chapter 3 การกลับมา

1391 คำ
4 ปีต่อมา “นี่สาว ๆ ไม่ตื่นเต้นกับการรับน้องเลยรึไง” พี่ฝุ่นถามขึ้นเมื่อเห็นว่าฉันกับฝนดูชิลจนเกินไป ไม่มีความตื่นเต้นดีใจเหมือนกับเด็กปีหนึ่งที่ส่วนใหญ่จะดี้ด๊าเวลาได้ทำกิจกรรม “มีอะไรให้ตื่นเต้นอ่ะพี่ฝุ่น รุ่นพี่ก็รู้จักกันหมดละ ใช่ไหมหยี” ฉันพยักหน้าเห็นด้วยเพราะทั้งฉันและฝนค่อนข้างสนิทกับรุ่นพี่ในคณะ ด้วยความที่เป็นน้องสาวของพี่ฝุ่นเลยได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ ทำให้ตั้งแต่รับน้องรวมมหา’ลัยจนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ซี้ปึกกันหมดแล้วเลยไม่ได้ตื่นเต้นที่จะได้พบปะรุ่นพี่หน้าหล่ออย่างคนอื่น ๆ เขา “ทำทีเป็นตื่นเต้นบ้างก็ได้พวกมันจะได้มีกำลังใจ เห็นรุ่นน้องทำหน้านิ่งเข้าไปพวกมันก็เสียขวัญกันหมดสิ” “ก็สนิทกันหมดแล้ว จะให้เล่นละครว่าตื่นเต้นมันก็ไม่ใช่ป่ะ” นั่นสิ แค่ยิ้มให้กันก็พอมั้ง “ตามใจ ไม่ตื่นเต้นก็ไม่ต้องตื่นเต้น” เหมือนพี่ฝุ่นจะเริ่มรำคาญแล้ว “วันนี้มีเซอร์ไพรส์ เตรียมตัวไว้ก็แล้วกัน” หลังจบประโยคสายตาที่เคยมองฝนก็เปลี่ยนมาเป็นฉัน เห็นอย่างนั้นก็เลิกคิ้วประมาณว่า ‘มองหยีทำไม’ แต่พี่ฝุ่นก็ยักไหล่ราวกับไม่ใส่ใจจะตอบคำถามฉัน หลังคุยกันพอหอมปากหอมคอเราสามคนก็เดินเข้ามายังตึกคณะบริหาร พี่ฝุ่นเดินมาส่งฉันกับฝนที่จุดลงทะเบียนก่อนที่จะปลีกตัวเดินเข้าไปหากลุ่มเพื่อน “หวัดดี เราธนน” แค่หย่อนก้นนั่งลงในแถวก็มีผู้ชายหน้าตาน่ารักทักทายฉันกับฝน ซึ่งเพื่อนตัวดีก็เฟรนด์ลี่แฮนด์เชคกลับแล้วเรียบร้อย “หวัดดี เราฝนส่วนนี่ยาหยี หรือจะเรียกว่าหยีเฉย ๆ ก็ได้” “โอเคหยีเฉย ๆ” “ว่าแล้วว่านายต้องเล่นมุกนี้” คนโดนแซวหัวเราะร่วนอย่างพอใจที่ได้เห็นอาการส่ายหน้าราวเอือมระอากับมุกแป้ก “ก็เธอโยนมาแบบนี้เราก็ต้องเล่นป่ะ ใช่ไหมหยีเฉย ๆ” “แค่หยีก็พอ” “โอเคหยีก็พอ” “อย่ากวนตีน” เป็นครั้งแรกที่ฉันพูดไม่เพราะขนาดนี้กับคนที่พึ่งรู้จักกัน อาจเพราะบุคลิกของธนนที่ดูสบาย ๆ ไม่คิดมากบวกกับรอยยิ้มสดใสรึเปล่านะที่ทำให้ฉันกล้า หรือเพราะโครงหน้ากระทั่งชื่อของเขาที่คล้ายคลึงกับบางคนที่ฉันเคยสนิทถึงทำให้ฉันรู้สึกว่าสามารถพูดแบบเมื่อกี้กับเขาได้ “ทำไมคนสวยชอบรุนแรง” แล้วดูทำหน้า มันวอนเบื้องล่างจริง ๆ นะนายคนนี้ “สวยอันตรายไม่เคยได้ยินรึไงคะคุณธนน” ฝนเชิดหน้าสะบัดผมไปด้านหลังราวกับนางแบบโฆษณาแชมพูสระผม “สงสัยผมต้องระวังพวกคุณซะแล้วสิ” ธนนรับมุกโดยการขยับห่างพร้อมกับสีหน้าหวาดระแวง อะไรกันพวกเรา ทำไมถึงสนิทกันเร็วขนาดนี้ “ว่าแต่มีคนรู้จักเรียนคณะนี้กันบ้างไหม” “มี พวกเรามีพี่ชาย” ฝนยืดคอ พอเห็นว่าพี่ฝุ่นอยู่ตรงไหนก็ชี้ให้ธนนดู “ทำไมพี่ชายหล่อ” “จะบอกว่าเราไม่สวย?” ธนนหัวเราะลั่น “หยอกน่าหยอก” ฝนถึงขั้นเบ้ปากใส่ “เราก็มีพี่ชายเรียนคณะนี้เหมือนกัน” บังเอิญจังที่เราสามคนมีพี่ชายเรียนที่เดียวกันแถมยังคณะเดียวกันอีก “แล้วไหนอ่ะพี่ชายนาย” เป็นฝนที่เอ่ยถาม ส่วนตอนนี้ธนนกำลังคอยืดคอยาวไม่ต่างจากฝนก่อนหน้านี้ “หาไม่เจอ สงสัยไปแอบหลับอยู่ที่ไหนสักที่แหละ” “พี่นายคงไม่ใช่เด็กกิจกรรมงั้นสินะ” ก็คงอย่างที่ฝนว่า เพราะถ้าเป็นเด็กกิจกรรมคงมารวมกลุ่มกับรุ่นพี่คนอื่นแล้ว อย่างพี่ฝุ่นนั่นก็เด็กกิจกรรมไม่เคยพลาดเลยสักงาน “ก็ไม่เชิงหรอก พอดีพี่เราพึ่งย้ายมาเรียนที่นี่ก็เลยยังไม่มีเพื่อน” “อ่อ เข้าใจ ๆ” ถ้าไม่สนิทกับใครก็คงลำบากหน่อย เวลาไปไหนทำอะไรก็ไม่มีใครให้ปรึกษา ดีนะที่ฉันมีพี่ฝุ่นแล้วก็ฝนทำให้ไม่ต้องกังวลใจ “ว่าแต่ฝนกับหยีเรียนจบจากที่ไหน เป็นคนที่นี่ป่ะหรือมาจากต่างจังหวัด” “เราสองคนเรียนที่สตรี...” คราวนี้ฉันต้องเป็นคนตอบเพราะฝนมัวแต่กดโทรศัพท์ “จริงดิ เราเรียนนานาชาติ... ที่อยู่ข้าง ๆ โรงเรียนของพวกเธอตั้งแต่อนุบาลจนถึงมอต้นเลยนะ” ธนนดูตกใจมากที่รู้ว่าเราเคยเรียนโรงเรียนที่ตั้งอยู่ใกล้กัน เขาตาโตมองฉันสลับฝนอย่างตื่นเต้น “โลกกลมอย่างที่เขาว่าจริง ๆ ด้วย” เด็กอินเตอร์พึ่งเชื่อเรื่องโลกกลมเนี่ยนะ ...ตลกดี “แล้วมอปลายไม่ได้เรียนต่อที่นั่นเหรอ” ธนนส่ายหน้า “เราย้ายไปเรียนต่างประเทศน่ะ พี่ชายเราย้ายไปก่อนเราก็เลยต้องย้ายตาม แต่ที่จริงไม่ได้อยากไปหรอกนะแต่ขัดที่บ้านไม่ได้” เจ้าตัวเบ้ปากเหมือนเวลาเด็กตัวเล็กโดนขัดใจ “เราคิดถึงประเทศไทยทุกวันเลย คิดถึงอาหารคิดถึงบรรยากาศที่เหมือนตกอยู่ในนรก พอเรียนจบก็เลยขอกลับมาเรียนที่นี่” “พึ่งเคยเจอคนที่บอกคิดถึงอากาศร้อน” ฝนที่พึ่งกดยุกหยิกกับโทรศัพท์เสร็จเงยหน้าขึ้นมาพูด “ก็ที่นั่นหนาวเราไม่ชอบ ใส่เสื้อทีสามสี่ชั้นอึดอัดมาก” เข้าใจความรู้สึกธนนเลย เวลาต้องใส่เสื้อผ้าหลายชั้นมันไม่ค่อยสบายตัว “สู้ประเทศเราก็ไม่ได้ถ้าร้อนก็แค่กระโดดลงเล่นน้ำ แถมยังได้อวดหุ่นโชว์ซิกซ์แพ็กให้สาว ๆ ดูอีกต่างหาก” “เราว่านายไม่ได้ชอบอากาศร้อนหรอกธนน นายชอบโชว์” “ฝนอ่า อย่ามารู้ทันเพื่อน” ส่ายหน้ามองคนทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม คนหนึ่งเบ้ปากจิกตาใส่อย่างหมั่นไส้ส่วนอีกคนก็เอาแต่หัวเราะ เป็นเพื่อนที่ต่อปากต่อคำกันเก่งจริง ๆ “เอาละค่ะน้อง ๆ” ก่อนที่เราจะได้คุยกันต่อก็มีพี่คนหนึ่งพูดขึ้นผ่านโทรโข่ง “อีกห้านาทีเราจะเริ่มกิจกรรมการรับน้องของคณะ ให้ทุกคนทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย หิวให้กิน ปวดหนักปวดเบาให้ไปปล่อย เพราะถ้ากิจกรรมเริ่มเมื่อไหร่พี่จะไม่อนุญาตจนกว่าจะทำกิจกรรมเสร็จ ถ้าเข้าใจแล้วแยกย้ายได้” “มีใครอยากไปห้องน้ำไหม” จบคำถามฉันฝนกับธนนก็ส่ายหน้า “หรือจะให้ไปเป็นเพื่อนไหม” ฝนอาสา “ไม่เป็นไรเดี๋ยวไปเอง” ห้องน้ำอยู่ไม่ไกลฉันไปคนเดียวได้ อีกอย่างเคยมาแล้วไม่น่าจะหลงทาง “งั้นรีบไปรีบมา” พยักหน้าแล้วเดินมายังห้องน้ำที่ตั้งอยู่หลังตึก ด้วยความที่ห้องน้ำหน้าตึกคนเยอะมากฉันเลยเลือกมาที่นี่แทน ถึงเดินไกลหน่อยแต่ก็ดีกว่าที่ต้องยืนรอคิวให้เมื่อยน่อง “ไอ้หยีนะไอ้หยี ล้างมือยังไงให้เสื้อเปียกขนาดนี้” บ่นงึมงำกับตัวเองเมื่อเดินออกจากห้องน้ำแล้วพบว่าชายเสื้อที่ใส่อยู่มีรอยเปียกเป็นวงกว้าง ดีนะที่วันนี้ใส่ชุดลำลองไม่ใช่ชุดนักศึกษา “อ๊ะ! ขอโทษค่ะ” ก้มหัวขอโทษอย่างลนลาน อยากเขกหัวตัวเองจริง ๆ ที่เอาแต่ก้มหน้าจนเดินชนคนอื่นเข้า “ไม่เป็นไรครับ” แค่ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายตอบกลับมาใจฉันก็พลันเต้นแรงขึ้น มือสองข้างเผลอกำหากันแน่นก่อนที่จะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นเพื่อจะดูให้แน่ใจว่าใช่อย่างที่คิดไว้รึเปล่า “พะ พี่...” ชื่อของคนตรงหน้าถูกเปล่งออกมาอย่างแผ่วเบา เบาจนฉันที่เป็นคนพูดยังไม่ได้ยินเสียงของตัวเอง “ครับพี่เอง สบายดีไหมไม่ได้เจอกันตั้งนาน” รอยยิ้มและสายตาแบบนี้ …พี่ธนิน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม