ตอนที่ 5 ว่าที่ลูกสะใภ้คนที่ 2 -1-

2597 คำ
แล้วไง... ได้เบอร์มาแล้วจะทำอย่างไรต่อ? ก็มี... คนที่กล้าขอเบอร์แต่ไม่กล้าโทรไป อีกฝ่ายเป็นถึงเลขาฯ ท่านประธานใหญ่ ส่วนเธอเป็นแค่เด็กนักศึกษาธรรมดา ๆ จะโทรไปถามไถ่สุขภาพเหรอ...? ก็ดูจะไม่ใช่เหมาะสม หรือจะถามเกี่ยวกับเรื่องอาชีพ เจ้าหล่อนก็รู้อยู่แล้วว่าเขาทำงานอะไร เด็กสาวนอนกลิ้งไปมาบนเตียงนอนขนาด 3.5 ฟุต ห้องพักขนาดใหญ่พอที่จะให้ทั้งสองสาวอยู่ด้วยกันอย่างไม่คับแคบ ทุกอย่างจัดแบ่งเป็นโซนในชัดเจน มีทั้งห้องครัวเพราะทั้งคู่ชอบทำอาหารทานเอง ห้องน้ำ และโซนโต๊ะเรียนและทำงานของทั้งคู่ แน่นอนว่ามีผู้อุปถัมภ์หลักอย่างซัน แฟนหนุ่มของเพกาอยู่เบื้องหลังความสะดวกสบายทั้งหมดนี้ หอพักที่นี่เหล่านักศึกษาอยู่กันเยอะ ค่าครองชีพก็ถือว่าถูกแสนถูก บางอย่างก็เป็นนักศึกษานี่แหละเป็นคนทำอาหารมาขายถึงห้อง บ้างก็แจกฟรีจากนักศึกษาคณะคหกรรมบ้าง การโรงแรมบ้าง เรียกได้ว่าอิ่มจังตังค์อยู่ครบก็มีมาบ่อย หากถามถึงเรื่องการเดินทาง ก็มีคมนาคมผ่านหลายอย่าง มีตั้งแต่รถเมล์ รถตู้โดยสาร ที่จอดตามตึกเรียน เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องเดินกันเลยทีเดียว หรือใครมีทุนทรัพย์หน่อย ก็สามารถเรียกแท็กซี่ใช้บริการได้ตลอด ชีวิตช่างสุขสบาย ต่างกับการเรียนที่จบยากจบเย็นชะมัด “จะกินอะไรหรือเปล่า? ฉันจะออกไปซื้ออะไรขึ้นมา” เพกาถามเพื่อนสนิทที่นอนมองจอมือถือมาเป็นชั่วโมงแล้ว แต่จู่ ๆ เพื่อนเธอก็กระเด้งขึ้นมานั่งพร้อมส่งแววตาวิบวับให้เธอ “เป็นอะไรอีกยะ!? วิจัยทำแกเป็นบ้าเหรอ!?” ใน 2 – 3 วันมานี้ เพื่อนสาวของเธอแปลกไป แปลกชนิดที่ว่าเปลี่ยนไปคนละคน จากคนที่ไม่ค่อยใส่ใจอะไร ตอนนี้กลับนั่งหน้ากระจกนานเป็นพิเศษ เดินไปเดินมาเหมือนคิดอะไรอยู่ แถมยังพูดคนเดียวจนคนที่อยู่ด้วยอย่างเธอประสาทจะรับประทาน และไอ้อาการจ้องหน้าจอไม่พักนี่ด้วย เพราะดูยังไงก็ไม่เห็นทั้งข้อความ หรือใครโทรมาสักคน หรือว่าเจ้าหล่อนจะเกิดอารมณ์กับหน้าจอมือถือหรืออย่างไร... ไร้สาระชะมัด! “ใช่! เรื่องวิจัยไง!” ปริมทำหน้าอย่างกับค้นพบสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 9 ของโลกได้สำเร็จ “อะไร! ทำไม! ยังไง!?!” เพกาถึงกับสะดุ้ง เมื่อเพื่อนสนิทกระโดดโลดเต้นวิ่งเข้ามากอดเธอด้วยความดีใจสุดขีด ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้เธอยื่นงงกับความไม่เข้าใจอยู่แบบนั้น “สรุป... มันจะกินอะไรมั้ยเนี่ย!?” “อ่ะแฮ่ม ๆ” หญิงสาวกำลังเคลียร์คอ ก่อนจะกดโทรออก แต่ก็หยุดไปเสียก่อน และยกหน้าจอมาดูอีกที นี่ก็เกือบจะเที่ยงแล้ว ไม่รู้ว่าปลายสายยุ่งอยู่หรือเปล่า หากเขายุ่งจนไม่ได้รับสายล่ะ เจ้าหล่อนยังจะกล้าโทรหาอีกครั้งหรือไม่ หลังจากเครียดเรื่องจะโทรหาเรื่องอะไรได้ถูกเคลียร์ไปแล้ว ตอนนี้เจ้าหล่อนกับกำลังเครียดเรื่องเวลาโทรต่ออีก ช่างน่าสงสารอะไรแบบนี้นะ Errr~ เสียงเรียกเข้าที่ไม่คุ้นหูดังขึ้น เรียกความสนใจจากเจ้าของเบอร์เป็นอย่างมาก หลังจากที่เคร่งเครียดเรื่องงานมาทั้งวัน ทั้งโปรเจคใหม่ที่ถูกท่านประธานโยนมาให้รับผิดชอบ รวมถึงงานอื่น ๆ ที่ตนเองไม่ยอมวางมือเพราะยังไม่มีใครพอจะไว้ใจได้ ตอนนี้แทบไม่มีเวลาจะหายใจเลยก็ไม่ผิด แต่จู่ ๆ เบอร์โทรที่ตนทะนุถนอมก็โทรเข้ามา งานที่วางเกลื่อนกลาดกลางโต๊ะกลายเป็นตัวสำรองทันที ชายหนุ่มกระโดดเข้าหามือถือของตนเองอย่าไว ราวกับว่ามันเป็นของมีค่าก็ไม่ปาน “ครับ... ปริม” [เอ๊ะ?] เด็กสาวถึงกับสะดุ้ง ไม่คิดว่าปลายสายของตนจะเมมเบอร์ของตนเอาไว้ “มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ถึงไม่มีอะไรก็โทรได้ ต่อให้โทรมาแล้วไม่พูด โทรมาเฉย ๆ เขาก็พร้อมจะเคลียร์งานที่แสนยุ่ง และแหวกทางให้เธอเสมอ เมื่อเห็นปลายสายเงียบไป ตาลุงวัย 32 อย่างเขาก็รู้สึกไม่สบายใจทันที “ปริมครับ?” [เออ... คือว่า... ฉัน...] เด็กสาวเริ่มพูดไม่เป็นภาษา ลืมหมดแล้วที่ตนเองท่อนไว้ว่าจะพูดอะไรบ้าง [คือว่า...] “ไปกินข้าวกันไหมครับ พรุ่งนี้ช่วงบ่ายผมว่าง” [ไปค่ะ! ไป!] ปริมตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด ในเมื่ออีกฝ่ายเปิดทางมาขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องหาข้ออ้างอะไรอีกแล้ว เรื่องอะไรที่ตนเองจะไม่เดินเข้าไป เรื่องงานวิจัยเป็นอย่างไรก็ชั่งสิ ที่จริงก็ไม่ได้สงสัยอะไรขนาดนั้นเสียหน่อย ตอนนี้เรื่องผู้ชายต้องมาก่อนค่ะ! “เดี๋ยวผมไปรับนะครับ” [ค่ะ... คุณพี] คนที่กำลังอ่อนแรงเหมือนโดนชาร์จพลังงานจนเต็มอีกครั้ง ไม่เคยรู้เลยว่าการได้คุยกับใครสักคน มันจะน่ายินดีปรีดาขนาดนี้ เมื่อก่อนก็เคยนึกสงสัยกับพฤติกรรมประหลาด ที่ซันเหมือนเป็นคนอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เวลาคุยกับเพกาแฟนสาว ตอนนี้ชายหนุ่มเริ่มเข้าใจแล้วว่ามันเป็นเพราะอะไร เมื่อเจ้าหล่อนวางสายไปเพราะไม่อยากรบกวน คนที่เต็มใจให้รบกวนก็ยังคงจ้องหน้าจอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่พัก “ขอโทษนะคะคุณพิพัฒน์ พอดีฉันเคาะประตูแล้วแต่คุณไม่ตอบ” ผู้ช่วยสาวถือวิสาสะเข้าห้องมา ภาพตรงหน้าเธอทำให้เจ้าหล่อนนึกสงสัยว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้นกับชายหนุ่มกันแน่ เมื่อไม่กี่วันก่อนก็ครั้งหนึ่งแล้ว มาวันนี้อีก หรือว่า... ‘กำลังมีความรัก!?’ ‘ออยล์’ ปกติเธอไม่ค่อยสนใจใคร คนที่สนใจมีเพียงคนเดียวนั่นก็คือเจ้านายของเธอ ‘พิพัฒน์’ เธอทำงานกับเขามาหลายปี นานมากพอที่จะรู้ว่าเขามีการเปลี่ยนแปลงมาน้อยแค่ไหน แน่ละ เพราะเขาคือคนที่อยู่ในสายตาของเธอตลอด ยอมรับว่าพิพัฒน์คือชายที่ตนตกหลุมรักมานาน การที่เห็นชายหนุ่มค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างที่ตนไม่ตั้งตัวแบบนี้ มันยิ่งทำให้หญิงสาวกังวลใจ “พอดีผมมีติดสายสำคัญอยู่... คุณออยล์มีอะไรหรือเปล่าครับ?” พีพยายามปรับรูปหน้าของตัวเองให้เรียบนิ่งเหมือนในยามปกติ แม้ในใจตอนนี้อยากจะกระโดดโลดเต้นก็ตาม “พอดีทีมตลาดจะไม่อยู่ค่ะ เลยจะยกประชุมเป็นพรุ่งนี้ช่วงบ่ายแทน... คุณพิพัฒน์ไม่มีงานช่วงบ่ายด้วย ฉันเลย...” “พรุ่งนี้ช่วงบ่ายผมมีนัดสำคัญครับ” “นัดอะไรเหรอคะ?” “ผมว่าผมไม่ต้องรายงานคุณเรื่องนี้นะ” คำพูดที่ดูเหมือนจะใจร้ายทำเอาออยล์หน้าร้อนวูบไปพักหนึ่ง นัดสำคัญของพีที่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอีกหรือเปล่า เขาไม่มีทางทิ้งมันไปง่าย ๆ หากให้เลือกระหว่างเรื่องงาน กับเรื่องเธอ ตอนนี้ของเลือกเรื่องของเด็กสาวก่อน เรื่องงานตอนนี้... “ส่วนเรื่องประชุม ค่อยประชุมหลังจากที่พวกเขากลับมาก็ได้ครับ งานนี้ไม่ได้รีบขนาดนั้นเสียหน่อย” “แต่ว่า...” “เอาตามนั้นครับ นัดผมก็สำคัญเหมือนกัน” หากหญิงสาวมาเร็วกว่านี้สัก 20 นาที พีคงตอบตกลงไปแล้ว เธอเดินออกไปข้างนอกอย่างฉงนใจ ตั้งแต่ทำงานกับเขามา นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ชายหนุ่มบอกปัดเรื่องงาน ธุระที่ว่าคืออะไรกันแน่นะ “ขอให้ไม่ใช่อย่างที่เราคิดเถอะ” “จะไปไหนจ๊ะ~?” เพกา เพื่อนสาวคนสนิทของคนที่กำลังนั่งแต่งงานทำผมอยู่หน้ากระจกพูดแซวขึ้น ปกติการที่จะลุกจากเตียงของนักศึกษาชั้นปีที่ 3 มันเป็นเรื่องยากกว่าการสอบเสียอีก แต่วันนี้เจ้าหล่อนลุกขึ้นมาประดับประดาร่างกายด้วยชุดสวย แต่งหน้าทำผมแบบจัดเต็ม อย่างกับว่า... “จะไปเดตเหรอ?” “ปะ... เปล่า!” เสียงสูงเชียว เพกาเองก็มีแฟนนะ จะไม่รู้เลยเชียวหรือว่าตอนนี้เพื่อนของตนอยู่ในสภาวะแบบไหน เพราะที่เธอทำมาตลอดทั้งอาทิตย์ มันเหมือนกับว่ากำลังมองตัวเองอยู่ไม่ผิดเพี้ยน แต่ว่าใครกันล่ะ ปริมเองก็ไม่ค่อยชอบพูดเรื่องส่วนตัวสักเท่าไหร่ด้วย ตั้งแต่คบกันมา มีทั้งชายหนุ่ม และหญิงสาวมากหน้าหลายตามาจีบเธอ แน่นอนว่าโดนปฏิเสธทันที แต่ใครกันที่สามารถเจาะเข้าไปในหัวใจของเจ้าหล่อนได้ ที่นึกได้ก็มีอยู่คนเดียวที่เธอคะนึงหาอยู่ตลอดเวลา แต่... ไปเจอกันตอนไหนล่ะ สักขีพยานอย่างเธอจะไม่รู้เรื่องได้อย่างไร คิดแล้วรู้สึกหงุดหงิดชะมัด! “แล้วจะไปไหนล่ะ แต่งตัวขนาดนี้ แต่งหน้าขนาดนี้ ทำผมขนาดนี้... ไปหาเพื่อนที่สวนสัตว์เหรอ?” “แกย้ายไปอยู่ที่สวนสัตว์ตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ?” “ประชดย่ะ!” ก็เป็นเสียแบบนี้ ปริมเลยไม่ค่อยอยากเล่าเรื่องส่วนตัวให้ยัยเพื่อนคนนี้ฟังสักเท่าไหร่ เพราะรู้เรื่องอะไรแล้ว แม้จะไม่ใช้คนปากเปราะก็ตาม แต่ไอ้เรื่องปากหมาขอให้บอก เพราะเธอมันจะชอบแซวไม่จบไม่สิ้น อะไรที่เก็บได้ควรเก็บเอาไว้ดีกว่า “ไปล่ะนะ” ปริมลุกออกไปจากที่นั่ง วันนี้เธอสวนชุดเดรสแขนสั้นกระโปรงทรงสอบยาวเลยเข่านิดหน่อย ส่วนไหล่ถูกเปิดเล็กน้อย ลายดอกไม้สีขาวเล็ก ๆ ตัดกับสีเขียวอ่อน ดูแล้วสดใสน่ามอง รับรองว่าตาลุงวัย 32 ถ้าได้มาเห็นเด็กของตนแต่งตัวเพื่อเขาขนาดนี้ มีหวังช็อกหัวใจวายคาที่แน่! ใบหน้าจิ้มลิ้ม ตากลมโตมองไปที่เพื่อนสนิทพร้อมโปรยยิ้มหวานให้คนที่เพิ่งตื่นหัวยุ่งอยู่บนเตียง แถมยังชักสีหน้างงงวยไม่จบไม่สิ้น แต่ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเธอสักเท่าไหร่ รีบออกไปจะดีกว่า “ไปไหนอ่ะ ฉันไปด้วยไม่ได้เหรอ~?” จากเสียงที่เคยคาดคั้นหาความจริงเป็นเสียงอ้อนวอนขอความเห็นใจแทน เข้าใจว่าเธอเหงา เพราะแฟนหนุ่มไม่ได้กลับมาหาหลายเดือนแล้ว เจ้าหล่อนเลยมีอาการติดเพื่อนเป็นพิเศษ “นอนซะเพ จะได้เลิกฟุ้งซ่าน” และแล้วประตูห้องก็ปิดลง... ดวงตาเข้มพลิกข้อมือดูนาฬิกาเรือนหรูมองเวลาบ่อยจนหน้าปัดจะทะลุ นี่ก็เป็นการประชุมที่ไม่ได้เคร่งเครียดอะไร แต่คนที่ดูเครียดที่สุดดูเหมือนจะเป็นผู้เปิดการประชุมครั้งนี้มากกว่า “โครงงานนี้ผมว่าเราสำรองเอาไว้หลายเจ้าหน่อยดีกว่าครับ เผื่อมีอะไรฉุกเฉินขึ้นมา จะได้ไม่ต้องวิ่งหากันให้วุ่น” พีเป็นคนเสนอ “แบบนั้นมันจะไม่มีผลกระทบกับเจ้าประจำหรือครับ ช่วงนี้เขายิ่งเล่นตัวเยอะเสียด้วย” หนึ่งในผู้ประชุมค้าน ธุรกิจเป็นเรื่องละเอียดอ่อน คู่ค้าถ้าเจอดีก็ถือว่าโชคดี แต่ถ้าไม่ดีก็โชคร้ายไป เพราะธุรกิจต้องคำนึกผลประโยชน์มาก่อนเป็นอันดับแรก แต่ก็ไม่ควรมองรอบข้างด้วย ไม่ใช่ว่าคิดจะตักตวงอย่างเดียว เพราะการทำธุรกิจมันก็มีหลักจรรยาบรรณของมันเหมือนกัน “อีกไม่นานไร่นี้จะหมดสัญญา และดูเหมือนจะมีคู่แข่งไปทาบทามเอาไว้แล้วครับ ผมเลยคิดว่าเปลี่ยนไร่ใหม่ ที่เล็กลงกว่าเดิม แต่หลายเจ้าขึ้น ส่งใบเสนอราคาที่เราไหวให้เขา พวกเขาก็ไม่น่าจะติดขัดอะไรนะครับ” พียังคงความคิดเดิม “แต่ที่นี่ทำส่งของให้กับเรามานานแล้วนะครับ เรื่องนี้ให้ท่านประธานเป็นคนตัดสินใจไม่ดีกว่ารึ?” มันก็มีผู้อาวุโสเรื่องงานหลายคน ที่ยังหัวแข็งยึดติดกับอะไรเดิม ๆ ยังกังวลเรื่องความสัมพันธ์ แต่ถ้าไอ้ความสัมพันธ์นั้นมันเป็นเนื้อร้าย พีก็พร้อมที่จะตัดมันทิ้ง อีกอย่างโครงการนี้เขาเป็นคนได้รับมอบหมายให้ดูแล มันคงไม่จำเป็นไปรบกวนท่านสายชลไม่ใช่เหรอ? “ไร่นี้ขอขึ้นราคามาหลายครั้ง หลัง ๆ ก็ส่งวัตถุดิบที่ไม่ได้มาตรฐานมาด้วย อย่างกับว่าตั้งใจตัดขาดเราตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอครับ อีกอย่าง...” พีเปิดรูปส่งขึ้นโปรเจคเตอร์ใหญ่ในที่ประชุม เรียกเสียงฮือฮาจากทั้งหัวหน้าแผนกต่าง ๆ และผู้ถือหุ้นที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้เป็นอย่างมาก ในภาพมีชายที่เป็นเจ้าของไร่ที่กำลังกล่าวถึง กับพนักงานบริษัทคู่แข่ง กำลังนั่งพูดคุยเจรจากันถึงอะไรบางอย่าง แต่ก็คงเดาได้ไม่ยาก ส่วนภาพถัดมาก็เป็นใบเสนอราคาที่ทางคู่แข่งเสนอกับทางไร่ ซึ่งเสนอให้สูงกว่าบริษัท SS มากนัก มันก็พอจะบอกสาเหตุได้แล้วว่าทำไมหลัง ๆ มานี่ทางบริษัทถึงได้แต่วัตถุดิบที่มีคุณภาพต่ำกว่าเกณฑ์บ่อยครั้ง “... ไม่ใช่แค่เราที่ต้องหาตัวเลือกเพิ่ม ทางนั้นเขาก็มีตัวเลือกเช่นกัน อีกอย่างราคาขนาดนั้น หากเราสู้ รับรองว่าต้องส่งผลกระทบไปอีกหลายทอดแน่นอน” “...” ตอนนี้ทั้งห้องประชุมเงียบกริบ จากตอนแรกที่มีเสียงพูดคุย และคัดค้านเขาไปเสียทุกเรื่อง พีคนนี้หากเรื่องสืบ เขาสืบลึกเสียยิ่งกว่านักสืบเสียอีก และยังมีอีกหลายเรื่องที่เขายังไม่อยากพูด หากได้ลองเอ่ยมาสักคำ คนในห้องประชุมนี้คงนั่งไม่ติดกันหลายคน “เอาเป็นว่าขอจบประชุมเพียงแค่นี้นะครับ ผมต้องไปทำธุระต่อ...” พีทำท่าจะลุกออกไป แต่ก็ลืมเรื่องสำคัญที่อยากจะบอกกับใครบางคนเอาไว้ “... เรื่องนี้ท่านประธานรู้เรื่องแล้วครับ และสั่งให้ผมจัดการตามความเหมาะสม” เขาลุกออกไปพร้อมทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้ แต่ใครจะไปสนกัน ตอนนี้ให้เจ้าคนที่กำลังกินปูนร้อนท้องดิ้นทุรนทุรายไปเถอะ ส่วนตัวของเขานั้นมีนัดสำคัญ สำคัญขนาดที่ว่าหากพลาดไป รับรองชีวิตนี้ทั้งชีวิตต้องเสียใจแน่นอน! ชายหนุ่มยังก้มมือนาฬิกาของตนอีกครั้ง พร้อมความเบาใจ แม้ประชุมจะเกินกว่าที่กำหนดนิดหน่อย แต่ก็ไม่เกินเวลานัดที่เขาแจ้งเอาไว้ ทันทีที่ลิฟต์มาถึง ประตูค่อย ๆ เปิดออก ใจของเขาตอนนี้ลอยไปหาเด็กสาวตั้งนานแล้ว ทุกสิ่งอย่างตรงหน้าตอนนี้ล้วนแต่ช้าไปหมด ไม่มีอะไรทันใจเลยสักอย่าง “คุณพิพัฒน์ครับ!” เสียงของใครบางคนเรียกรั้งร่างสูงให้หันไป ใบหน้าแตกตื่นราวกับว่ามีเรื่องคอขาดบาดตายเกิดขึ้น ชายผู้มาใหม่วิ่งกระหืดกระหอบตรงมาที่เขาด้วยความเร็ว “มีอะไร” “ท่านประธานครับ! ท่านประธานหมดสติไปครับ!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม