เสียงปรบมือสนั่นห้องเรียกคนหลับลึกให้ตื่นมาร่วมวงปรบมือไปกับเขาด้วย ไม่อยากให้ใครรู้เลยว่าเธอเผลอหลับยาวขนาดที่ว่าแขนที่เท้าคางอยู่ชาไปทั้งแถบ!
“จบแล้วเหรอ?” ปริมถามเพกา
“ย่ะ! ไม่ตื่นตอนคุณพิพัฒน์กลับเลยล่ะ”
และนั่นแหละที่ทำให้เด็กสาวรู้สึกเสียใจเป็นที่สุด ไม่น่าขี้เซาเลย ให้ตายเถอะ! ร่างอรชรลุกขึ้นพรวด ตรงดิ่งออกประตูไม่สนเสียงเรียกของเพื่อนสาวตามหลังเลยแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้เพื่อนจะอย่างไรก็ช่าง แต่เรื่องผู้ชายต้องมาก่อน
ตั้งกี่ปีที่ปริมไม่ได้เจอพี พอวันที่มีโอกาสเธอกับเลือกจะทิ้งไปดื้อ ๆ หรือจริง ๆ แล้วเขาจะเกินเอื้อมเกินไปสำหรับเด็กสาวธรรมดา ๆ อย่างเธอจริง ๆ
เพราะวันนี้มีการคาดเดาว่าพีจะมาพร้อมกับท่านประธานสายชลด้วย เจ้าด้วยเลยแต่งสวยจัดเต็มด้วยชุดนักศึกษากระโปรงทรงเอเลยเข่านิดหน่อย ผมสีน้ำตาลแดง ซึ่งพักหลัง ๆ เธอชอบม้วนเก็บขึ้นด้านบนวันก็ปล่อยให้มันสยายลอนเต็มกลางหลัง เครื่องหน้าเธอจัดแต่งแบบอ่อน ๆ เพราะไม่อยากให้ดูผิดสังเกตเกินไป เพราะจะมีคนคอยแซวอยู่ใกล้ ๆ เสมอ
เด็กสาวยังคงเดินจิกส้นสูงที่นาน ๆ ใส่สักทีหาชายหนุ่มที่ตอนอย่างเจอมานานแสนนาน ท่ามกลางทั้งนักศึกษาและบุคคลภายนอกที่กำลังกลับหลังรับฟังบรรยายเสร็จ แต่มองอย่างไรก็ไม่พบคนที่สะดุดตาเลยสักคน
สุดท้ายก็มาหยุดที่ประตูทางออกอีกทางที่ไม่ใช่ประตูหลักแทน อาคารแห่งนี้ติดกับลานกว้างที่ทั้งเธอและเพกาชอบมานั่งพักผ่อนและแอบงีบก่อนเข้าเรียนประจำ เด็กสาวดูเหมือนจะถอดใจแล้ว เพราะชายที่เธอรอคงงานยุ่งและกลับไปตั้งนานแล้วแน่ ๆ
“เฮ้อ~ ไปหาอะไรกินดีกว่า”
เหมือนว่าโอกาสที่จะได้เจอได้หลุดลอยออกไปแล้ว ปริมหันหลังกลับ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าคาบเรียนก็จะเริ่มขึ้นแล้ว สำหรับเธอที่หิ้วท้องรอตั้งแต่เช้า คงต้องไปหาอะไรมาใส่ท้องให้อิ่ม แล้วค่อยไปหลับในคาบเรียนต่อ
“ปริมครับ”
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง เสียงทุ้มนุ่มลึกดังขึ้น เรียกให้คนที่ถอดใจหันไปตามเสียง ร่างสูงกำยำในชุดสูทสีกรมท่าแบรนด์หรู แต่สิ่งที่น่ามองที่สุดก็คงจะเป็นใบหน้าอันหล่อเหลาราวกับภาพวาด ทำไมกันนะ ใบหน้านี้ไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อ 4 ปีก่อนเลย เขาเป็นอมตะหรืออย่างไรกัน
อุตส่าห์เดินตามหาจนรองเท้ากัดเพราะไม่ค่อยได้ใส่สักเท่าไหร่ กำลังจะถอดใจแล้ว แต่นึกจะเจอก็เจอง่าย ๆ เขาอยู่ใกล้แค่นี้เอง ชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ เด็กสาวเองก็รู้สึกประมาทไม่น้อย ไม่ใช่แค่เธอที่ตามหาเขา เขาเองก็ตามหาเธอเช่นกัน
ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มเบา ๆ อย่างที่ชอบทำ เขากำลังโปรยเสน่ห์ให้เด็กสาวอย่างตั้งใจ กี่ปีแล้วที่รอ รอจนโตขนาดนี้ ก็ไม่อยากจะรออีกแล้ว นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตคู่สวย วันนี้เธอยังงดงาม ทั้งใบหน้าและร่างกาย
ตอนนี้เด็กสาวค่อย ๆ รู้สึกร้อนวูบวาบพิกล ไม่รู้เพราะโดนดวงตาเข้มคู่นั้นจ้องเธอ หรือเพราะความเขินอายจนไม่รู้จะพูดอะไร แก้มเนียนค่อย ๆ เปล่งเลือดฝาดออกมาเล็กน้อย ยอมรับเลยว่าตอนนี้แค่หายใจก็ยังลำบาก
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ” ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเริ่มก่อน หลังจากเล่นเกมจ้องตากันมาพักใหญ่
“ค่ะ... นานเลย” เด็กสาวยอมแพ้หลบสายตาแพรวพราวของชายหนุ่ม ก้มงุดมองพื้น เมื่อก่อนก็ไม่เห็นว่าตนจะตื่นเต้นขนาดนี้ แต่ดูชายตรงหน้าสิ ยิ่งอายุเยอะขึ้น กลายเป็นยิ่งมากเสน่ห์ขึ้นด้วย
“เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายตรงไหนมั้ย?”
พีเห็นเด็กสาวเป้าหมายตรงหน้าไม่กล้าแม้จะสบตา แถมแก้มของเธอก็เริ่มแดงขึ้นด้วย เลยอยากเข้าไปเช็กสักหน่อยว่าสาเหตุเกิดจากตัวเขาเองหรือเปล่า หรือเพราะอย่างอื่น ใช่ ทั้งหมดคือความตั้งใจ เพียงนิดหน่อย ได้ใกล้ชิดเธออีกนิด ก็ถือว่าวันนี้มีค่าสำหรับชายหนุ่มแล้ว
ร่างสูงเคลื่อนไปข้างหน้า พร้อมมือหนาหมายจะเข้าไปประคองแก้มเนียนให้มองมาที่เขาอย่างเต็มตา แต่ด้วยสัญชาตญาณของเด็กสาว เลยถอยหลังหนีอัตโนมัติ
“มะ... ไม่เป็นอะไรค่ะ แค่รู้สึกร้อนเฉย ๆ เท่านั้น” เธอยิ้มให้ชายตรงหน้า แต่หารู้ไม่ว่าเพียงแค่นี้ก็เกือบทำให้ตาลุงวัย 32 คนนี้หัวใจแทบหยุดเต้น ลมหายใจติดขัด หากไม่กลัวว่าเด็กสาวจะเตลิดล่ะก็ พีจะคว้าเธอเข้ามากอดให้หนำใจ แต่เรื่องแบบนี้ต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป อย่าใจร้อน แม้ตัวเองจะร้อนรุ่มดั่งไฟก็ตาม!
“แบบนี้นี่เอง เดี๋ยวผมไปเอาร่มมาให้นะ”
“ไม่ต้องค่ะ ๆ แค่แป๊บเดียวเอง เดี๋ยวก็จะไปแล้ว” ปริมร้องห้ามคนที่กำลังจะหันหลังกลับไปทำภารกิจที่บอกไว้
“ถ้าอย่างนั้น...”
“อยู่นี่เอง น้องปริม~”
เสียงของผู้มาใหม่เรียกให้ทั้ง 2 คนหันไปทางต้นตอทันที ปรากฏชายหนุ่มในชุดนักศึกษากกำลังเดินตรงมายังจุดหมายของตัวเองด้วยความมั่นใจเกินร้อย เพราะด้วยตนเองมีดีกรีเป็นถึงเดือนคณะ จะไม่มั่นใจในรูปร่างและหน้าตาของตนได้อย่างไร
ตอนแรกแววตาของปริมช่างสดใส แต่ตอนนี้เธอกำลังหงุดหงิดอย่างชัดเจน ด้วยชายผู้นี้เป็น 1 ในบุคคลที่ตามตื๊อเธอไม่ยอมเลิก ด้วยความมั่นใจที่ตัวเองมีนั่นแหละ ต่อให้หญิงสาวปฏิเสธไปกี่ครั้ง เขาก็ยังจะตามก้อร่อก้อติกจนเธอรำคาญ
บางทีก็มีเพื่อนสนิทอย่างเพกาช่วยออกหน้าให้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ชายผู้นี้ลดความพยายามลงเลยแม้แต่น้อย และดูเหมือนการปรากฏตัวครั้งนี้ก็สร้างความไม่พอใจกับชายหนุ่มที่อยู่ก่อนด้วยเช่นกัน
“วันนี้ก็แวะมาจีบเช่นเคย”
เอาล่ะ เจ้าตัวบอกถึงความต้องการของตนเองอย่างแจ่มแจ้ง ตาลุงวัย 32 ถึงกับมุมปากกระตุก ไม่ใช่ว่าไม่มั่นใจในตนเอง เพราะดูอย่างไรเขาก็ชนะเด็กคนนี้ทุกอย่าง บอกเลยว่าเรื่องความมั่นหน้าพีก็ไม่แพ้ใคร
แต่ที่หงุดหงิดก็คือคำว่า ‘เช่นเคย’ นี่แหละ แสดงว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก พอคิดว่าไอ้หมอนี่มาพัวพันกับคนของเขากี่ครั้งแล้วนั้น ใจเขามันค่อย ๆ ร้อนรุ่ม มือหนาจู่ ๆ ก็เริ่มกำแน่นจนเส้นเลือดขึ้นเป็นทางภายใต้ร่มผ้า เขาหวง เขาห่วงมาตั้งนาน จองมาก็หลายปี แล้วแกเป็นใครวะถึงกล้ามาทำให้เด็กของเขาลำบากใจแบบนี้!
“ตาลุงนี่เป็นใครเหรอปริม ไม่เคยเห็นหน้านะ อาจารย์ใหม่เหรอ?” เด็กหนุ่มช่างไม่รู้อะไร มองชายหนุ่มเหมือนเป็นของที่วางไว้ และหันไปหาเป้าหมายของตนอีกครั้ง “วันนี้จะไปกินข้าวกับพี่ได้หรือยัง อีกไม่นานพี่ก็จะจบแล้ว ระวังจะเสียดายนะ”
“ใครเหรอครับ ปริม?” พีกลั้นใจถาม
เจ้าเด็กนี่ไม่รู้มารยาทอะไรบ้างเลย หรือเด็กสมัยนี้ทำแบบนี้เป็นปกติกันนะ ปริมละล้าละลังขมวดคิ้วสวย ๆ ของตนมองสลับระหว่างพีกับผู้มาใหม่ เธอไม่อยากให้พีเข้าใจผิด แม้แต่นิดเดียวก็ไม่อยากให้คิดไกล
“เป็นรุ่นพี่ค่ะ เรียนด้วยกันแค่วิชาเดียว” ปริมเดินออกห่างจากรุ่นพี่หนุ่ม อ้อมมาหาที่ปลอดภัยใกล้ ๆ พีแทน ก่อนจะกระซิบกับเขาเบา ๆ ไม่ให้อีกคนสังเกตได้ “ช่วยฉันด้วยสิคะ”
แววตาแสนอ้อน แน่นอนคนมองอย่างพีถึงกับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่แทบไม่ลง ใจแทบจะละลายกลายเป็นน้ำ เธอขอขนาดนี้ มีหรือที่คนอย่างเขาจะไม่ช่วย ไม่สิ ไม่บอกก็ยินดีจะกำจัดไอ้หมอนี่ให้พ้นทาง!
“ไม่ใช่อาจารย์ใหม่เหรอ หรือเป็นพ่อน้องปริมใช่มั้ย...?” เด็กหนุ่มยกมือไหว้ “สวัสดีครับคุณพ่อ”
ในสายตาของเด็กหนุ่ม พีดูแก่กว่าปริมมาก พร้อมกับไอ้ความมั่นใจที่ตัวเองมี เลยมีความคิดเข้าข้างตัวเองว่าปริมจะสนใจเขามากกว่าตาลุงคนนี้ แม้จะมีดีที่รูปร่าง หน้าตา ภูมิฐาน อาจจะฐานะด้วย... แต่อย่างไรปริมก็ต้องเลือกตนอยู่แล้ว! ไม่มีทางเป็นเด็กของไอ้แก่นี่แน่นอน
(32 ยังไม่แก่ย่ะ จะตุยตอน 35 หรืออย่างไร ไอ้เด็กนี่!)
“ต้องขอโทษที่ไม่ใช่อย่างที่คิด พอดีผมกับปริมกำลังคบกันอยู่ อย่างทำให้เธอลำบากใจไปมากกว่านี้เลยครับ”
นี่แหละที่อยากพูดมานาน ไม่ใช่คำที่พูดออกมาลอย ๆ แต่พีคิดแบบนั้นจริง ๆ เอาเป็นว่าตอนนี้ซ้อมพูดเอาไว้ก่อน อีกไม่นานคำคำนี้ได้ออกมาจากปากของเขาอีกหลายครั้งแน่!
การขอให้ช่วยของปริมเรียกดวงตากลมโตของเธอให้เบิกกว้างขึ้นเข้าไปอีก บวกกับมือหนาของเขากำลังเอื้อมมากุมมือเธออย่างสุภาพ ตอนนี้เด็กสาวหน้าแดงก่ำจนคุมไม่อยู่แล้ว เขินจนไม่กล้ามองใบหน้าหล่อของเขาเลยด้วยซ้ำ
“เดี๋ยว ๆ นี่แกล้งอำกันเล่นใช่ไหม...?” เด็กหนุ่มที่โดนหักหน้าเพราะรู้สึกไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่ รู้ว่าสาวน้อยที่เขากำลังจีบอยู่นั้นงานยาก แต่เล่นเอาคนรุ่นลุงมาอ้างมันไม่เกินไปหน่อยเหรอ!? “... เรื่องจริงเหรอปริม?”
เด็กหนุ่มเท้าเอวถาม อารมณ์กำลังพุ่งขึ้นจุดเดือด เพราะหญิงสาวผงกหัวงุด ๆ เป็นเชิงยอมรับในสิ่งที่คนข้าง ๆ พูดออกมา แม้จะเป็นแค่การไหลตามน้ำ แต่ใจที่สั่นระรัวคือเรื่องจริง
“แบบนี้นี่เอง ที่แท้ก็มีเสี่ยเลี้ยง” เด็กหนุ่มหัวเราะออกมาดังเหอะ อยากจะสมเพชผู้หญิงตรงหน้าตนเองนัก “คงให้เงินดีสินะ”
“วะ... ว่าไงนะ?”
ปริมไปต่อไม่เป็น ตอนนี้กำลังเขินเพราะชายในฝันแสดงตนว่ากำลังคบกับเจ้าหล่อนอยู่ แต่ก็เหมือนโดนเอาไม้ฟาดหน้า เมื่อมีคำดูถูกเธอกล่าวออกมา มันช่างไร้มารยาท ชวนให้ของเบื้องล่างลอยขึ้นมาวางบนปากเสียจริง!
“ให้เดือนล่ะเท่าไหร่ละ?” เขายังไม่หยุด และจะไม่หยุดจนกว่าไอ้อารมณ์ที่หมองหม่นอยู่จะถูกคลี่คลาย
ปริมเดาออกเลยว่าหลังจากนี้ ผู้ชายตรงหน้าคงเอาเธอไปใส่สีตีไข่อีกมากแน่ ๆ โดยส่วนตัวเธอไม่สนแม้แต่น้อย แต่คนข้าง ๆ นี่สิ เขาจะมาเสียหายเพราะเธอได้อย่างไร
ด้วยความทะนงตัว ยกตัวเองว่าเป็นคนที่ไม่ว่าใครก็ต้องยอมรับ เลยเข้าข้างตัวเองไปเสียทุกอย่าง เด็กหนุ่มเลยพยายามหาข้อบกพร่องของหญิงที่ตนเองจีบมาหลายเดือน ยกขึ้นมาว่ากล่าวด้วยความสะใจ
“พอใส่ชุดนักศึกษาราคามันก็ขึ้นสินะ กินกันมานานแค่ไหนแล้วล่ะ ให้ตายสิ แทนที่จะบอกกันตั้งแต่แรกว่ามีลุงเลี้ยงอยู่ ฉันจะได้ไม่เสียเวลา”
“คุณพิพัฒน์ไม่ใช่เสี่ยอะไรอย่างที่พี่เตอร์ว่านะคะ และฉันก็ไม่ได้ถูกเลี้ยงด้วย ช่วยให้เกียรติพวกเราด้วยค่ะ”
ปริมยอมรับเลยว่าโกรธ และโกรธมากด้วย แต่เหมือนจะไม่เท่าชายหนุ่มที่โดนหาว่าเป็นลุง เขายังไม่แก่ขนาดนั้นเสียหน่อย อีกอย่าง การมาว่าเด็กสาวของตนแบบนี้ มันทำให้เขารู้สึกเดือดปุด ๆ จนแทบจะคุมไม่อยู่!
“ขอโทษปริมเดี๋ยวนี้” พีที่โกรธจนขบกรามแน่นขึ้นสัน มองเข้าไปในนัยน์ตาของเด็กหนุ่ม วันนี้อุตส่าห์อารมณ์ดีที่ได้เจอเด็กสาวที่เฝ้าคิดถึงมานาน แต่กลับมาเจอกับไอ้ปากหมาที่ตามจีบเจ้าหล่อนนี่สิ แค่ตามจีบก็ว่าน่าหงุดหงิดแล้ว ยังมาต่อว่าเข้าหล่อนอีก ไร้ความเป็นสุภาพบุรุษสิ้นดี!
“อะไรลุง ที่ผมพูดมาไม่จริงเหรอ มองอย่างไรก็เหมือนว่าลุงเลี้ยงเด็กอยู่ ไม่ต้องแค่ผมหรอก เป็นใคร ใครก็มองแบบผมกันทั้งนั้น” เด็กหนุ่มยังมั่นใจว่าความคิดของตนเองถูก กระดกยิ้มเย้ยคู่รักต่างวัยตรงหน้า
“ผมขอเสนอค่าเสียหาย 10,000 บาท เผื่อแลกกับการได้ชกหน้าแกได้มั้ย ไอ้เด็กเวร!”
พีที่กำลังจะพุ่งตัวออกไป ถูกอ้อมแขนเล็ก ๆ รั้งเอาไว้ ไอ้ความโกรธมันก็มี แต่สัมผัสนุ่มนิ่มแบบนี้ มันก็อยากสัมผัส เลยหยุดชะงักอย่างกับว่าเครื่องโดนปิด ใบหน้าหล่อหันไปมองเด็กสาวข้างกาย เธอมองมาที่เขาอย่างอ้อนวอน ดวงตาคู่สวยกำลังจ้องเขา พร้อมส่ายหัวเบา ๆ เพื่อห้าม
“อย่าเลยนะคะ มันไม่คุ้มหรอก” ปริมเบือนหน้าไปหาเหยื่อโทสะของวันนี้ “แค่ 500 ก็พอค่ะ มันไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้น!”
กลายเป็นว่าคนที่กำลังถูกห้าม เข้าคว้าเด็กสาวที่ดูเหมือนอารมณ์ร้อนกว่าตัวเองหลายเท่า ปริมพยายามสุภาพก็แล้ว ปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ยังมาวนเวียนไม่ยอมหยุด แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขนาดด่าเธอจนเสียหายขนาดนี้ ต่อให้เธอไม่มีพิพัฒน์อยู่ในหัวใจ ก็ไม่คิดจะตกลงคบหาดูใจกับผู้ชายคนนี้แน่นอน!
“ฉันปฏิเสธพี่เตอร์ไปแล้ว หลายครั้งด้วย ไม่คิดว่าตัวเองหน้าด้านที่ยังตามตื๊อบ้างเหรอคะ ขนาดบอกเหตุผลไปแล้วว่าเพราะอะไรก็ยังจะตามตอแยไม่ยอมเลิก...”
“ใจเย็นครับปริม”
“... คราวนี้ยังจะมาว่าฉันอีก ไม่รู้ว่ามั่นหน้าขนาดไหน คิดว่าตัวเองหล่อจนเป็นเดือนคณะได้แล้วผู้หญิงทุกคนจะต้องยอมเป็นของพี่หมดหรืออย่างไร... บลา ๆ”
ไม่รู้ว่าเด็กสาวไปเอาสมองส่วนไหนจดจำคำศัพท์ที่ด่าได้เจ็บแสบขนาดนี้ไว้ แต่ละคำที่ออกมาเรียกได้ว่าไม่ซ้ำ และจำไม่ได้ด้วย เหมือนกับว่าเก็บกดมานาน พออีกฝั่งเปิดทาง เจ้าหล่อนก็เล่นใส่ไม่ยั้งเหมือนกัน
จนในที่สุด รุ่นพี่ก็หนีไปอย่างไว หากยังอยู่ต่อ คงได้เป็นคู่ซ้อมยูโดให้เจ้าหล่อนแน่แท้
“เหนื่อยมั้ย?” ชายหนุ่มกำลังถามเด็กสาวที่นั่งหอบเพราะใช้แรงจนหมด
“เหนื่อยค่ะ เหมือนไม่ได้หายใจไปพักใหญ่เลย”
พีแอบยิ้ม ก็รู้ว่าเธอไม่ชอบอ่อนข้อให้ใคร แต่ก็ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ เด็กสาวนั่งหอบเล็กน้อยข้าง ๆ ชายหนุ่ม ก่อนที่เขาจะยื่นน้ำเย็น ๆ ที่แอบไปซื้อมาตอนไหนก็ไม่รู้ให้ และเธอก็รับอย่างยินดี ไม่สิ ยินดีปรีดาเป็นอย่างมาก
“ผมต้องไปแล้วครับ ท่านประธานน่าจะเสร็จธุระแล้ว”
“ค่ะ”
ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันเลย เขาก็จะไปเสียแล้ว ปริมคอตกทันทีเหมือนรู้ว่าเขากำลังจะกลับ ทันทีที่ชายหนุ่มลุกขึ้น และกำลังล้วงอะไรสักอย่างในกระเป๋าด้านในเสื้อสูทตัวนอก ก็ได้ยินสิ่งที่เกิดคาดเอาไว้มาก
“ฉันขอเบอร์คุณพิพัฒน์ไว้ได้หรือเปล่าคะ?”
ในเมื่อยังไม่ได้คุยอะไรเลยวันนี้ วันต่อไปก็ได้ ปริมพูดออกไปด้วยความประหม่า เธอไม่คิดหรอกว่าเขาจะมองเธอเป็นเด็กน้อย หรือผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ที่แน่ ๆ การที่ได้เจอเขา ได้คุยอย่างวันนี้ มันก็ช่วยหล่อหลอมหัวใจเธอให้มีกระชุ่มกระชวยได้
มือหนาที่กำลังล้วงนามบัตรที่มีเบอร์เฉพาะเขียนด้วยลายมือตนเองเอาไว้ ต้องยอมปล่อยมันไว้ที่เดิมในกระเป๋าด้านในสูทตัวนอก เพราะว่ามันไม่จำเป็นอีกแล้ว เขาหันกลับไปหาเด็กสาวที่นั่งอยู่ ดวงตากลมโตและกำลังจ้องมองเขาไม่ยอมวางสายตา คิ้วสวยขมวดมุ่น เพราะกำลังลุ้นคำตอบ
พีที่กำลังครุ่นคิด มันทำให้ใจของเด็กสาวแป้ว
“ไม่ได้เหรอคะ?” ปริมพูดไม่เต็มเสีย
“ผมกำลังคิดอยู่ครับ ว่าเบอร์ที่ใช้ส่วนตัวมันขึ้นต้นด้วยอะไร”
ก็นะ อายุ 32 แล้ว แถมเบอร์ที่เขาอยากจะใส่พานถวายให้เจ้าหล่อนก็เป็นเบอร์ที่ส่วนตัวจริง ๆ แทบไม่ค่อยมีใครรู้จัก มีก็แค่คนสนิทไม่กี่คนเท่านั้น จึงไม่ค่อยได้ใช้เลยลืมเลือนไปบ้าง แถมยังเจอแรงกดดันจากเด็กสาวตรงหน้าด้วย จำเป็นต้องใช้สมองประมวลนิดหน่อย
แววตาเศร้ากลับมาฉายแววมีความหวังอีกครั้ง เธอล้วงมือถือที่แนบเอาไว้ที่เข็มขัดนักศึกษา ปลดล็อกให้เสร็จสรรพ ยื่นส่งให้คนตรงหน้าเธออย่างไว
“หลังจากนี้ปริมเรียกผมว่าพีก็พอนะครับ” หลังจากจัดการกดเบอร์ตัวเอง พร้อมต่อสายเข้าหาเครื่องตน ก็ส่งมือถือกลับคืนให้เจ้าของ “ผมอยากให้ปริมเรียกผมว่าพีมากกว่า”
“ค่ะ”
ปริมตอบรับ แต่ก็แอบยิ้มเขินทำตัวไม่ถูก ตอนนี้เด็กสาวได้เบอร์เขามาแล้ว ส่วนตัวชายหนุ่มเองก็แทบจะกดความรู้สึกของตัวเองไม่ได้เช่นกัน แต่ก็ต้องระวัง ไม่อยากให้กระต่ายตื่นตูม ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป เพราะอยากจะถนอมเธอไว้ให้อยู่กับตนถาวร ไม่ใช่ชั่วคราวอย่างหญิงสาวมากมายที่ผ่านมา
“เฮ้อ~” ส่วนคนที่รอกลับบริษัทก็แอบยืนดูอยู่นาน เลยรู้เหตุผลที่แท้จริงที่ตนเองต้องมาบรรยายพิเศษที่นี่ แต่ก็ยินดีที่จะเป็นสะพานสื่อรักให้กับลูกชายอีกคนที่เขาเลี้ยงดูมาหลายปี “เจ้าพี แกคงไม่ลืมฉันหรอกใช่มั้ย?”
นอกจากจะโดนใช้เป็นเครื่องมือแล้ว ยังต้องมายืนรอรถมารับนานเช่นกัน ช่างเป็นท่านประธานที่น่าสงสารเสียจริง