ่ง อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่มีคำว่าไม่ได้อย่างโดมินิคด้วย แซมเริ่มนึกหวั่นใจแทนสาวน้อยที่หลงผ่านมาและไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรเลย
เมื่อถึงยังจุดหมายที่ต้องการ โดมินิคพยายามมองหาเป้าหมายของตัวเอง และเผลอเดินนำการ์ดไปด้วยความใจร้อนโดยไม่รักษาอาการ รีบด้วยความลืมตัว แซมแอบอมยิ้มขำๆ เจ้านายคงไม่รู้ตัว กลัวว่าจะไม่เจอผู้หญิง เพราะนี่ก็ใกล้เวลาพักเที่ยง คงกลัวว่าเธอจะหนีไปพักก่อน พอเดินเลี้ยวพ้นมุมตึกไป ก็เจอรถอุปกรณ์ทำความสะอาดจอดอยู่พอดี โดมินิครีบสาวเท้าเดินตรงไปโดยไม่สนใจบรรดาการ์ดที่เดินตาม ก่อนจะหันกลับมาปรามด้วยแววตาเฉยชา เหมือนเป็นการบอกใบ้ว่าไม่ต้องตามมา แซมและการ์ดคนอื่นๆ หยุดมองอยู่ห่างๆ พวกเขาเห็นเจ้านายตัวเอง ทำทีเดินเอื่อยๆ ตรงไป เหมือนมาตรวจงานตามปกติ ผิดกับตอนก่อนหน้านี้ที่รีบเดินจนพวกเขาเองเดินตามแทบไม่ทัน
“อีตาเศรษฐีบ้านี่มาแถวนี้ทำไมนะ...สงสัยจะว่างงาน“
วราพิชชาบ่นเบาๆ ออกมาเมื่อเห็นโดมินิคเดินตรงมายังบริเวณที่ตัวเองทำงานอยู่ เขาเดินเอื่อยๆ ก็จริง แต่มองก็รู้ว่าจุดมุ่งหมายอยู่ที่เธอเอง เมื่อเห็นดังนั้น วราพิชชาจึงรีบเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดในที่เก็บ ก่อนจะปัดฝุ่นที่เสื้อผ้าเบาๆ เตรียมตัวไปหาอาหารกลางวันกิน ไม่อย่างนั้นวันนี้คงไม่ได้พักแน่ เพราะดูจากท่าทางการเดินตรงมาของโดมินิค คงต้องมาหาเรื่องตัวเองแน่นอน
โดมินิคเดินมาถึงก็เมียงๆ มองๆ อยู่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นแบบไหน ทุกทีมีแต่สาวๆ วิ่งเข้าหาไม่เคยเลยที่ต้องมาเริ่มต้นเจรจาเอง แต่เห็นหล่อนพยายามเก็บของ ก็เลยต้องตัดสินใจเด็ดขาด เมื่อมาถึงที่แล้ว เป็นไงเป็นกันสิ
“งานหนักจะตายไม่เหนื่อยแย่เหรอ สนใจจะทำงานสบายๆ มีเงินใช้ไม่ขาดไหมละ” เสียงทุ้มๆ เปรยลอยๆ ไม่ได้เจาะจงว่าพูดกับใคร
วราพิชชาเงยหน้าขึ้น และมองตรงไปยังโดมินิคก่อนจะถาม
“คุณ...พูดกับดิฉันใช่ไหมคะ”
“ก็อยู่กันสองคน...ไม่พูดกับเธอจะพูดกับใครล่ะ ถามมาได้” โดมินิคตอบเสียงห้วน
“ดิฉันไม่คิดว่าจะมีใครมาถามคำถามแบบนี้กับดิฉันนะคะ ในเมื่อคุณกล้าถาม ดิฉันก็จะตอบ ดิฉันพอใจกับการทำงานในหน้าที่ๆ ทำอยู่ตอนนี้ ถึงมันจะหนัก ถึงมันจะเหนื่อย พอได้พักมันก็หายเหนื่อยแล้วค่ะ ส่วนเรื่องเงิน ทุกวันนี้ดิฉันก็มีพอใช้ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ คุณช่างเป็นเจ้านายที่ใจดีมาก อุตส่าห์เป็นห่วงลูกจ้าง ถึงขนาดลงมาดูด้วยตัวเอง ต้องขอบคุณแทนพนักงานทุกๆ คนจริงๆ ค่ะ” วราพิชชาอดแดกดันโดมินิคไม่ได้ เมื่อได้ยินคำพูดที่ดูเหมือนจะแฝงคำดูถูกเหยียดหยามเอาไว้ จนคนฟังหน้าชาไปกับคำดูถูกแบบนั้น
“ฉันหวังดีกับเธอนะ ทำงานแบบนี้มันจะได้เงินเดือนเท่าไหรกัน อุตส่าห์เสนอเงื่อนไขให้เธอได้มีโอกาสเลือก แต่ถ้าเธอไม่สนใจล่ะ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก อย่ามาว่าฉันใจร้ายทีหลังไม่ได้นะ” โดมินิคกระซิบลอดไรฟัน พร้อมทั้งข่มขู่ไปในตัว เมื่อสาวเจ้าย้อนคำเสียแสบสันต์
โดมินิคพูดจบก็หันกลับ พร้อมกับพูดเปรยๆ กับการ์ดที่รออยู่ พร้อมกับชำเลืองมองวราพิชชาในขณะที่พูดด้วยแววตาวาววับ
“ฉันอยากได้ที่สักแปลง อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่หรอก ไม่ต้องกว้างนักซักประมาณ3-4ไร่ เอาไว้ปลูกบ้านหลังเล็กๆ เวลามาตรวจงานที่เมืองไทย ฉันไม่อยากนอนร.ร.หาให้ฉันด่วน!!! ฉันเห็นอยู่แปลงหนึ่งตรงข้างที่นี่ หน้าสนใจดีนะ ไปเจรจาให้หน่อย ฉันใจร้อนอยากรู้ผลไวๆ”
วราพิชชาขมวดคิ้ว ไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของเขาหรอก คนร่ำรวยเอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ไม่รอช้า เธอส่ายหน้าทำงานต่อ แอบไหวไหล่หมั่นไส้เจ้านายจอมยโสไม่ได้
“อีตาเศรษฐีบ้านี่ต้องการอะไรนะ ชักสงสัยแล้ว... ไม่รู้ว่าจะแกล้งอะไรเราอีกหรือเปล่าสิ... ไม่สนใจแล้ว ไปกินข้าวดีกว่า ป่านนี้นิสารอนานแล้ว เดี๋ยวจะโดนบ่นอีก”
วราพิชชารบ่นงึมงำออกมาเบาๆ ตามหลังโดมินิค ก่อนจะรีบไปหาเพื่อนที่นัดกันไปทานอาหารกลางวัน ส่วนชายหนุ่มก็มองตามสาวน้อยไปจนลับสายตา
“พวกนายคงรู้นะว่าฉันต้องการอะไร ฉันให้เวลา สามวัน ไม่สิสองวันก็พอ งานง่ายๆ แค่นี้เอง”