02
พินัยกรรม
"ผู้ชายอย่างคุณมันเฮงซวยจริง ๆ เฟยเทียน" ที่ผ่านมาเธอคิดผิดมาโดยตลอดว่าคนอย่างเขาจะมีความดีอยู่บ้างแต่มันกลับไม่ใช่เลย เพราะเขามันด้านชาไร้หัวใจเป็นที่สุด
"ฉันก็ไม่เคยบอกว่าฉันเป็นคนดี ถ้าออกจากโรงพยาบาลเมื่อไรก็ค่อยไปหย่ากัน" พูดจบร่างสูงก็เดินกลับออกไปทันทีทิ้งไว้เพียงอ้ายผิงที่กำมือแน่นด้วยความคับแค้นใจ ทั้งเสียลูกในท้องทั้งโกรธเคืองคนเป็นสามีที่ไม่ไยดีเธอเลยสักนิด
"ฝันไปเถอะว่าฉันจะยอมหย่า" ถึงเธอจะสูญเสียลูกในท้องไปแล้วแต่ยังไงเธอก็จะไม่ยอมเซ็นใบหย่าให้เขาเด็ดขาด ในเมื่อเธอไม่มีความสุขเขาเองก็ต้องมีสภาพไม่ต่างไปจากเธอ
หลายวันต่อมา
อ้ายผิงใช้เวลารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานเกือบหนึ่งสัปดาห์โดยที่ข่าวไม่มีการรั่วไหลออกไปให้เสียชื่อเสียง การแท้งในครั้งนี้ก็เช่นกันที่จะไม่มีใครรับรู้นอกจากครอบครัวและหมอกับพยาบาลที่ดูแลเธอ
ดวงตากลมมองคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้าหลังจากที่เดินลงมาจากรถตู้คันหรูที่รับเธอออกมาจากโรงพยาบาล เวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเฟยเทียนไม่เคยมาเยี่ยมหรือดูแลเธอเลยสักครั้งหลังจากวันแรกที่เขาไป ซึ่งถ้าถามว่าเสียใจไหมเธอตอบได้เลยว่าตอนนี้มันไม่มีความรู้สึกแบบนั้นหลงเหลืออยู่แล้ว เพราะตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาที่เธอแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับเขามันก็นานเกินพอกับความเสียใจที่เธอเสียไป
"อ้าวหนูผิงหายดีแล้วเหรอถึงกลับมา" เสียงของ เฟยหลง ซึ่งเป็นปู่ของเฟยเทียนและเป็นประมุขใหญ่ของบ้านหลังนี้ บ้านที่เธออาศัยอยู่ร่วมกับเขาหลังจากที่แต่งงานเอ่ยขึ้นเมื่อเธอก้าวเท้าเข้ามาภายในบ้าน
"ค่ะ"
"ปู่ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไปเยี่ยม แล้วก็เสียใจด้วยกับเรื่องของเหลน"
"ค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นขึ้นไปพักผ่อนเถอะเดี๋ยวตอนเย็น ๆ ปู่มีเรื่องจะคุยกับเรากับอาเฟยหน่อย" อ้ายผิงพยักหน้าก่อนจะเดินตามขึ้นไปชั้นบนทันที เพราะตอนนี้เธออยากนอนพักผ่อนเต็มทีแล้ว ส่วนเรื่องลูกในท้องที่เสียไปเธอก็ยอมรับและไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายอะไรเพราะส่วนตัวแล้วก็ยังไม่พร้อมที่จะมีเขา อีกอย่างมันคงเป็นโชคชะตาที่ลิขิตมาแบบนี้
"ขนาดคนเป็นพ่อมันยังไม่สนใจไยดีเลยสักนิด"
เธอกับเฟยเทียนแต่งงานกันเพราะพินัยกรรมของปู่เธอ ด้วยเพราะสมัยหนุ่ม ๆ ปู่ของเธอได้ให้ความช่วยเหลือปู่ของเขาที่กำลังหมดอำนาจและล้มละลายเอาไว้จนกระทั่งกลับมายิ่งใหญ่อย่างปัจจุบันนี้ โดยมีข้อแม้ว่าต้องให้เฟยเทียนซึ่งเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลทางฝั่งเฟยหลงแต่งงานกับเธออย่างไม่มีข้อโต้แย้งและไม่มีสิทธิ์หย่าขาดจากกันหากยังไม่ครบกำหนดสองปีเพราะทั้งสองตระกูลจะต้องเป็นพันธมิตรกันเพื่อความยิ่งใหญ่
หลังจากที่เธอรู้เรื่องพินัยกรรมฉบับนี้ก็ปรี๊ดแตกเพราะไม่ต้องการจะแต่งงานกับคนอย่างเฟยเทียนแต่สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถขัดแย้งอะไรได้เพราะมันเป็นความต้องการก่อนเสียชีวิตของปู่เธอ
ตลอดหนึ่งปีของการแต่งงานไม่มีวันไหนเลยที่เธออยู่อย่างมีความสุข เพราะเธอกับเขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตามหน้าที่ของสามีภรรยาที่ไร้ซึ่งความรักต่อกัน ต้องปั้นหน้ายิ้มแย้มต่อหน้าสื่อว่ารักกันทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงมันกลับไม่ใช่แบบนั้น
ครืด~ ครืด~
"ค่ะแม่โรส"
(เป็นยังไงบ้างลูก ทำใจได้บ้างแล้วหรือยัง?) โรสลิน ซึ่งเป็นภรรยารองและพ่วงตำแหน่งแม่เลี้ยงที่คอยดูแลเธอมาตั้งแต่แบเบาะเนื่องจากที่แม่แท้ ๆ ของเธอเสียชีวิตไปหลังจากที่คลอดเธอออกมาเอ่ยถามลูกเลี้ยงที่เปรียบเสมือนลูกสาวแท้ ๆ ด้วยความเป็นห่วงเพราะหลังจากที่รู้ข่าวว่าอ้ายผิงประสบอุบัติเหตุโดนลอบทำร้ายและแท้งลูกก็ตกใจมากและได้ไปเยี่ยมเธออยู่หลายครั้งในคราที่อยู่โรงพยาบาลแต่ไม่สามารถอยู่เฝ้าได้
"ผิงไม่เป็นไรค่ะ"
(ดีแล้วล่ะลูกถือเสียว่าเขากับเรามีบุญต่อกันแค่นั้น ลูกอย่าเครียดนะเดี๋ยวร่างกายจะไม่ไหวเอา)
"ค่ะแม่โรส แล้วคุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ?"
(สบายดีจ้ะ ตอนนี้ก็หลับอยู่ คุณพ่อท่านเป็นห่วงหนูมากนะ)
"ผิงรู้ค่ะ เดี๋ยวผิงจะหาเวลาไปเยี่ยมที่บ้านนะคะ"
(จ้ะ พักผ่อนเถอะนะแม่ไม่กวนแล้ว รักลูกนะ)
"รักแม่เหมือนกันค่ะ" เธอเลื่อนโทรศัพท์ออกจากหูหลังจากคุยกับโรสลินเสร็จ นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอยังยิ้มได้เพราะเธอยังมีพ่อกับแม่ที่คอยอยู่ข้าง ๆ ไม่ว่าเธอจะเจอกับเรื่องราวอะไร
เฟยเทียนเดินเข้ามาในบ้านในช่วงค่ำหลังจากที่ประชุมที่บริษัทเสร็จ วันนี้ทั้งวันเขาวุ่นอยู่แต่กับการประชุมจนไม่มีเวลาทำอะไร มือหนายกขึ้นมาบีบนวดขมับเบา ๆ เพื่อคลายความปวดเมื่อย
"อ้าวอาเฟยมาพอดีเลย เข้ามานี่สิปู่มีเรื่องจะคุยด้วย" ร่างสูงที่กำลังจะเดินขึ้นไปชั้นสองจำต้องเปลี่ยนเส้นทางเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ที่มีเฟยหลงผู้เป็นปู่นั่งจิบชาอยู่แทน
"หนูผิงมานั่งสิ" หลังจากเฟยเทียนเดินเข้ามาหย่อนสะโพกลงบนโซฟาได้ไม่นานเสียงของชายสูงวัยก็ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นอ้ายผิงเดินเข้ามาเป็นคนสุดท้าย
สายตาคมของร่างสูงหันมองหญิงสาวที่เป็นภรรยาที่เดินเข้ามา เช่นเดียวกับดาราสาวที่ปรายตามองคนเป็นสามีเพียงนิด ใบหน้าคมคายที่ไม่ได้เห็นตลอดหลายวันที่ผ่านมาไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมเลยสักนิดรวมถึงแววตาที่เรียบนิ่งเย็นชาของเขานั่นก็ด้วย
"เอาล่ะในเมื่อมากันครบแล้วปู่ก็จะไม่อ้อมค้อม"
พรึบ!
มือเหี่ยวย่นวางซองเอกสารสีน้ำตาลลงตรงหน้าของหญิงสาวทันทีที่พูดจบ ทำให้อ้ายผิงต้องหยิบขึ้นมาเปิดดู
'พินัยกรรมฉบับนี้เป็นพินัยกรรมฉบับที่สองที่ข้าพเจ้าทำขึ้นมาด้วยสติที่ครบถ้วน...
หากอ้ายผิงหลานสาวคนเดียวของข้าพเจ้าไม่สามารถมีทายาทได้ภายในระยะเวลาหนึ่งปีหลังจากแต่งงาน ก็สามารถให้เฟยเทียนที่เป็นสามีมีภรรยารองได้เพื่อหาทายาทสืบสกุล แต่สถานะของทั้งคู่จะยังไม่หย่าขาดจากกันจนกว่าจะครบสัญญาแต่งงานสองปีดังข้อความที่ระบุในพินัยกรรมฉบับแรก ทั้งนี้ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถมีข้อโต้แย้งใด ๆ ได้'
"นี่มันอะไรกันคะ!?" หลังจากที่ได้อ่านข้อความในกระดาษหญิงสาวก็โพล่งขึ้นมาทันทีด้วยความไม่เข้าใจ นี่มันพินัยกรรมบ้าบอที่สุดเท่าที่เธอเคยพบเจอมา
ทางด้านเฟยเทียนที่เห็นแบบนั้นก็หยิบขึ้นไปอ่านบ้างทำให้เขาขมวดคิ้วเพราะจะมีปู่ที่ไหนที่ทำพินัยกรรมทำร้ายความรู้สึกหลานตัวเองแบบนี้แม้การมีภรรยารองมันจะไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกอะไรสำหรับผู้นำตระกูลแต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะมี
"นี่เป็นพินัยกรรมฉบับที่สองที่อนาวินปู่ของหนูกับปู่ตกลงเห็นชอบด้วยกัน" เฟยหลงเอ่ยขึ้นเพราะพินัยกรรมฉบับนี้อนาวินเขียนไว้ก่อนที่จะประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตซึ่งมันอยู่ที่เขาเพราะทั้งคู่เห็นตรงกันกับข้อความดังกล่าวนี้
"ไม่จริง คุณปู่ไม่มีทางเขียนพินัยกรรมบ้าบออะไรแบบนี้ออกมาแน่" เธอไม่มีทางเชื่อว่าอนาวินปู่ของเธอจะเขียนพินัยกรรมที่ไม่ต่างจากการทำร้ายความรู้สึกของหลานสาวอย่างเธอแบบนี้แน่ มันต้องมีอะไรผิดพลาด
"ปู่เองก็ไม่อยากทำแบบนี้แต่ทางเราเองก็ต้องการทายาท อีกอย่างในพินัยกรรมก็ระบุลายเซ็นของอนาวินเอาไว้ชัดเจนว่ามันเป็นของจริง"
เฟยเทียนนั่งนิ่งไม่ได้ออกความเห็นกับข้อความในพินัยกรรม ซึ่งมันไม่ต่างจากการเอาเปรียบอ้ายผิงเลยเพราะเธอยังอยู่ในฐานะภรรยาแต่กลับให้เขาไปมีภรรยารองเพื่อผลิตทายาทสืบสกุล
"ทุเรศและเห็นแก่ตัวที่สุด! ผิงขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะคะว่าผิงจะไม่มีทางยอมให้ใครมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีผิงได้แน่" อ้ายผิงประกาศกร้าวด้วยน้ำเสียงและแววตาที่เต็มไปด้วยความจริงจังและเด็ดเดี่ยวไร้ซึ่งความกลัวใด ๆ เพราะเธอจะไม่มีวันยอมตกเป็นเมียในทะเบียนที่ไร้ความหมายโดยที่สามีไปมีเมียสองเมียสามเป็นแน่ ถึงแม้จะรู้ดีว่าการมีเมียสองเมียสามเป็นเรื่องปกติของผู้นำตระกูลแต่สำหรับเธอมันไม่ใช่
"ปู่ไม่ได้ขออนุญาตแต่ปู่แค่เพียงบอกให้เรารับรู้ไว้ก็เท่านั้น" หญิงสาวหยัดกายลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปทันทีด้วยความโมโห เธอรู้ว่าเฟยหลงต้องการทายาทของเฟยเทียนที่เป็นหลานชายเพียงคนเดียวมาสืบสกุลแต่ไม่คิดว่าชายสูงวัยจะทำถึงเพียงนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เธอโมโหมากที่สุดก็คือเฟยเทียนผู้เป็นสามีที่นั่งนิ่งไม่ออกความเห็นหรือปกป้องเธอเลยสักครั้ง เขามันเป็นสามีที่ไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ
แกร๊ก~
เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นในเวลาต่อมาในขณะที่อ้ายผิงนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงด้วยความหงุดหงิด
"มองหน้าฉันทำไม มีอะไรก็รีบ ๆ พูดมา อ้อ...หรือว่าจะมาบอกให้ฉันยอมทำตามความต้องการของปู่คุณ" ดวงตาคมละจากหน้าจอโทรศัพท์จ้องมองใบหน้าคมคายเรียบนิ่งตรงหน้าในประโยคท้ายเมื่ออีกคนเอาแต่ยืนมองเธอนิ่ง คงไม่พ้นมาบอกให้เธอยอมปู่ของเขาอีกเช่นเคย
"แล้วถ้าฉันบอกว่าใช่ล่ะ"
"เหอะ! คุณมันก็เป็นไอ้คนที่เห็นแก่ตัวยังไงล่ะ ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเป็นปู่หลานกันได้เพราะนิสัยเห็นแก่ตัวที่มันหลั่งมาจากดีเอ็นเอนี่เอง...อึกก!!" หญิงสาวสะอึกเมื่อถูกมือหนาถลาเข้ามาบีบที่ลำคอเล็กอย่างแรงจนเธอหน้าแดงก่ำ
"อย่ามาลามปามปู่ฉัน! ที่ผ่านมาที่ฉันไม่ทำอะไรเธอเป็นเพราะเห็นว่าเธอเป็นหลานของผู้ที่มีพระคุณต่อครอบครัวของฉันไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงอย่างเธอ!" มือหนาออกแรงบีบแรงขึ้นในขณะที่อ้ายผิงพยายามดึงมือของเขาออกจากลำคอเมื่อรู้สึกหายใจไม่ออก ใบหน้าสวยแดงก่ำพร้อมหยาดน้ำตาคลอกับการกระทำรุนแรงและหยาบช้าของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี
เขามันคนป่าเถื่อนที่สุด!
"อึก! คุณมันเลว!" ถึงแบบนั้นเธอก็ไม่ร้องขอความเห็นใจจากเขา นัยน์ตาคมที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังผสมกับความรู้สึกบางอย่างตีรวนมองใบหน้าราบเรียบแววตาวาวโรจน์ของเขา
"จำไว้นะว่าถ้าไม่ใช่เพราะไอ้พินัยกรรมนั่นฉันก็ไม่มีวันแต่งงานกับผู้หญิงที่มีแต่ตัวอย่างเธอ" พูดจบมือหนาก็ปล่อยออกจากลำคอระหงที่บัดนี้เต็มไปด้วยรอยแดงจากแรงบีบก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น
"ฮึก...แคกก!" อ้ายผิงสูดลมหายใจเข้าปอดหลังจากถูกปล่อยให้เป็นอิสระเธอนั่งหมดเรี่ยวแรงอยู่บนเตียงพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างอดสู
"กรี๊ดดดด!!! ไอ้เลว!!"
"ฮืออออ!!!" เธอกรีดร้องลั่นพลางกำมือแน่นด้วยความคับแค้นในอก หยาดน้ำตาไหลอาบลงมาเป็นสายอย่างไม่นึกอาย ถึงภายนอกเธอจะแสดงออกว่าเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวแค่ไหนแต่ภายในใครจะรู้ว่ามันแตกสลายลงเรื่อย ๆ เธอทรมาน เธอเจ็บปวด แต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นออกจากบ่วงพันธะนี้ได้
"ทำไมชีวิตฉันต้องเป็นแบบนี้ด้วยฮึกฮืออ!! ทำไมคุณปู่ทำกับผิงแบบนี้" ทำไมเธอถึงมาตกอยู่ในสภาพนี้ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้เรื่องราว ทำไมคุณปู่ถึงทำกับเธอแบบนี้
------
เต็มไปด้วยความเจ็บปวด และต้องเจ็บปวดให้ถึงที่สุดจนกว่าจะหลุดพ้น
อ่านแล้วอย่าลืมกดใจ + คอมเมนต์กันเข้ามาเยอะ ๆ นะคะ