chapter 4 แฟนเก่ารึเปล่านะ

1509 คำ
“หยีสบายดีค่ะ แล้วพี่ธนินล่ะคะสบายดีไหม” กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอก็ปล่อยให้ระหว่างเราเงียบไปหลายวินาที แต่ถึงอย่างนั้นคนตัวสูงก็ไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจากมองมายังฉันด้วยสายตารูปแบบหนึ่งที่ฉันเองก็เดาไม่ค่อยออกว่ามันหมายความว่ายังไง “จะว่าดีก็ดี จะว่าไม่ดีก็ไม่ดีครับ” อะไรของพี่เขา “ว่าแต่ไม่ต้องรีบไปเหรอ ได้ยินว่าให้เวลาแค่ห้านาที” บ้าเอ๊ยฉันลืม! “งั้นหยีขอตัวก่อนนะคะ” ค้อมหัวหนึ่งทีแล้วหมุนตัววิ่งออกจากจุดนั้น อกข้างซ้ายยังคงเต้นแรงไม่ยอมหยุดจนต้องยกมือขึ้นมากุม “พี่ธนินมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ความสงสัยของฉันถูกพับเก็บเพราะพอวิ่งมาถึงกิจกรรมรับน้องก็เริ่มขึ้น ไม่มีเวลากระทั่งบอกฝนว่าเมื่อกี้ฉันเจอใคร ได้แต่เก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวจนถึงช่วงพักเที่ยง “อะไรนะ! พูดอีกทีสิว่าเจอใครหน้าห้องน้ำ” ฝนโพล่งถามอย่างตกใจจนธนนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามสะดุ้งโหยง “พี่ธนิน” “ได้ไง ก็พี่ฝุ่นบอกว่าพี่เขาเรียน... แต่เดี๋ยวนะ” เหมือนฝนจะคิดอะไรออก “จำได้ไหมตอนเช้าพี่ฝุ่นบอกว่ามีเซอร์ไพรส์ หรือว่าจะเป็นเรื่องนี้” “ไม่รู้” ไม่รู้หรอกว่าเซอร์ไพรส์ที่พี่ฝุ่นบอกจะเกี่ยวกับพี่ธนินไหม แต่ที่รู้คือฉันตกใจมากที่ได้เจอพี่เขาอีกครั้งหลังไม่ได้เจอกันสี่ปีเต็ม ตอนนั้นไม่รู้ต้องทำหน้ายังไง มือก็กำเข้าคลายออกจนเกะกะ ได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายตาปริบ ๆ ราวกับคนเลื่อนลอย แล้วก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวูบหนึ่งคำว่า ‘คิดถึง’ ผุดขึ้นมา “แน่ใจใช่ไหมว่าไม่ได้จำคนผิด” “แน่ใจ” ถึงเขาจะตัวสูงขึ้น โครงหน้าคมชัดบุคลิกดูโตเป็นผู้ใหญ่แต่ฉันก็ไม่มีทางที่จะจำเขาสลับกับคนอื่น “พี่เขาแค่แวะมาหาพี่ฝุ่นหรือว่าย้ายกลับมาเรียนที่นี่” “เขาใส่ชุดนักศึกษาของมอเรา” “จริง?” “จริง” พอตั้งสติได้ฉันก็พึ่งมาวิเคราะห์ว่าเขาใส่ชุดนักศึกษาของมหา’ลัยที่ฉันเรียน แล้วเนกไทที่เขาใส่ก็เป็นสีน้ำเงินเข้มซึ่งเป็นสีประจำของคณะ “ขอแทรกนิดหนึ่งนะ” ธนนยกมือข้างหนึ่งขึ้นเหมือนเป็นเชิงว่าขอพูด “เราได้ยินแว่ว ๆ ว่าคนที่พวกเธอพูดถึงชื่อธนิน” “อ่าฮะ แล้ว?” ฝนตักข้าวเข้าปากพลางเลิกคิ้วรอคำตอบ “จำได้ไหมที่เราบอกว่ามีพี่ชาย” ฉันกับฝนพยักหน้า “นั่นแหละ พี่ชายเราก็ชื่อธนินเหมือนกัน เลยสงสัยว่าคนที่พวกเธอกำลังพูดถึงจะใช่พี่เราไหม” “ไม่น่ามั้ง โลกคงไม่กลมขนาดนั้น” นั่นสิ ถึงธนนจะมีส่วนคล้ายพี่ธนินแต่ก็คงไม่ใช่หรอก จากที่จำได้พี่ธนินบอกว่าน้องชายเป็นคนเก็บตัวไม่ชอบสุงสิงกับใคร ซึ่งมันแตกต่างจากธนนที่ขี้เล่นเอามาก ๆ “นั่นไง ใช่คนนั้นไหม” เราสองคนมองตามมือของธนน “ถ้าใช่ก็ชัดเลย คนหล่อ ๆ ตัวสูง ๆ นั่นแหละพี่ชายเรา” ฉันกับฝนมองหน้ากันอย่างคนไม่อยากเชื่อ เพราะคนที่ธนนชี้ให้ดูคือพี่ธนินที่กำลังยืนคุยกับพี่ฝุ่นพร้อมกับกลุ่มเพื่อนของพี่เขา “สรุปใช่ไม่ใช่” ธนนถามอีกครั้ง “ทำไมธนนถึงเป็นน้องพี่ธนิน” “ถามแบบนี้เราต้องตอบว่าไงอ่ะยาหยี” ธนนเกาหัวแกรก “ไว้เย็นนี้กลับบ้านแล้วจะถามแม่ให้นะ” “จะว่าไปธนนก็หน้าคล้ายพี่ธนินเหมือนกันนะ แล้วชื่อก็แทบจะเหมือนกัน เราสองคนไม่เอะใจได้ไงหยี” ที่ไม่เอะใจเพราะคิดไม่ถึงยังไงละ คนเราชื่อคล้ายกันเยอะแยะไป อย่างชื่อฉันคนก็ตั้งกันถมเถ ใครจะคิดว่าโลกจะกลมและกลมขนาดนี้ “ว่าแต่ฝนกับหยีรู้จักพี่ธนินได้ไงอ่ะ เรียนก็เรียนคนละที่” “ก็ไอ้หยี…” ส่ายหน้าไม่อยากให้ฝนพูดเรื่องอดีต ในเมื่อผ่านมานานแล้วก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึง “พี่ฝุ่นแนะนำให้รู้จัก พวกเขาเป็นเพื่อนกัน” ฉันเป็นคนอธิบาย “จริงอ่ะ” แต่ดูเหมือนธนนจะไม่เชื่อ เขาหรี่ตามองฉันทีมองฝนที “จริง ก็อย่างที่เห็นว่าพวกเขารู้จักกัน” พยักพเยิดไปยังจุดที่คนทั้งคู่ยืนอยู่ เหมือนอีกฝ่ายจะรับรู้ถึงการจับจ้องคนที่เป็นหัวข้อหลักในบทสนทนาถึงได้หันหน้ามาทางนี้ แล้วเป็นฉันที่ต้องรีบหันหนีเพื่อหลบตา “แปลก ๆ นะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วทำไมต้องหลบตา” “เอาหน้าไปห่าง ๆ” ใช้มือดันหน้าธนนออกเมื่อเจ้าตัวยืดตัวเข้ามาใกล้ “หยีคงไม่ได้เป็นแฟนเก่าพี่ชายเราใช่ไหม” “แค่ก ๆ” ถึงกับสำลักน้ำที่กำลังดื่ม ดีที่ฝนช่วยลูบหลังแล้วหาทิชชูมาเช็ดให้ “เรารู้มาว่าก่อนที่จะย้ายไปเรียนต่อพี่ชายเราเคยมีแฟน แต่เราไม่เคยเห็นหน้าหรอกนะเพราะเฮียนินไม่ชอบให้ใครยุ่งเรื่องส่วนตัว แต่เรามันชอบเผือกก็เลยเผือกจนรู้มานิดหน่อยว่าเพราะถูกบอกเลิกก็เลยยอมไปเมืองนอกทั้งที่ค้านหัวชนฝามาตลอดว่าไม่ไป” “งั้นเหรอ” ไม่รู้มาก่อนเลยว่าที่พี่ธนินตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศสาเหตุจะเกิดมาจากฉัน หรือเป็นวันนั้นที่เขาบอกมีเรื่องปรึกษาแต่ฉันชิงบอกเลิกก่อนเลยไม่ได้ฟังว่าพี่เขาอยากปรึกษาเรื่องอะไร “ช่วงก่อนไปพี่ชายเราซึมมากเลยนะ ถามอะไรก็ไม่ตอบ พูดด้วยก็ไม่สนใจ เป็นแบบนั้นอยู่นานเลยรู้ไหม พ่อกับแม่เป็นห่วงจนเกือบต้องพาไปหาจิตแพทย์” “แล้วตอนนี้ล่ะ” “ดีขึ้นเยอะแล้ว เวลาก็คงช่วยเยียวยาแหละ” พยักหน้าแล้วพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก “เป็นห่วงขนาดนี้จริงใช่ไหม” “จริงอะไร” “ก็จริงที่หยีเป็นแฟนเก่าเฮียนินไง” “ใครบอก” สะกิดแขนฝนยิก ๆ เผื่ออีกฝ่ายจะช่วยได้ แต่เจ้าตัวดันส่ายหน้า ‘เงียบ ๆ ไว้เดี๋ยวดีเอง’ “สีหน้าหยีไงที่บอก เราดูคนเก่งนะบอกให้” “เพ้อเจ้อ” พยายามทำตัวให้เป็นปกติแล้วก้มหน้าทานข้าวต่อ แม้จะรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ กับสายตาของธนนที่ยังจับผิดกันไม่ยอมเลิก ไหนพี่ธนินบอกว่าน้องชายเป็นคนชอบเก็บตัวไม่ชอบยุ่งกับใคร แล้วนี่อะไรทำไมสงสัยไม่ยอมหยุด “ไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราถามพี่ธนินเองก็ได้” เงยหน้าจากจานข้าวมองคนพูดอย่างไม่เข้าใจ แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นธนนกวักมือเรียกพี่ชาย “นายทำอะไรของนายเนี่ย” ถึงกับต้องกัดฟันถาม “ก็หยีไม่ยอมบอกเรานี่ คนอยากรู้อยากเห็นแบบเรามันคันยุบยิบในอกนะรู้ไหมถ้าไม่ได้รู้ความจริงอ่ะ” “มีอะไร” คนมาใหม่เอ่ยถามน้องชายเสียงเรียบเรื่อย ธนนมองหน้าฉันพร้อมรอยยิ้มตรงมุมปาก เขายังไม่พูดอะไรเหมือนรอดูว่าฉันจะมีปฏิกิริยายังบ้าง “ฝนช่วยด้วย” หมดหนทางจึงใช้มือสะกิดแขนฝนอีกครั้ง “จะให้ช่วยยังไงเล่า” เพื่อนสนิททำหน้ายุ่ง “ก็ให้รู้ไปเถอะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ละ” “ไม่เอา” “ไม่เอาแล้วจะให้ทำยังไง โน่น... ธนนมันกำลังจะอ้าปาก” ฉันตาตื่นรีบหันหน้ากลับมาหาธนน “เฮียนิน ก่อนที่เฮียจะไปเรียนต่อเฮียเคยมีแฟนที่ไทยด้วยใช่ไหม” คำถามของธนนทำให้พี่ธนินกับพี่ฝุ่นเหลือบมองฉันราวกับระบบอัตโนมัติ “ถามทำไม” “พอดีสงสัย...” ลากเสียงยาวแล้วมองฉันอย่างเจ้าเล่ห์ “ว่าแฟนเก่าเฮียจะใช่ อุ๊บ!” ก่อนที่ธนนจะได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ฉันตัดสินใจลุกจากที่ของตัวเองแล้ววิ่งเอามือไปปิดปาก “ขอตัวพาธนนไปซื้อน้ำก่อนนะคะ” พูดจบก็ไม่รอฟังอะไรทั้งนั้น ออกแรงลากเพื่อนตัวดีออกจากวงสนทนา เห็นจากหางตาแวบ ๆ ว่าพี่ธนินย่นคิ้วราวกับกำลังไม่พอที่เห็นว่าฉันกอดคอธนนเดินออกมา คงห่วงน้องตามประสาพี่ชายนั่นแหละมั้ง แต่ไม่ต้องห่วงนะคะหยีไม่ทำรุนแรงหรอก แค่อยากพาคนปากมากออกมาเดินเล่นเท่านั้นเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม