บทที่ 1 : ว่าที่แพทย์ประจำฐานคนใหม่ 1

1429 คำ
บนเตียงขนาดคิงไซส์ในห้องนอนหรูมีร่างสูงใหญ่ทอดกายนอนนอนคว่ำหน้าอย่างหมดสภาพ เนื่องจากเมื่อคืนดื่มฉลองหนักไปหน่อย หลังจากที่เพื่อนในแก๊งเตรียมตัวสละโสดไปอีกหนึ่งคน จนเหลือเพียงตัวเองที่ยังคงครองโสดอยู่ลำพัง ก๊อก… ก๊อก… ก๊อก… “ตาภู ตื่นหรือยังลูก ลงไปทานมื้อเช้าได้แล้ว” เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นสองสามทีพร้อมกับเสียงคุณนายประจำคฤหาสน์ปลุกคนหูไวที่กำลังหลับใหลให้สะดุ้งตื่นจะห้วงนิทรา “ครับคุณแม่ เดี๋ยวผมตามลงไปครับ” เสียงทุ้มยานคางตะโกนบอกคนที่อยู่หลังประตู ก่อนที่จะค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ ถึงแม้เมื่อคืนจะดื่มหนักและกลับมาดึกดื่นแต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้างของการตื่นสาย เพราะสำหรับเขาแล้วถ้าฟ้าสว่างจะต้องลุกขึ้นมาทำภารกิจต่อโดยไม่มีข้อแม้ใดใดทั้งสิ้น ภูมินทร์ ทายาทธุรกิจสื่อสาร และยานยนต์อุตสาหกรรมที่ครองตลาดในแถบทวีปเอเชีย วัยสามสิบสองปีเจ้าของความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบสี่เซนติเมตร พลิกตัวนอนหงายด้วยท่าทางเกียจคร้านเต็มที แต่แทนที่จะก้าวลงจากเตียงเขากลับเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะหัวเตียงมาเปิดดูเหมือนเพิ่งจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ไม่ใช่เพราะเขาอยากจะเปิดดูข่าวสารบ้านเมืองหรือโทรหาใคร แต่ดูเหมือนเมื่อคืนเขาได้ขอให้เพื่อนส่งภาพของแพทย์อาสาที่จะไปผาตะวันแทนเจษฎาที่กำลังวุ่นวายกับการเตรียมงานแต่ง มาให้เลือกนั่นเอง ภูมินทร์เลื่อนดูภาพของแพทย์อาสานับสิบคนที่เพื่อนส่งมาให้เลือก กระทั่งนัยน์ตาคมกริบที่แฝงไปด้วยความร้อนดุจเปลวไฟ หยุดอยู่ตรงภาพหญิงสาวที่ปรากฎอยู่ตรงภาพหน้าจอ แม้เธอจะอยู่ใต้ร่มผ้ามิดชิดและมีเสื้อกาวน์ตัวยาวปิดทับอีกที แต่รูปร่างได้สัดส่วนของเธอกลับสะดุดตาชวนมองอย่างประหลาด อีกทั้งโครงหน้าที่สะสวยดุจนางพญาสะกดให้เผลอจ้องมองอยู่นาน จนเวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบสองนาทีจึงได้สติกลับคืนมา ชายหนุ่มสะบัดศีรษะแรงๆเพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกพลางโยนโทรศัพท์ลงบนเตียง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินอาดๆเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายจากคราบเหงื่อและกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ยังคงติดตัวเขาตั้งแต่เมื่อคืน ราวสิบนาทีก็ออกมาพร้อมผ้าขนหนูพันไว้รอบเอวหลอมๆเผยกล้ามเนื้อท่อนบนเป็นมัดๆแข็งแรง ตรงแผงอกกว้างด้านซ้ายมีรอยสักเสือคำรามสีดำตัวใหญ่อยู่แลดูเซ็กซี่ปนร้อนแรงชนิดที่สาวๆเห็นแล้วต้องกลืนน้ำลายลงคอเพราะความกระหายอยากแนบชิดอิงแอบและสัมผัสมัน ระหว่างที่เขากำลังแต่งตัวเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มเพียงตะโกนออกไปเพราะรู้ว่าสาวใช้ขึ้นมาเรียกซ้ำหลังจากที่เขายังไม่ลงไปร่วมโต๊ะมื้อเช้ากับมารดาสักที “รู้แล้ว เดี๋ยวจะลงไปตอนนี้แหละ” ชายหนุ่มบอกพร้อมคว้าเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่มาสวมใส่แบบลวกๆตามด้วยกางเกงขาวยาวตัวใหญ่สบายๆ แล้วเดินออกจากห้องนอน ……………………………………………….. บนโต๊ะอาหารตัวยาวที่สามารถจุคนได้ไม่ต่ำกว่ายี่สิบคนเรียงรายไปด้วยอาหารหลากหลายรูปแบบและหลักหลายเมนูให้เลือกทาน ทั้งที่สมาชิกที่มานั่งล้อมโต๊ะมีเพียงสามคนพ่อแม่ลูกเจ้าของคฤหาสน์หรูเพียงเท่านั้น ถัดจากนั้นตามจุดต่างๆของมุมบ้านก็มีเด็กรับใช้ยืนดูแลความเรียบร้อยและรอรับคำสั่งจากเจ้านายอย่างสุภาพเรียบร้อย ภาพเหลานี้ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้กับชายหนุ่ม เพราะเขาเห็นมาจนชินชาโดยเฉพาะเวลาที่เขาปรากฎตัวในคฤหาสน์แห่งนี้ “ทำไมลงมาช้านักล่ะตาภู ให้พ่อกับแม่รอทานอาหารอยู่ตั้งนาน” ปานวาดเอ่ยถามลูกชายที่เป็นตัวต้นเหตุให้ต้องรอนาน อันที่จริงอาหารมากมายเต็มโต๊ะนี้นางสามารถทานแบบไม่ต้องรอเลยก็ได้ เพียงแต่นานทีปีหนจะได้เจอลูกชายตัวดีสักทีก็เลยอยากจะทานอาหารแบบพร้อมหน้าพร้อมตากันสักหน่อย “ขอโทษครับคุณแม่ พอดีเมื่อคืนไปฉลองกับไอ้หมอกลับมาดึกไปหน่อย เช้านี้เลยตื่นสาย”ภูมินทร์กล่าวขอโทษมารดาด้วยน้ำเสียงอ่อน เมื่อพูดถึงเจษฎานายแพทย์หนุ่มที่ควบตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของลูกชาย ปานวาดก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นสูง พลางเอ่ยถามลูกชายด้วยน้ำเสียงนุ่ม “เพื่อนๆก็สละโสดไปกันหมดแล้ว แล้วเมื่อไหร่จะถึงคิวลูกบ้างล่ะตาภู” “ไม่ใช่ตอนนี้ครับคุณแม่ ผมยังไม่มีเวลาหาแฟน”ภูมินทร์ดักคอมารดาไว้เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะพูดอะไรต่อ “โถ่…ลูก อ้างแต่ไม่มีเวลาแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะมีแฟนกับเขาสักทีล่ะ แล้วนี่จำที่เคยให้สัญญากับแม่ไม่ได้แล้วหรือไง” ปานวาดเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจ แต่เมื่อรู้ว่ายังไงเสียก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจลูกชายเพียงคนเดียวให้รีบแต่งเมียได้ก็ต้องทวงถามถึงสัญญาที่อีกฝ่ายเคยให้ไว้เมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นภูมินทร์เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย สิ่งที่ครอบครัวคาดหวังคือให้เขามานั่งตำแหน่งผู้บริหารต่อจากบิดา เนื่องจากภูมินทร์เป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูล แต่ดูเหมือนว่าเขาจะอยากทำอย่างอื่นมากกว่า นั่นก็คือการเป็นเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าตามความฝันของตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆ เมื่อเขาขอร้องบิดามารดาให้ปล่อยเขาไปทำตามความฝัน สองสามีภรรยาที่เคยแต่จะเอาอกเอาใจลูกและไม่เคยขัดใจลูกมาก่อนก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อน แต่ใครจะไปคิดว่าการปล่อยลูกชายครั้งนั้นไปจะเหมือนการปล่อยเสือเข้าป่า นานทีปีหนลูกชายจะกลับมาอยู่บ้านสักครา จนทั้งสองแทบจะไม่ได้เจอหน้าลูกชาย กระทั่งปานวาดทนไม่ไหวต้องตั้งกฎข้อสำคัญขึ้นมา เพื่อปราบลูกชายอย่างเด็ดขาด! แต่แทนที่นางจะทำร้ายจิตใจลูกชายโดยการห้ามไม่ให้เขาไปเป็นเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าในถิ่นทุรกันดาร กลับเลือกให้ลูกชายสัญญากับนางว่าจะมีเมียและแต่งงานก่อนอายุสามสิบสองปีให้ได้ แถมยังมีข้อแม้อีกว่าผู้หญิงคนนั้นจะต้องเป็นสาวเมืองกรุงเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพราะนางเชื่อว่าหากลูกเมียของลูกชายอยู่ที่กรุงเทพฯ สักวันภูมินทร์ก็จะต้องเลิกล้มความฝันแล้วกลับมาอยู่กับลูกเมียจนได้นั่นเอง นั่นเป็นแผนการที่นางได้วางไว้ตั้งแต่แรก และดูเหมือนลูกชายตัวดีจะไม่ได้สงสัยและคิดระแวงเลยตอบตกลงไปในที่สุด และตอนนี้ก็ได้เวลาอันสมควรที่นางจะได้ทวงสัญญาคืนเสียที “เปล่าลืมครับ แต่ผมแค่ยังไม่เจอคนที่ใช่ก็เท่านั้นเอง” “ก็ลูกเอาแต่บุกป่าฝ่าดงแบบนั้นแล้วเมื่อไหร่จะเจอคนที่ใช่สักทีล่ะ ถ้าขืนลูกยังไม่เอาจริงเอาจังกับเรื่องความรัก แม่ก็คงได้ตายก่อนได้เห็นหน้าหลานพอดี” “เรื่องนั้นคุณแม่ไม่ต้องห่วงเหรอกครับ คุณแม่ก็รู้ว่าผมไม่เคยผิดคำสัญญา ครั้งนี้ก็เช่นกันครับ” ภูมินทร์ตอบมารดาให้คลายกังวลด้วยน้ำเสียงหนักแน่นโดยเฉพาะประโยคท้าย ทั้งนี้ก็เพราะท่านทั้งสองปลูกฝังให้เขาเป็นลูกผู้ชายที่ต้องยอมรับผลการกระทำมาตั้งแต่เด็กๆ การให้สัญญาเป็นกฎของลูกผู้ชายเมื่อพูดออกมาแล้วต้องทำให้ได้เลยทำให้ภูมินทร์รักษาสัจจะเสมอมา ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะยังมองไม่เห็นทางออกนั้นเลยก็ตามที “ให้มันจริงเถอะ แม่จะคอยดู” ปานวาดเอ่ยพลางทำตาขวางไม่เชื่อคำพูดของลูกชายตัวดีสักเท่าไหร่ แต่กระนั้นก็หันมาลอบยิ้มกับสามีเมื่อแผนการของตัวเองกำลังจะกลายเป็นจริงเข้าสักวัน ……………………………………………..
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม