พระพายหันไปมองคนที่อาสาขับรถมาส่ง ความเงียบของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ทำให้รู้สึกไม่สบายใจนัก แต่ถ้าจะพูดอะไรไปมากกว่านี้คงจะไม่ดี ด้วยความรู้สึกอ่อนเพลีย พระพายจึงหลับตาลง เพื่อพักสายตาและที่สำคัญไม่อยากสร้างความไม่สบายใจให้กับพิมพ์พลอยมากขึ้นกว่าเดิม คนที่กำลังขับรถอยู่ชำเลืองมองมาทางด้านคนที่เริ่มเอนตัวและหลับตาไปเมื่อสักครู่ พิมพ์พลอยขับรถให้ช้าลง ถอนใจเบาๆ นึกถึงสัมผัสเล็กๆ ที่ได้รับ ซึ่งเป็นครั้งแรกจากผู้หญิงด้วยกัน แต่ทำเอาหัวใจรวนๆ ชอบกล หันไปเห็นพระพายนอนหลับตาพริ้ม พิมพ์พลอยยิ้มๆ กับคนที่คงหมดสภาพ เพราะความอ่อนเพลียจากอาการปวดท้อง เวลาไม่กวนโมโหก็ดีอยู่นะ พิมพ์พลอยอมยิ้มกลับไปตั้งใจกับเส้นทางที่อยู่ตรงหน้า ตั้งใจว่า จะขับให้นิ่มที่สุด คนที่หลับอยู่จะได้หลับสบาย
“ว่าอย่างไรขอรับ คุณพี่ชัย”
“อยู่ไหนวะ ไปที่ห้องไม่เจอ” ชัยพรช่างภาพ ซึ่งทำงานกับพิมพ์พลอยอยู่บ่อยๆ จนสนิทสนมกัน
“มาทำธุระข้างนอกค่ะ ว่าจะเลยกลับบ้านเลยด้วย พี่ชัยมีอะไร”
“งานด่วน นายสั่ง มีงานคืนนี้ งานแทน” ชัยพรพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ
“อะไร ไหนว่าไม่มี น่าเบื่อเนอะ ได้ๆ ถ้าอย่างนั้นพี่ส่งรายละเอียดให้ด้วยนะ นึกว่าจะได้พัก งานเข้าตอนเย็น งานไฮโซอีกล่ะสิ” พิมพ์พลอยพูดบ่นกับชัยพรที่ยิ้มๆ อยู่ปลายสาย
“แต่ไฮโซก็ดีนะเว๊ย มีของกินส่งถึงออฟฟิศ น่าคบหา มีน้ำใจ” เสียงหัวเราะของชัยพรดังอยู่ปลายสาย
“เห็นแก่กิน แค่นี้ก่อนนะ พี่ชัย พลอยขับรถอยู่ เจอกันเย็นนี้ค่ะ”
“เออ เดี๋ยวพี่ไปรับแกที่บ้านนะ เห็นรถยังจอดอยู่ข้างล่าง แล้วขับรถใครอยู่วะ” ชัยพรยิ้ม เพราะได้ยินคนพูดกันว่า เห็นพิมพ์
พลอยขับรถออกไปกับพระพายสาวไฮโซที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้ากันเท่าไรนัก
“พูดแบบนี้ รู้กันทั้งตึกแล้วใช่ไหมล่ะ”
“มั้ง ไปเตรียมอุปกรณ์ก่อน เจอกันเย็นนี้” ชัยพรวางสายไปแล้ว คนที่ขับรถอยู่หันมาดูคนที่หลับอยู่ข้างๆ อีกครั้ง
“หมดสภาพ ไหวไหมเนี่ย” พิมพ์พลอยยิ้ม เมื่อมองเห็นพระพายยัง คงหลับสนิทอยู่ ใกล้ถึงโรงแรมของพระพายแล้ว พิมพ์
พลอยเลือกที่จะโทรศัพท์หาศศิมา ซึ่งทักทายกลับมาในเวลาไม่นานนัก
“ว่าอย่างไร เอาไต้ฝุ่นไปส่งโรงพยาบาลหรือยัง” ศศิมาทักทาย
“ใกล้แล้วค่ะ หลับน้ำลายไหลยืดอยู่ข้างๆ ท่าทางคงจะไม่ไหว หมดสภาพหลับตั้งแต่ขึ้นรถมาแล้วค่ะ พลอยจะรบกวนของเบอร์คุณกุลค่ะ จะได้ให้คุณกุลมารับคนหมดสภาพไปพัก” พิมพ์พลอยบอกกับศศิมา
“ใกล้ถึงโรงแรมหรือยัง เดี๋ยวพี่โทรฯ ไปบอกคุณกุลให้ลงมารอรับ”
“น่าจะสักสิบนาทีค่ะ พี่ศศิ ขอบคุณมากค่ะ”
“ต้องหาหมอก่อนไหม” ศศิมารู้สึกเป็นห่วง ไม่คิดว่า พระพายจะมีอาการมากขนาดนี้
“ทานยาแล้ว เข้าห้องน้ำสองสามรอบ คงเพลีย หลับมาก็ดีเหมือนกันนะคะ จะได้ไม่กวนโมโห” พิมพ์พลอยยิ้มๆ แอบชำเลืองมองไปทางพระพายเล็กน้อย แต่ยังคงนอนหลับอยู่
“กวนโมโหอย่างเดียวก็ดี ระวังจะไปรบกวนจิตใจเข้าให้ล่ะ เข้าแล้วออกยากนะเว๊ย ระวังหน่อย ขอบใจที่พาไต้ฝุ่นไปส่ง เดี๋ยวพี่โทรฯ ไปแจ้งคุณกุลก่อน ไว้คุยกันนะ พลอย”
“เจ้าค่ะ พี่ศศิเป็นคนเจ้าเล่ห์เหมือนกันนะ” พิมพ์พลอยรำพึงออกมา
“เพิ่งรู้หรือ เป็นนานแล้ว บายจ้ะ แม่ตัวแสบ”
หลังจากพูดคุยกับศศิมา กุลธิดารีบลงมารอรับพระพายด้วยความเป็นห่วง ไม่รู้ว่า มีอาการมากน้อยขนาดไหน แต่ถึงกับหลับมาในรถก็น่าเป็นห่วงอยู่ เพราะถ้าไม่เป็นอะไรมากนัก ศศิมาคงไม่โทรศัพท์ให้ลงมารอรับแบบนี้
“สวัสดีค่ะ คุณกุล” พิมพ์พลอยพนมมือไหว้ทักทายกุลธิดา ซึ่งสูงวัยกว่า กุลธิดารับไหว้และยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“สวัสดีค่ะ คุณไต้ฝุ่นเป็นอย่างไรบ้างคะ”
“ทานอาหารเผ็ดเข้าไป เลยปวดท้องค่ะ พลอยให้ทานยาแล้ว คิดว่าพักอีกหน่อยคงจะดีขึ้นค่ะ” พิมพ์พลอยบอกกับกุลธิดา พอดี
กับคนที่หลับอยู่เริ่มรู้สึกตัว
กุลธิดายิ้ม เดินเข้าไปประคอง ดูจากท่าทางแล้ว ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก คงจะอ่อนเพลียไปบ้าง แต่ท่าทางไม่น่าเป็นห่วงอะไร หรือว่าอ้อนคนมาส่งกันนะ กุลธิดายิ้มน้อยๆ กับความคิดของตัวเอง
“ไหวไหมคะ คุณไต้ฝุ่น” กุลธิดายิ้มให้เมื่อประคองพระพายมายืนอยู่ใกล้ๆ กับพิมพ์พลอย
“นิดหน่อยค่ะ ดีขึ้นแล้ว”
“ดื่มน้ำอุ่นเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้น พลอยขอตัวก่อนนะคะ คุณกุล”
“ไม่ไปดื่มกาแฟก่อนหรือคะ ให้กุลขอบคุณที่ช่วยขับรถมาส่งคุณไต้ฝุ่นสักหน่อยนะคะ” กุลธิดาอยากขอบคุณในความมีน้ำใจของพิมพ์พลอย
“พอดีพลอยมีงานค่ะ ต้องรีบไปเตรียมตัว ขอบคุณสำหรับขนมที่ฝากไปให้นะคะ” พิมพ์พลอยพนมมือไหว้กุลธิดาอีกครั้ง
“ให้คนขับที่นี่ขับไปส่งนะ พลอย” พระพายบอก
“ไม่ดีกว่า ขอบคุณนะ พลอยกลับแท็กซี่สะดวกกว่า ไปพักผ่อนเถอะ”
“เป็นห่วง นั่งแท็กซี่คนเดียว” พระพายพูดงึมงำออกมา กุลธิดายิ้มๆ กับสิ่งที่ได้ยิน ถือโอกาสเดินเลี่ยงเข้ามาภายใน ปล่อยให้
สองสาวได้คุยกันตามลำพัง
“นั่งมาตั้งเป็นพันครั้งแล้ว ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ไปล่ะ” พิมพ์พลอยรู้สึกเงอะงะกับการที่จะต้องยืนพูดคุยอยู่กับพระพาย แปลกใจตัวเองอยู่เหมือน กัน ทำไมถึงได้มีอาการแปลกๆ ท่าทางแปลกๆ ทำอะไรไม่ค่อยถูก ยิ่งเมื่อมองสบตากับสายตาที่มองมา สายตาของพระพายดูอ่อนโยนไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนเมื่อก่อนที่ได้พบเจอกันตามงานต่างๆ
“พันครั้งที่ผ่านมา เรายังไม่รู้จักกัน ครั้งนี้ครั้งที่หนึ่งพันหนึ่งครั้ง พลอยจะได้รู้ไว้ว่า มีคนเป็นห่วง” พระพายยิ้มจางๆ มองสบตา
กับพิมพ์พลอยที่หลบสายตาของพระพายในทันทีที่ได้ยินการพูดย้ำถึงความห่วงใย
“เชื่อได้ไหม”
“ก็แล้วแต่ พลอย ว่าอยากเชื่อหรือไม่”
“อือ ไปล่ะ” พิมพ์พลอยทำท่าจะเดินจากไป
“ฝุ่นต้องทำอย่างไร พลอยถึงจะหายโกรธ” พระพายจับข้อมือของพิมพ์พลอยและดึงรั้งเอาไว้
“อยู่กันห่างๆ เป็นคนรู้จักกัน หรือไม่รู้จักกันเหมือนเมื่อก่อนก็ได้”
“ถ้าฝุ่นไม่ใช่ไฮโซ พลอยจะเป็นเพื่อนกับฝุ่นไหม” พระพายถามเสียงอ่อยๆ จ้องมองคนที่ไม่ยอมมองสบตาด้วย
“แค่คนรู้จัก ไม่ว่าจะไฮโซหรือไม่ เข้าใจนะ ปล่อยมือได้แล้ว”
“ไม่ปล่อย” พระพายพูด มองจ้องพิมพ์พลอยเขม็ง
“อย่ามาขึ้นเสียง แล้วก็อย่ามาบังคับ พลอยไม่ชอบ เพราะถ้าไม่ปล่อย เราจะเป็นคนไม่รู้จักกัน น่าจะดีกว่านะ” พิมพ์พลอยจ้อง
เขม็ง หลังจากได้ยินน้ำเสียงแข็งๆ ของพระพาย ซึ่งไม่ยอมปล่อยมือ และยังเหนี่ยวรั้งเอาไว้
“ฝุ่นรู้แล้ว ที่ดูเหมือนห่วงใย เพราะฝุ่นเป็นน้องพี่ศศิ ไม่ได้ห่วงเพราะฝุ่นเป็นฝุ่น ไม่ต้องห่วงใย ไม่ต้องทำดีกับฝุ่นก็ได้นะ ถ้าเป็น
แบบนั้น ขอบคุณที่มาส่งค่ะ ฝุ่นขอตัวก่อน” พระพายพูดจบ หันไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่โรงแรมให้จัดการเรื่องรถแท็กซี่ให้กับพิมพ์พลอย
“ก็ดี จะได้เลิกวุ่นวายเสียที” พิมพ์พลอยรำพึงออกมา แต่ยังมองตามคนที่เดินจำอ้าวเข้าไปภายใน โดยไม่หันกลับมามองอีก
เลย
ศศิมานั่งยิ้มมองดูดาริกาพูดคุยอยู่กับมารดาของเธอ สองสาวดูจะคุยกันถูกคอ ทุกครั้งที่ดาริกามาที่บ้าน มารดาจะรีบจัดเตรียมอาหารไว้ให้ ช่วงหลังๆ อาหารที่จัดเตรียมจะเป็นอาหารที่ดาริกาชอบเสียมากกว่า
“หนูตกกระป๋องเลยนะคะ เวลาดาวมาด้วยทีไร” ศศิมาพูดอ้อน เมื่อเห็นมารดายิ้มๆ มองมาที่เธอ
“ตัวโตขนาดนี้ กระป๋องที่ไหนจะใส่ตัวเธอได้ล่ะจ๊ะ” มารดาของศศิมาพูดแหย่ลูกสาว ดาริกาหันไปยิ้มกับศศิมาที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ถังน้ำมันยังลงไม่ได้เลยนะคะ พี่ศศิ”
“จริงของยายดาว” มารดาของศศิมาหัวเราะเล็กๆ
“เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ดูสิ อาหารก็มีแต่ที่ดาวชอบทั้งนั้นเลย แม่ลืมไปแล้วหรือเปล่าคะ ว่าหนูชอบทานอะไรบ้าง” ศศิมายิ้มทะเล้นให้มารดา
“พ่อเราโน่น เตรียมไว้ให้โดยเฉพาะ ลงมือตำน้ำพริกมะขามเองเลยนะเห็นคราวก่อน ลูกสาวบ่นว่าอยากทาน” มารดาพยักพเยิดไปทางหน้าบ้าน ซึ่งบิดาของศศิมาออกไปเดินดูสวนรอบๆ บ้าน
“ท้องแตกแน่ หนู” ศศิมาแทนตัวเองว่าหนู กับบิดามารดา ดาริกาได้ยินทีไร ก็อดยิ้มไม่ได้ ครั้งแรกที่มากราบท่านทั้งสองและได้
เห็นอีกมุมของศศิมา ซึ่งดาริกาไม่เคยคิดมาก่อนว่า ศศิมาจะมีมุมน่ารัก โดยเฉพาะแทนตัวเองว่า หนูอย่างโน้น หนูอย่างนี้ ทำให้ยิ้มได้ทุกครั้งที่ได้ยิน
“ก็ดีกว่าปล่อยให้ท้องว่างนะ เอ่อยายดาว ช่วยแม่สักเรื่องสิ”
“เรื่องอะไรคะ” ดาริกาถามหันมามองสบตากับศศิมา
“ช่วยเอาแม่คนนี้กลับมาอยู่กรุงเทพฯ เสียที หายเข้าป่า เข้าสวน ลืมบ้าน ลืมพ่อ ลืมแม่อยู่บ่อยๆ เราก็เหมือนกัน ปล่อยน้องอยู่กรุงเทพฯ ไม่คิดถึงบ้างหรือ” มารดาถามศศิมาที่ยิ้มกว้างขึ้น เมื่อได้ยินคำถาม
“คิดถึงสิคะ คิดถึงมากด้วย”
“แล้วยังไง กลับมาอยู่กรุงเทพฯ ได้แล้วนะ แม่ว่า รีสอร์ทค่อยหาคนไปดูแลแทน” น้ำเสียงของมารดาฟังดูจริงจัง จนศศิมายิ้ม
จางลง
“แต่ดาว ตกลงจะไปอยู่ด้วยที่โน่นกับหนูแล้วนะคะ แม่” ศศิมาอ้อม แอ้มตอบ ดาริกาจึงยิ้มเจื่อนๆ ให้กับมารดาของศศิมา
“อ้าวเป็นงั้นไป เอาเถอะ ก็ยังดี มียายดาวไปอยู่ด้วย แม่ก็หายห่วงหน่อย ฝากด้วยนะ หนูดาว ยายศศิน่ะ บางทีก็แสนงอนไป
บ้าง” มารดายิ้มเมื่อเห็นลูกสาวนั่งหน้าง้ำ
“เคยงอนที่ไหนกันคะ ใช่ไหม ดาว”
“แสนงอนอย่างแม่ว่า จริงค่ะ” ดาริกาอมยิ้ม
“แล้วรักไหมคะ” ศศิมาถามโพล่งออกมา ดาริกาจึงตีเข้าที่แขน มารดายิ้มๆ กับความน่ารักของลูกสาว
“พี่ศศิ มาถามอะไรตอนนี้ล่ะคะ”
“ตอบสิคะ แม่จะได้เป็นพยานให้ด้วย ใช่ไหมคะ แม่” ศศิมายิ้มทำขยิบตากับมารดาที่อดจะขำไม่ได้ นึกไปนึกมามีดาริกาเข้ามา
อยู่ในชีวิตศศิมาก็ดีเหมือนกัน เพราะจากคนเงียบๆ ขรึม กลับมาร่าเริงสดใสอีกครั้ง
“นั่นสิ รักลูกสาวของแม่ไหม หนูดาว”
“แม่ถามแบบนี้ ดาวจะตอบอย่างไรได้ล่ะคะ” ดาริกายิ้มอายๆ ศศิมาจึงกุมมือดาริกาเอาไว้
“แม่ถามแทนลูกสาว ไว้บอกตอนอยู่ตามลำพังกันสองคนก็ได้ ใช่ไหมยายศศิ” มารดาถามลูกสาวที่ยิ้มเอื้อมมือไปโอบกอดดา
ริกาเอาไว้
“ใช่ค่ะ ไว้ก่อนเข้านอน ช่วยตอบคำถามด้วยนะคะ” ศศิมาได้ทีเมื่อมีมารดาเป็นพรรคพวก จึงพูดแหย่ดาริกาที่ยิ้มอายๆ ก้มหน้า
งุดๆ อยู่ข้างๆ
“แม่ขอบใจดาวมากนะลูก ที่ช่วยดูแลศศิให้มีความสุข ก่อนหน้าที่จะรู้จักกับดาว ยายศศิยิ้มน้อยกว่านี้ตั้งมาก พอมีดาวเข้ามาในชีวิต ยายศศิดูร่าเริงสดใสขึ้นเยอะ ขอบใจมากนะ ลูก”
“ขอบพระคุณแม่ค่ะ ที่เอ็นดูดาว”
“ก็เราน่ะ น่ารักซะขนาดนี้ พ่อเองก็บ่นถึงดาวบ่อยๆ สงสัยจะหาคนช่วยทำสวน” มารดาหัวเราะออกมา เมื่อพูดพาดพึงถึงบิดา
ของศศิมา
“เสน่ห์เหลือร้าย ใครๆ ก็รัก แต่เฉพาะพ่อกับแม่ได้นะคะ คนอื่นพี่ไม่อนุญาตนะ” ศศิมากระซิบบอกดาริกา
“พี่ศศิอย่ามาทำพูดดี ตัวเองนั่นแหละ อย่าไปหว่านเสน่ห์กับใครล่ะ”
“ถ้าออกนอกลู่ นอกทาง แม่จัดการให้เอง” มารดายิ้ม
“แม่คะ ลูกสาวแม่คนนี้นะคะ” ศศิมาทำเป็นขมวดคิ้ว และทำท่าชี้มาที่ตัวเอง
“ยายดาว ก็ลูกสาวอีกคน หรือเราไม่อยากให้เป็น”
“อยากสิคะ ขอบคุณนะคะ ที่แม่เข้าใจ รักแม่กับพ่อมากที่สุดในโลกเลย ดาวด้วยนะ” ศศิมาหันมายิ้มให้ดาริกา
“เออ พาน้องไปงานด้วยสิ ไปงานแทนแม่กับพ่อหน่อยคืนนี้”
“ไม่ไป ได้ไหมคะ” ศศิมาถาม แต่มารดาส่ายหน้าทันที
“ไฟท์บังคับ ไปด้วยกันนะ ดาว” ศศิมาหันไปถามดาริกา ซึ่งกำลังส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ดาวอะ ใจร้าย” ศศิมาทำหน้างอ
“ขับรถให้ แล้วรอรับกลับ ไม่เข้างาน พี่ศศิก็รู้ ว่าดาวไม่ชอบไปงานเลี้ยง” ดาริกาออกความคิดเห็น
“ขอบคุณค่ะ ดาวไปรอที่บ้านดีกว่า แล้วนัดเวลาไปรับพี่นะ”
“เจ้าค่ะ คุณศศิ” เสียงหัวเราะของทั้งสองสาวดังขึ้น รวมถึงมารดาที่นึกขำกับการพูดคุยระหว่างลูกสาวกับคนรัก
“ฝากด้วยนะ หนูดาว”
“ค่ะ แม่”
“รับฝากแล้ว ดูแลให้ดีด้วยนะคะ รักให้มากๆ ด้วยนะ” ศศิมายิ้มให้กับมารดาที่ยิ้มอย่างมีความสุข