TANINN PART
“นี่เฮียจะไม่บอกน้องจริงเหรอ” ตั้งแต่ขึ้นรถมาธนนก็เอาแต่ถามผมไม่เลิกว่าใช่ยาหยีไหมที่เคยเป็นแฟนเก่า “แต่นนว่าชัวร์ ดูจากสายตาที่เฮียมองหยีไม่เหมือนสายตาเวลาที่ใช้มองคนอื่น”
“ยังไง” ถามเสร็จก็ตีไฟแล้วซ้ายเข้ามายังร้านหมูกระทะที่ไอ้ฝุ่นปักหมุดให้
“มันดูโหยหา ดูคิดถึง มัน... อธิบายไม่ถูก รู้แค่ว่ามันพิเศษกว่าคนอื่นแล้วกันเฮีย” ไอ้เด็กนี่
“คือเราต้องรอก่อนใช่ไหมหรือยังไง” พอลงจากรถได้ผมกับน้องก็ไม่รู้ว่าควรเดินเข้าไปเลยหรือว่าต้องรอคนชวนก่อน ตอนขับรถออกจากมหา’ลัยก็เห็นไอ้ฝุ่นขับตามออกมาแล้วแต่ไม่รู้ทำไมยังไม่ถึง
“มีเบอร์เพื่อนรึเปล่าโทรหาหน่อย”
“ฮั่นแน่ อยากถามว่ามีเบอร์หยีรึเปล่าใช่ไหมล่ะ” ไอ้เด็กเปรต “แต่เสียใจด้วยที่ไม่มี” ก็ไม่ได้หวังกับคนอย่างแกตั้งแต่แรกแล้วธนน
“แล้วทำไมเฮียไม่โทรหาพี่ฝุ่น”
“ขี้เกียจ” อีกอย่างรู้ดีว่าถ้าตอนขับรถไอ้ฝุ่นมันไม่ชอบรับโทรศัพท์ ต่อให้เสียงเรียกเข้าดังจนหนวกหูแม่งก็ไม่ยอมรับไม่รู้ว่าเป็นห่าอะไร
“คันนั้นรึเปล่า” ธนนบุ้ยหน้าไปยังรถบีเอ็มดับเบิลยูสีน้ำเงินที่วิ่งเข้ามาใหม่ ผมเลยพยักหน้าเพราะจำป้ายทะเบียนได้
“หยีกับฝนขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”
“งั้นเจอกันข้างในเลยนะ” สองสาวพยักหน้ารับแล้วปลีกตัวเดินออกไป ส่วนผมยังมองตามกระทั่งแผ่นหลังบางหายไปจากสายตา
“ตามไปไหม” เป็นไอ้ฝุ่นที่กอดอกยืนค่อนขอด ส่วนธนนก็เอาแต่ยิ้มเยาะเหมือนคนบ้า
“น้องสาวมึงเป็นอะไร”
“คนไหนล่ะ กูมีน้องตั้งสองคน”
“ไอ้สัส” ด่าตามหลังแล้วเดินตามเข้ามาภายในร้าน ทั้งที่รู้ว่าผมหมายถึงคนไหมมันก็ยังจะเล่นลิ้น
“ห้าคนครับ” เล่นลิ้นไม่พอยังเมินคำถามผมแล้วเอาแต่พูดกับพนักงาน ขอนั่นสั่งนี่อยู่หลายนาทีกว่าจะได้นั่งเงียบ ๆ
“ไอ้ฝุ่น”
“อะไร” ยังจะมาทำเสียงเข้มเหมือนรำคาญ
“บอกมาว่าหยีเป็นอะไร” ก่อนหน้านี้ยังเห็นร่าเริงอยู่เลย แต่ทำไมพอลงจากรถหน้าตาถึงดูไม่สดใส ดวงตาก็ดูเศร้าเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ
“เรื่องส่วนตัวไม่ต้องเสือก”
“ไอ้เหี้ยฝุ่น”
“ขึงจนตาถลนออกจากเบ้ากูก็ไม่บอกมึงหรอก เพราะฉะนั้นไม่ต้องพยายาม” อยากจะฟาดฝ่ามือใส่หัวแม่งสักที
ไอ้เหี้ยฝุ่นมันชอบเป็นแบบนี้ เป็นคนไม่มีความลับแต่ถ้าเรื่องไหนที่มันคิดว่าผมรู้แล้วไม่ทำให้เกิดประโยชน์มันจะไม่ยอมปริปากพูดให้ผมฟัง
อย่างตอนที่หยีบอกเลิกผม ผมรู้ว่าไอ้ฝุ่นมันรู้ว่าเพราะอะไรหยีถึงได้ทำแบบนั้นแต่มันก็ไม่ยอมจะบอกผม มันแค่ปลอบใจแล้วพูดว่า ‘มึงไม่ผิด’ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
จนกระทั่งวันที่ผมต้องบินไปเรียนต่อ มันบอกว่าถ้าผมยังรักหยีก็ขอให้ผมรอ รอให้หยีพร้อมแล้วระหว่างนั้นมันจะดูแลหยีให้ ซึ่งผมไม่รู้หรอกไอ้คำว่าพร้อมที่มันบอกคือพร้อมเรื่องอะไร แต่ผมก็พยักหน้าและบอกว่า ‘กูจะรอ’ รอทั้งที่ไม่รู้ว่าต้องรอไปถึงเมื่อไหร่ จนผ่านมาสี่ปีผมก็ยังไม่รู้ว่าเหตุผลจริง ๆ ที่หยีบอกเลิกผมคืออะไร
“เป็นเจ้ามือเหรอคะคุณธนนทำไมถึงได้นั่งหัวโต๊ะ” กะว่าจะเค้นไอ้ฝุ่นอีกสักรอบแต่ฝนกับหยีกลับมาก่อนผมก็เลยไม่ได้ทำ
“หน้าอย่างผมดูมีเงินเหรอคุณฝน นี่คนมีเงิน” ธนนชี้มือมาที่ผม “ผมอ่ะไม่มีเงินแต่มีใจ สนเปล่าครับ” แล้วดูมันทำหน้า ไอ้เด็กนี่มันม่อไม่ดูตาม้าตาเรือเลยจริง ๆ
“กูว่ามึงควรคีบหมูให้ธนน ปากมันจะได้ไม่ว่างพูดจาไร้สาระ” นั่นไงละ แค่คิดเสียงเย็น ๆ ก็ลอยข้ามหัวไปลงยังไอ้เด็กขี้อ่อย
“ผมแค่หยอกฝนเล่นน่ะครับ ไม่ได้คิดอะไรเลย” ธนนยกมือสองข้างขึ้นพร้อมกันบอกว่าตัวเองบริสุทธิ์ใจ ดีที่ไอ้ฝุ่นมันไม่ได้ว่าอะไรอีกเรื่องนี้เลยจบลงแบบง่าย ๆ
“ระวังปากแล้วก็ช่วยเก็บอาการ” ผมกระซิบบอกน้องชายที่รู้สันดานและไส้พุง
“เฮียอ่า น้องยังไม่ได้ทำอะไรเลย” ถ้าเล่าให้คนอื่นที่ไม่ใช่ผมฟังเขาก็คงเชื่ออยู่หรอก แต่นี่ผมเป็นพี่ชายที่เห็นพฤติกรรมมาตั้งแต่จำความได้ทำไมผมจะดูไม่ออกว่าธนนคิดอะไรอยู่
เลิกสนใจน้องชายตัวเองเปลี่ยนมาแอบมองคนที่ไม่ได้เจอหน้ามานาน หยีโตขึ้นมากแล้วก็สวยขึ้นเยอะด้วย จากเมื่อก่อนที่เป็นเด็กผมเปียตอนนี้เปลี่ยนมาปล่อยผมยาวสลวยเป็นสาวแบบเต็มตัว บวกกับการแต่งหน้าเพิ่มอีกนิดหน่อยยิ่งทำให้เจ้าตัวดูโดดเด่น ถึงวันนี้จะคุยกันนับคำได้แต่มันก็พอทำให้ผมคลายความคิดถึงที่มีลงได้บ้าง
“มีอะไร” คำถามฝนทำให้ทั้งโต๊ะหันไปสนใจ หยีที่เมื่อกี้ก้มหน้าอยู่กับโทรศัพท์ก็ยื่นให้คนข้าง ๆ ดู
“ล้านหนึ่งเลยเหรอ” ฝนดูตกใจกับจำนวนที่เจ้าตัวเป็นคนพูด ส่วนคนที่พยักหน้ารับกลับไม่ได้ดูตื่นเต้นขนาดนั้น
“ทำไมพะ...” ฝนหลับตาแล้วใช้มือตีปากตัวเอง “ทำไมรอบนี้ถึงโอนมาเยอะจัง”
“ของขวัญสอบเข้ามหา’ลัย”
“เปย์สุด ๆ” ฝนทำหน้าหน่าย ส่วนคนที่นั่งข้างผมอย่างไอ้ฝุ่นเลิกสนใจแล้วคีบหมูเข้าปากต่อ
“ใครเหรอ” ส่วนธนนยังอยากรู้อยากเห็น “ที่บ้านรับขวัญนักศึกษาใหม่เหรอหยี อิจฉาอ่า” จะไปอิจฉาคนอื่นทำไม พ่อกับแม่ซื้อคอนโดแล้วก็รถให้ยังไม่พอใจอีกรึไง
“เปล่าหรอก แค่คนดูแลน่ะ” คำว่าคนดูแลทำให้ผมหันมองไอ้ฝุ่นอัตโนมัติ ไหนมันบอกว่าหยีไม่มีใครแล้วทำไมถึงมีคนดูแล
“มองกูทำเหี้ยอะไร”
“ไหนมึงบอกว่าหยีโสด” ผมกัดฟันกระซิบถาม
“ก็โสด ตั้งแต่เลิกกับมึงหยีก็ไม่เคยคบกับใคร ทำไม” ยังจะกล้าถามว่าทำไม
“แล้วคนดูแลคืออะไรไอ้ห่า!” คงไม่ได้เหมือนที่ผมเคยได้ยินมาใช่ไหมว่านักศึกษาสาวบางคนมักจะมีพวกเงินหนาคอยดูแล ให้เงินเดือน ซื้อเสื้อผ้ารวมถึงของแบรนด์เนมให้
“อะไรที่คิดอยู่หยุดเดี๋ยวนี้” ไอ้ฝุ่นชี้หน้าผม “น้องกูไม่ได้เป็นแบบนั้น”
“แล้วเป็นแบบไหนมึงก็บอกกูมาสิ” ใจสั่นไปหมดแล้วไอ้เหี้ย ไม่ใช่ว่าผมรังเกียจหยีหรอกนะถ้าน้องเคยมีคนดูแล แต่ผมแค่ไม่ได้เตรียมใจไว้เลยตั้งตัวไม่ทัน
“ชนะใจหยีได้เมื่อไหร่เดี๋ยวมึงก็รู้เอง” ไอ้เหี้ยนี่ทำไมมันเรื่องมากนักว่ะ แค่บอกทุกอย่างมาก็จบเรื่องแล้วไหม
“หมูค่ะ” จังหวะที่อยากดึงคอไอ้ฝุ่นเข้ามาตบเสียงใสก็ดังขึ้นพร้อมหมูหนึ่งชิ้นที่วางลงบนจาน เป็นหยีที่กำลังยิ้มหวานส่งมาให้
“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มตอบแล้วก้มมองหมูในจานด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย ทั้งที่เมื่อกี้ยังหัวร้อนเอามาก ๆ แต่แค่หยีพูดด้วยไม่กี่คำความรู้สึกก็เปลี่ยนไปทันที
“เลิกยิ้มได้แล้วเฮีย หยีคีบให้ทุกคน” ได้ยินอย่างนั้นก็มองจนรอบโต๊ะแล้วพบว่าคือเรื่องจริง
แต่แล้วไง “ชิ้นของเฮียใหญ่กว่าแล้วก็กรอบกว่าชิ้นของแกเยอะ” ดูก็รู้ว่าหยีใส่ใจที่จะเลือกชิ้นที่ดีที่สุดให้กับผม!
End part.