EP.1 ปล่อยผี

2537 คำ
“เมื่อไหร่จะแต่งงานให้แม่สักที แม่อยากอุ้มหลานจะแย่แล้วนะพ่อรุจ คนนู้นก็ไม่ถูกใจ คนนี้ก็ไม่ถูกใจ บอกแม่มาตามตรง เราเป็นเกย์รึเปล่า” สายใจถามลูกชายคนเดียวที่ไม่ยอมแต่งงานสักที “แม่ครับ ผมยังไม่ 30 เลย จะรีบให้มีครอบครัวไปไหน แล้วอีกอย่างผมก็ไม่ได้เป็นเกย์ด้วยครับ” “ลูกชายแม่หล่อแบบนี้ จะไม่มีสาวที่ไหนสนใจเลยรึไง” ไม่ใช่ว่าไม่มีสาวๆคนไหน ไม่สนใจในความหล่อของศรุต แต่มันกลับตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เพราะสาวๆมากหน้าหลายตา ที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไป ไม่มีใครทำให้เค้าเกิดรู้สึกรักได้เลย ไม่รู้ว่าทำไม ความรู้สึกเหมือนเค้ากำลังจะรอใครสักคนอยู่ “เยอะแยะ ถ้าผมเอามาทำเมีย แม่จะถึงขั้นอกแตกเลยนะครับ” “งั้นอย่าเอาเข้ามา หนูเดียร์ ลูกสาวเพื่อนแม่ก็น่ารักนะ แม่นัดทานข้าวให้ดีไหม” แล้วในที่สุดคนเป็นแม่เผยถึงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการเรียกเค้ากลับมากินข้าวที่บ้านแบบนี้ “ไม่เอาครับ อย่าจับคู่ให้ผมเลย ถ้าผมฟันน้องแล้วทิ้ง แม่จะเสียเพื่อนเอานะ” “ตายจริงลูกคนนี้นิ” “กับข้าวอร่อยครับ ผมกลับก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะดึก” ศรุตลาคนเป็นแม่ เพื่อกลับบ้าน บ้านที่ได้รับเป็นมรดกจากคุณทวดที่เสียไป บ้านเก่าในสมัยปลายรัชการที่ 6 ของคุณพระพิมาน ที่นับตามลำดับญาติแล้ว จะเรียกว่าเป็นปู่ทวดของศรุตก็ได้ บ้านที่เค้ารู้สึกเกลียดตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น แต่ต้องอยู่เพราะใจบอกให้อยู่ โดยไม่รู้ว่าทำไม แต่พออยู่ไปนานเข้ามันก็กลายเป็นความเคยชิน Rrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrr [ Min Calling.... ]** สายสนทนา “ครับมิน” [ มินมารอคุณแล้วอยู่หน้าบ้าน ให้มินเข้าไปรอข้างในได้ไหมคะ ตรงนี้มันน่ากลัวจังเลย ] ในบรรยากาศรอบข้างที่เป็นป่า มันก็น่ากลัวจริงๆแหละสำหรับสาวสวยที่อยู่ตรงนั้นคนเดียว “ครับ บอกลุงช่วยได้เลย ว่าผมอนุญาต” [ ขอบคุณค่ะ รีบมานะคะ มินรอรุจอยู่นะ ] “ครับ” จบการสนทนา ศรุตนัดเธอมาเพื่อบอกเลิก เพราะคบกันไปได้สักพักก็รู้สึกว่าเธอนั้นมันยังไม่ใช่ แต่ด้วยรถที่ติดชะงักแบบนี้ กว่าจะไปถึงบ้านคงจะอีกร่วมชั่วโมงแน่ๆ บรรยากาศตอนช่วงหัวค่ำของกรุงเทพ ที่แสนน่าเบื่อ รถมากมายอยากที่จะกลับบ้าน รวมถึงตัวเค้าด้วย อีกด้าน ลุงช่วยพาหญิงสาวแต่งตัวจี๊ดจ๊าด เข้ามานั่งในส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่นของบ้าน โดยกำชับไม่ให้เดินเพ่นพ่าน เพราะที่นี่มีเจ้าของ แม้หญิงสาวจะงงงันในสิ่งชายชราพูด แต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี เมื่อชายชราทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จ ก็เดินหายจากบ้านไป “รุจนะรุจ มาอยู่ในบ้านน่าขนลุกแบบนี้ได้ยังไง” หญิงสาวมองไปรอบๆบ้าน แล้วพูดขึ้นมาลอยๆ เพราะบรรยากาศของบ้านมันชวนให้มีความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ในบ้านที่มีเธอนั่งอยู่เพียงคนเดียว แม้ไฟจะเปิดสว่างไปทั่วทั้งบ้าน แต่ความวังเวงก็ไม่ได้ลดแม้แต่น้อย การรอคอยที่แสนน่าเบื่อ มันเหมือนมีอะไรบางอย่าง ทำให้เธอรู้สึกง่วงอย่างบอกไม่ถูก หนังตาของเธอหนักจนฝืนไม่ได้ สติเลือนลางลงไปพร้อมกับหนังตาที่ปิดสนิท ในฝันของเธอเจอชายหนุ่มรูปงามอยู่ในชุดผ้าแพรสบายๆ ส่งยิ้มที่ชวนหลงไหลมาให้เธอ เหมือนชวนให้เธอเดินตามไปในส่วนที่เป็นชั้นบนของบ้าน แล้วชายหนุ่มคนนั้นก็ยังเดินนำเข้าไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่ห้องๆนึง ก่อนเค้าจะค่อยๆ เปิดประตู แล้วเรียกเธอเข้าไป ทุกๆครั้งที่เค้ายิ้ม มันเหมือนถูกฉาบไปด้วยมนต์สะกด “นี่คือห้องของฉัน เข้ามาสิ” ชายหนุ่มตรงหน้า ยิ้มอีกครั้ง ไม่รู้ทำไม หญิงสาวรู้สึกหลงใหลในรอยยิ้มนั้นนัก ยิ่งเค้ายิ้มก็ทำให้เคลิบเคลิ้มชวนให้ทำตามในสิ่งที่เค้าบอก “คุณเป็นใครคะ ฉันไม่เคยเห็นคุณเลย” “เป็นเจ้าของเรือนนี้ แต่อย่าใส่ใจเลย ฉันอยากให้หล่อนจำไว้ ว่าตัวฉันนั้นอยู่ที่นี่ อยากเจอฉันก็แค่เปิดประตูนี้ จงเปิดประตูห้องนี้ แล้วเราจะได้เจอกัน ให้ฉันได้สัมผัสหญิงสาวที่หวานปานน้ำผึ้ง ฉันจะรอ รอเจ้าอยู่ที่นี่” ศรุต Say :: ผมกลับมาถึงบ้าน ก็เจอมินที่นั่งหลับอยู่ที่โซฟา ผมเลยสะกิดมินเบาๆ เพื่อปลุกให้เธอตื่น แต่เธอหลับลึกไปรึเปล่า “มิน มินครับ มินนน” หลับขนาดนี้ ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนเนี่ย ต้องปลุกอยู่นานกว่าเธอจะลืมตาขึ้นมา “ด้านบน ต้องไปห้องใหญ่ด้านบน” สาวสวยพูดด้วยสายตาลอยๆ ก่อนจะเดินขึ้นไปที่ชั้นบน แต่ขึ้นไปทำไมอะ เธอพูดถึงห้องใหญ่ด้านบน แต่ห้องนั้นมันถูกปิดตายนิ เธอจะขึ้นไปทำไม ผมเลยตามเธอขึ้นไปด้วยความสงสัย เธอมาที่หลายครั้ง ข้างบนนี้นอกจากห้องนอนที่ใช้ร่วมรัก เธอก็แทบไม่เคยได้ไปห้องอื่นเลย เธอเดินมาห้องปิดตายทำไม “เอาออก เปิดออก” เธอทำเหมือนจะพยายามทำอะไรสักอย่างกับประตูห้องนั้น พูดอะไร ไม่เห็นรู้เรื่องเลย เธอชักจะวุ่นวายมากเกินไปแล้ว ผมเลยไปลากคนที่พูดไม่รู้เรื่องออกมา เอาแต่พูดอะไรก็ไม่รู้ ถึงคนข้างในห้อง “มิน พอแล้วมิน” “คนข้างในเค้าอยากออกมา” “มันไม่มีคนข้างใน บ้านนี้ผมอยู่คนเดียว เข้าใจไหม” ผมเลยเริ่มเสียงดัง เพราะบ้านนี้ผมอยู่คนเดียวมาตั้งนานไม่เคยเจอคนข้างใน ไม่เคยเจออะไรเลย อยู่สบายเงียบสงบ “เค้าบอกเค้าเป็นเจ้าของบ้าน เค้าอยากให้มินเปิดประตูห้อง จริงๆนะ” “เพ้อเจ้อไปกันใหญ่แล้ว” ห้องมันล็อคปิดตายจากด้านนอกจะมีคนได้ไง ผมเลยเดินมาชี้ที่แม่กุญแจที่ล็อคอยู่ที่หน้าประตูให้เธอดู แล้วนี่อะไร ผ้ายันต์หรอ ไร้สาระสิ้นดี ผมมองของที่ตกอยู่ที่พื้น พร้อมเก็บผ้ายันต์นั้นไว้กะว่าจะเอาไปทิ้ง สายลมเบาๆพัดผ่าน จนหน้าต่างของบ้านปิดดังปึง!!! “กรี๊ดดดดดด” มินกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ ที่หน้าต่างมันปิด ลมพัดหน้าต่างปิด น่าตกใจตรงไหน “ลงไปข้างล่างกันได้แล้ว” ผมลากแขนผู้หญิงที่แสนจะวุ่นวายในตอนนี้ลงมาข้างล่าง “โอ้ยยย รุจ มินเจ็บ รุจจจจจ ทำไมต้องลากด้วย มันมีคนอยู่ในนั้นจริงๆนะรุจจจจ” เฮ้ออออ...เป็นแบบนี้ผมจะเริ่มบอกเลิกเธอยังไง “ไร้สาระ ถ้าคุณจะไร้สาระแบบนี้เลิกกันดีกว่า” โหยยยย เป็นการบอกเลิกที่โคตรไร้สาระ คิดออกมาได้ไงวะ โดนตบแน่ๆ ข้างซ้ายแล้วกันโดนบ่อย เริ่มเจ็บจนจะชินละ “เลิกงั้นหรอ??” “ใช่เลิก ขอโทษนะมินสำหรับผม คุณยังไม่ใช่อะ แต่ผมชอบคุณนะ แต่แค่คุณยังไม่ใช่....” เพี๊ยะ แรงตบเข้าที่ใบหน้าของผม ทำเอาผมหน้าหันไปตามแรงกระแทกหนักๆของฝ่ามือเลย “ถ้ายังไม่ใช่ จะมานอนกับฉันทำไม เลว!!!” “ก็คุณยอมผมเอง” “ก็สำหรับฉัน คุณใช่ไง” หญิงสาวเคล้นเสียงด้วยความโกรธ ก่อนจะหยิบสัมภาระของเธอแล้วเดินออกจากบ้านไป จบง่ายดีแฮะ ง่ายกว่าคนที่แล้วตั้งเยอะ ที่จริงแล้ว 1 เหตุผลที่ผมมาอยู่บ้านหลังนี้ เพราะผู้หญิงบางคน หลอนกับบรรยากาศบ้าน แล้วเลิกกับผมไปเองก็เยอะ แต่มินเนี่ยอยู่ทน อยู่นานเกินไป ไม่ยอมเลิกสักที ผมเลยคงต้องบอกเอง โดนตบจนหน้าชาไปเลยนะเนี่ย อีกด้าน สายธาร Say :: “น้ำไม่อยู่ พี่ดินจะไม่เหงาใช่ไหมคะ” “อย่าเถลไถล อย่ากลับช้า อย่าคุยกับผู้ชายที่ไม่รู้จัก” คนเป็นพี่สั่งน้องสาวด้วยหน้านิ่งๆ “พี่ดิน น้ำไปคุยงาน จะไม่ให้คุยกับผู้ชายที่ไม่รู้จักได้ยังไง อีกอย่างพี่แตงก็ไปด้วย พี่ไม่ต้องห่วง น้ำไปแค่ 2 วัน ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นมองพี่ดินตาไม่กะพริบเลย” ฉันมองไปทางสาวสวยใส่แว่น ที่มองพี่ชายฉันมาแบบนี้หลายวันแล้วตั้งแต่พักที่รีสอร์ต แต่บอกเลยไม่ได้หรอก ฉันเก็บพี่ชายฉันให้พี่พอใจย่ะ “ไปได้แล้วไป ถึงกรุงเทพโทรมาด้วย อย่าลืมอะไรนะ สำรวจของตัวเองดีๆ” “ค่ะ เราไปกันเถอะพี่แตง เดี๋ยวตกเครื่อง” ห่วงขนาดนี้ อย่างกับมีแม่คนที่ 2 เฮ้ออ ฉันบินมาที่กรุงเทพ เพื่อติดต่อกับบริษัททัวร์เจ้าใหม่ แต่เพราะบริษัทนี้เป็นบริษัทขนาดใหญ่ เลยเล่นตัวเป็นบ้า วันนี้ฉันเลยต้องมาเพื่อเจรจางานด้วยตัวเอง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันมากรุงเทพ เพราะครั้งแรกคืองานศพของคุณปู่ ท่านเสียตอนฉัน อายุครบ 16 ปีพอดี หลังจากทำบุญวันเกิดที่วัด นั่นก็คือวันแรก ที่ฉันเริ่มฝันถึงบ้านแปลกๆ แต่นี่เป็นการมากรุงเทพครั้งแรกของพี่แตง “คุณน้ำ!!!! ฮู้ยยยยย กรุงเทพ คนเยอะจัง ตึกสูงๆเพียบ มีแต่คนแต่งตัวสวยๆ” พี่แตงดูตื่นเต้นมาก “จ้าาาาาา มันก็เหมือนในตัวเมืองเชียงใหม่แหละ” “เหมือนจริงค่ะ แต่คนที่นี่แต่งตัดจัดจ้านกว่า ผู้ชายก็เยอะ” “เอาเข้าไป พูดแบบนี้ในบ้าน พี่โดนพี่ดินด่าแน่ๆ” ฉันหันไปยิ้มให้คนที่พูดถึงผู้ชายขึ้นมา ด้วยความตื่นเต้นเบอร์แรง “เพราะพี่รู้ไง ว่าคุณแม่ไม่มา พี่เลยกล้าพูด” “ฮ่าๆ คุณแม่หรอ?????” “ใช่นะสิคะ ทุกวันนี้ คุณดินบ่นมากกว่าคุณฟ้าใส ที่เป็นคุณแม่อีก ทุกคนในครัว เค้าเรียกคุณดินว่าคุณแม่ทั้งนั้น แต่อย่าเอาไปบอกคุณดินนะคะ เดี๋ยวพี่ชะตาขาดค่ะ” ฉันพยักหน้ารับ แต่ถึงบอกพี่ดินเค้าก็ไม่สนใจหรอก พี่ดินเค้าเป็นผู้ชายแปลกๆ ที่จะยอมพูดดีด้วย ก็คงจะมีแต่พี่พอใจเท่านั้น ขอให้สองคนนี้ความสัมพันธ์คืบหน้าสักที ลุ้นไม่ขึ้นเลย เพราะพี่ดินมองพี่พอใจเป็นแค่น้องสาว เฮ้ออออออ “เราจะเอาของไปเก็บที่โรงแรมก่อน แล้วจะโทรไปนัดคุณศรุตกันอีกที ถ้าวันนี้เราได้ก็จะไปเลย แต่ถ้าเป็นพรุ่งนี้เราจะไปช๊อปปิ้งกัน ดีไหมพี่แตง” “เริ่ดดดดค่ะ แผนนี้ดีงามมาก” ทำอะไรโดยไม่มีพวกพี่ๆคอยคุมมันดีแบบนี้นี่แหละ ถือว่าเป็นวันปล่อยผีของฉันก็แล้วกัน อยากลองเที่ยว ช๊อปปิ้ง กินเหล้า ทำหลายอย่างที่ไม่เคยทำ แล้วไม่คิดว่าชาตินี้จะได้ทำด้วย แค่ไปช๊อปปิ้งก็ต้องมีพวกพี่ๆตามไป ใส่สั้นก็ไม่ได้ โป๊ก็ไม่ได้ แต่วันนี้ มันจะเป็นวันของฉัน อิอิ ฉันนั่งแท็กซี่ไปลงที่โรงแรม The Amaryก่อน เพื่อเอาของไปเก็บไว้ในที่พัก ก่อนจะโทรศัพท์ไปที่บริษัททัวร์ ที่อาของฉันแนะนำมา [ M.E Tour Calling....... ] ตู๊ดดดดด ตู๊ดดดดด ตู๊ดดดดดดดด สายสนทนา [ สวัสดีค่ะ บริษัท มีทัวร์ค่ะ ติดต่อเรื่องอะไรคะ ] “ค่ะ ฉันสายธาร เป็นคนจากรีสอร์ตไร่พิชิตนะคะ จะติดต่อขอพบคุณศรุตหน่อยค่ะ” [ คุณศรุต ไม่รับพบคนจากรีสอร์ตนะคะ ต้องขอโทษนะคะ ] อ่าวอะไรวะ มาจากเชียงใหม่ จะไม่ยอมเจองั้นหรอ แบบนี้ได้ไง “รบกวนบอกให้หน่อยได้ไหมคะ คุณตะวันฉาย รุ่นพี่ของเค้าแนะนำมา” [ ถ้าอย่างนั้นรอสักครู่นะคะ ดิฉันจะสอบถามให้ ถ้าไม่สะดวกรอ ดิฉันขอเบอร์ติดต่อกลับค่ะ ] “สะดวกรอค่ะ” ไม่รู้คำตอบแบบนี้ จะคิดตารางเที่ยวได้ยังไง เสียงเพลงสำหรับรอสายดังขึ้นเรื่อยๆ นานแสนนาน รอแล้ว รอเล่า เค้าไปถามอะไรนานจัง อื้มมมมม อื้มมมมมม อื้มมมมมมมม!!!!! นานไปแล้วนะ!!!!! [ ขอโทษนะคะ ที่ให้รอนาน รบกวนขออีเมลล์ของคุณสายธาร เพื่อแจ้งที่อยู่ที่นัดพบด้วยค่ะ ] เฮ้ยยยยย...ยุ่งยาก วุ่นวายนัก “Saytarn_Nam@g*******m” [ ค่ะจะส่งที่อยู่ไปให้นะคะ นัดบ่าย 2 อย่าเลทนะคะ คุณศรุต เป็นคนตรงต่อเวลามาก ] “ค่ะ” จบการสนทนา เท่ากับวันนี้ฉันเสร็จแล้วแล้วสิ นี่เพิ่งจะเที่ยง เวลาของฉันเหลือเยอะแยะเลยสิเนี่ย ฉันหันไปหาพี่แตงที่รอคำตอบจากฉันอยู่ “พี่แตง เค้านัดบ่าย 2 พรุ่งนี้ แสดงว่า.......” “ไปช๊อปปิ้งใช่ไหมคะ ไปค่ะ พี่ขอเปลี่ยนชุดก่อน จะให้ใครมาบอกเราเป็นพวกบ้านนอกเข้ากรุงไม่ได้” “ปะ” ขอโทษนะคะ ที่ฉันสัญญาแล้วว่าจะไม่เถลไถล แต่หนูอยู่ในเงาของพี่ดินนานเกินไป ขอหนูปล่อยผีหน่อยนะคะ ไม่รู้กลับไปชาตินี้จะมีโอกาสอีกไหม กรี๊ดดดดดดด อยากได้เครื่องสำอางค์เสื้อผ้าน่ารักๆ อยากได้ทุกอย่างเลย ที่สำคัญชุดชั้นในใหม่ วันนี้ไม่มีพี่ดิน วันนี้ไม่มีพี่ดิน ลัลลาาาาาาา ฉันกับพี่แตงเริ่มจากห้าง The M ห้างที่ใหญ่ที่สุดในระแวกนี้ก่อนเลย คนเยอะๆสร้างความตื่นตา ตื่นใจให้เราไม่น้อย ที่จริง The M ในตัวเมืองเชียงใหม่ก็มีนะ แต่ไม่เคยได้ไป ก็ถ้าฉันไม่มีคนติดตาม ก็ไม่ได้ไปไหนเลยนิ “น่ารัก เสื้อผ้าน่ารักๆทั้งนั้นเลยพี่แตง” “คนกรุงเทพแต่งตัวจัดกันน่าดูเลย” แต่คงไม่มีใครจัดเท่าพี่อีกแล้วม่วงจ๋ามาเลย เอาซะฉันไม่กล้าเดินด้วยเลย ฉันกอบโกยชีวิตที่ไร้พี่ๆ ของฉันอย่างเต็มที่ ซื้อน้ำหอม ซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ ฟินสุดๆไปเลย ไม่มีเสียงที่บอกว่า สั้นไป แรงไป จัดเกินไป อื้มมมมมม คือดีย์อะ “พี่แตง ฉันอยากลองเที่ยวผับ” “จะดีหรอคุณน้ำ อันนี้อาจจะร้ายแรงเกินกว่าเราจะรับไหว” พี่แตงเริ่มกลัวความผิด “แค่ลอง พี่ไม่พูด ฉันไม่พูด ใครจะรู้”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม