บทที่ 5 : ความท้าทาย 1

1406 คำ
“นายมาคนเดียวเหรอไอ้ภู” ศรัณเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เห็นร่างสูงสง่าของเพื่อนเดินเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวของนายอำเภอ ซึ่งเขาและผู้กองอิทธิฤทธิ์กำลังนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เพราะวันนี้มีนัดประชุมด่วนกับหัวหน้าทีมฐานปฏิบัติการควบคุมไฟป่าเนื่องจากสถานการณ์ไฟป่าในผาตะวันตอนนี้กำลังดุเดือดและขยายเป็นวงกว้างจนน่าใจหาย จำเป็นต้องเรียกหัวหน้าทีมทั้งสี่คนมาปรึกษาหารืออย่างเร่งด่วน ทว่าตอนนี้มีเพียงภูมินทร์เดินเข้ามาในห้องเพียงคนเดียว ไม่ได้มีแพทย์อาสาตัวแทนเจษฎาที่มาใหม่มาด้วย “แล้วพวกนายเห็นว่าฉันมากี่คนล่ะ” ภูมินทร์ไม่ตอบ หากแต่ย้อนถามด้วยคำถามกวนโอ้ย! พร้อมกับหย่อนสะโพกนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับเพื่อน พยายามไม่เอนหลังกับผนังโซฟาอย่างที่ชอบทำเป็นประจำเวลาที่นั่งประชุมกับกลุ่มเพื่อน “แล้วคุณหมอที่มาแทนไอ้หมอล่ะ ทำไมนายไม่พามาประชุมด้วย” อิทธิฤทธิ์ที่จริงจังกับการประชุมวางแผนถึงกับต้องเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ เมื่อเห็นว่าเพื่อนกำลังทำเรื่องซีเรียสให้เป็นเรื่องเล่นสนุกเหมือนเด็กๆ อยู่ “เอาน่า มีสามคนก็คุยกันสามคนเนี่ยแหละ” “นายมีเรื่องปิดบังอะไรพวกฉันอยู่ไอ้ภู ตัวแทนไอ้หมอสำคัญมากนะ เพราะเขาจะต้องนำทีมแพทย์อาสาลงพื้นที่กับเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า ไม่มาประชุมแบบนี้จะรู้หน้าที่ของตัวเองได้ยังไง” ศรัณไม่ได้ตำหนิคนที่ไม่มาประชุม หากแต่เขากำลังตำหนิเพื่อนของตัวเองที่ไม่ยอมพาแพทย์อาสาคนใหม่มาด้วย เนื่องจากอีกฝ่ายอยู่ในการดูแลของเพื่อนอีกที “พวกนายรีบๆคุยงานมาเถอะ ส่วนหน้าที่ของคุณหมอเดี๋ยวฉันไปบอกกับเธอเอง” “เธอ!!” สองหนุ่มหันมาจ้องหน้าเพื่อนพร้อมกับอุทานออกมาพร้อมๆกัน เมื่อประโยคของเพื่อนบ่งบอกชัดว่าแพทย์อาสาคนใหม่เป็นผู้หญิง ไม่ใช้ผู้ชายอย่างที่ควรจะเป็น “ก็เอ่อนะสิวะ! แล้วพวกนายจะตกใจอะไรนักหนาวะเนี่ย!” ภูมินทร์ย้อนถามด้วยน้ำเสียงห้วนกลบเกลื่อนอาการบางอย่างที่กำลังเก็บซ่อนอยู่ แต่สายตาคมกริบที่พยายามเบือนไปทางอื่นนั้นก็ไม่รอดพ้นจากทั้งสองคนอยู่ดี “ก็ตกใจที่นายเลือกแพทย์ผู้หญิงมายังไงวะไอ้ภู นายกำลังคิดจะทำอะไรอยู่ บอกพวกเรามาเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ยอมบอกสาบานได้ว่าพวกเราจะไปสืบเรื่องเองถึงฐานนายเลยคอยดู” ภูมินทร์เชื่อว่าอิทธิฤทธิ์ไม่ได้ขู่ หากแต่จะทำอย่างที่พูดไว้จริง และเขาก็ไม่ต้องการให้เพื่อนเข้าไปวุ่นวายในฐานตอนนี้มาก เกรงว่ากระต่ายตัวน้อยของเขาจะตื่นกลัวและระแวงเขาจนไม่ยอมเข้าใกล้ ฉะนั้นทางเดียวที่เขาต้องเลือกตอนนี้คือบอกความจริงออกไป “ฉันกำลังจะจีบคุณหมอ” “จีบคุณหมอ!”อิทธิฤทธิ์เป็นฝ่ายที่ร้องอุทานออกมาอีกครั้ง ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงของศรัณ “นี่นายพูดจริงเหรอวะไอ้ภู นายกำลังจะหาเมีย ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมเพื่อน” “พวกนายจะคุยงานไม่ใช่เหรอ รีบๆคุยสิเพราะเดี๋ยวฉันยังมีธุระอย่างอื่นต้องไปทำอีก” “ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย ตอบข้อสงสัยพวกฉันมาให้เคลียร์ก่อน” ศรัณไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆ เพราะท่าทางหลบหลีกของภูมินทร์ตอนนี้บ่งบอกชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดเล่น หากแต่พูดความจริงที่น่าเหลือเชื่อมากๆนั่นเอง “แล้วพวกนายจะสงสัยอะไรมากมายวะ ฉันก็ไม่ได้มีรสนิยมเบี่ยงเบนทางเพศสักหน่อย ถ้าจะจีบผู้หญิงสักคนให้ได้เมียมันผิดมากนักหรือไง”ภูมินทร์ย้อนเพื่อนอย่างหงุดหงิด เมื่อโดนซักไซ้หนัก “มันไม่ใช่แบบนั้น แต่ฉันก็แค่รู้สึกขำที่จู่ๆคนที่ประกาศจะครองโสดไปทั้งชาติอย่างนายคิดจะมีเมียไง ว่าแต่คราวนี้นายจริงจังใช่ไหมวะ เพราะถ้าจำไม่ผิดนายเคยให้สัญญากับไอ้หมอว่าจะไม่เล่นกับเด็กในโรงพยาบาลของมัน ถ้ามันยอมปล่อยบุคลากรของมันให้มาอยู่ในมือของนายได้ ก็แสดงว่าคนนี้นายเอาจริง” ศรัณบอกกับเพื่อนก่อนจะร่ายยาวถึงข้อตกลงระหว่างเพื่อนสนิททั้งสองคนสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน พร้อมกับสรุปให้เสร็จสรรพ ก่อนที่อิทธิฤทธิ์จะเสริมขึ้นอีกคน “นายจะขำทำไมวะไอ้ศรัณ เพื่อกำลังอยากมีเมีย เราก็ต้องสนับสนุนสิวะ” คนปรามไม่ให้คนอื่นขำ แต่ตัวเองนั้นหลุดทั้งสีหน้าและเสียงออกมาจนคนถูกแซวต้องส่งตาเขียวปัดให้ด้วยความหมั่นไส้ อยากจะถีบให้สักที “ถ้าพวกนายสองคนยังไม่เลิกขำ และคุยเรื่องงานฉันจะกลับแล้วนะ” ภูมินทร์แสร้งทำเสียงขรึมจริงจัง พลางขยับตัวจะลุกขึ้นยืน ทำให้เพื่อนทั้งสองคนที่พยายามกลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดงรีบดึงสติกลับมาปรามอีกฝ่ายเอาไว้เสียงหลง “เฮ้ย! ใจเย็นๆก่อนสิวะไอ้ภู พวกฉันจะคุยงานแล้ว” คราวนี้สองหนุ่มต้องตั้งสมาธิอยู่นาน กว่าจะเปลี่ยนน้ำเสียงจากโหมดเล่นมาเป็นโหมดจริงจัง เมื่อพูดถึงเรื่องงาน โดยที่ศรัณเป็นฝ่ายเริ่มคุยก่อน “เฮลิคอปเตอร์ที่นายขอสนับสนุนฉันส่งหนังสือขอทางศูนย์ให้มาช่วยแล้วนะ แต่ทางนั้นยังไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เราคงต้องรอไปก่อน” “เรารอนานกว่านี้ไม่ได้แล้วไอ้ศรัณ เพราะเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าที่ตรึงกำลังอยู่ที่ป่าไม่ให้ไฟลามเข้าป่าอนุรักษ์ทำงานติดต่อกันมาเกือบสัปดาห์เริ่มอ่อนกำลังลงแล้ว” ภูมินทร์ต้องขมวดคิ้วยุ่งเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เพราะจุดความร้อนที่เพิ่มขึ้นในบริเวณใกล้กับป่าอนุรักษ์ที่ไม่เคยเกิดไฟป่ามานานหลายปี ถ้าไฟป่าลามไปถึงเขตที่มีใบไม้ทับถมกันมานานหลายปีจะทำให้กลายเป็นทะเลเพลิงก่อให้เกิดความเสียหายที่ยากจะประเมินได้ “ถ้าเจ้าหน้าที่ดับไฟอ่อนกำลังลง งั้นเราต้องให้ทีมอาสาสมัครดับไฟเข้าไปช่วยเสริมอีกแรง” อิทธิฤทธิ์เสนอ ทว่าภูมินทร์ที่ทำงานกับไฟป่ามานานไม่เห็นด้วยพร้อมให้เหตุผล “ไม่ได้ ทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะพื้นที่ที่เกิดไฟป่าเป็นหน้าผาสูงชัน ถ้าปล่อยให้ทีมอาสาซึ่งไม่เคยได้รับการฝึกอบรมณ์อย่างเข้มงวดและไม่เชี่ยวชาญในพื้นที่เข้าไปดับไฟป่ามันอันตรายเกินไป เราทำได้แค่ส่งพวกเขาช่วยประคองไฟในจุดที่ไม่เสี่ยงเท่านั้น” เมื่อพูดถึงข้อจำกัดมากมายในการปฏิบัติงาน สามหนุ่มก็ต้องกุมขมับทันที แผนสำรองที่ได้วางไว้นั้นก็ใช้มาทุกแผนแล้ว และแผนสุดท้ายที่กำลังจะใช้คือการเรียกร้องให้ทางศูนย์ใหญ่ส่งเฮลิคอปเตอร์มาช่วยดับไฟในพื้นที่ที่เป็นหน้าผาสูงชัน ไม่สามารถนำกำลังพลเข้าไปดับได้ แต่ก็ดูเหมือนว่าหลายๆอย่างจะล่าช้าไม่ทันใจเอาเสียเลย “แล้วเราจะทำยังไงล่ะ จะให้นั่งรออยู่แบบนี้เหรอวะ”อิทธิ์ฤทธิ์โพลงออกมาด้วยความหงุดหงิดที่ไม่สามารถทำอะไรได้ในตอนนี้ “เร่งขอกำลังจากศูนย์ บอกว่าเราต้องการเฮลิคอปเตอร์ช่วยดับไฟด่านที่สุด!” ภูมินทร์ยังคงยืนยันคำเดิม เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถใช้คนเข้าดับไฟได้ จำเป็นต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ในการขนส่งน้ำทางอากาศแล้วทิ้งน้ำลงมาดับไฟในจุดที่มุ่งเข้าสู่ป่าอนุรักษ์ “แล้วฉันจะพยายามประสานให้แล้วกัน”ศรัณรับปากด้วยน้ำเสียงแข็งขัน “ขอบใจมากไอ้ศรัณ” ภูมินทร์กล่าวขอบคุณเพื่อนจากใจจริง จากนั้นการประชุมที่แสนจะตึงเครียดก็ดำเนินต่อไปอีกพักใหญ่ ก่อนทีต่างฝ่ายต่างขอตัวแยกย้ายกลับหลังจากการประชุมสิ้นสุดลง ………………………………………….
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม