@มหาวิทยาลัย
ร่างบางในชุดนักศึกษาก้าวขาลงจากรถด้วยความยากลำบาก ยังรู้สึกเจ็บระบมที่สะโพกจากอุบัติเหตุที่จงใจเมื่อวาน ถ้าวันนี้ไม่มีสอบเก็บคะแนนเธอก็คงไม่หอบสังขารตัวเองมาแบบนี้หรอก
"ยี่หวา!"
เสียงเรียกที่คุ้นเคยทำให้เจ้าของชื่อที่กำลังก้าวเดินด้วยความยากลำบากถึงกลับกลอกตามองบน เมื่อเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวนั้นตะโกนเรียกเธอเสียงดังลั่นก่อนจะวิ่งเข้ามาหา
"ตะโกนทำไมเนี่ย กลัวคนไม่รู้เหรอว่าฉันมาแล้ว" ยี่หวาว่าให้เพื่อนที่ตะโกนเรียกชื่อเธอเสียงดังจนคนแถมนั้นต่างก็หันมามอง
"โทษที ไหวมั้ยเนี่ย มา ๆ ฉันช่วย" เอพริลยิ้มแหย ๆ ส่งให้ก่อนจะรีบเข้าไปช่วงประคองเพื่อนตามที่พูด
"สะโพกฉันช้ำหมด แถมยังระบมไปทั้งตัวเพราะไอ้บ้านั่นคนเดียวเลย" เสียงเล็กบ่นอุบ นึกถึงเหตุการณ์ที่สนามแข่งเมื่อคืนแล้วมันทำให้เธอหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง ที่ต้องมาเจ็บตัวซ้ำซ้อนเพียงเพราะผู้ชายนิสัยเสียอย่างไทม์
ทั้งสองสาวประคองกันเดินมาจนถึงหน้าลิฟต์ ก่อนที่ยี่หวาจะนึกขึ้นได้ถึงเรื่องเสื้อแจ็คเก็ตเจ้าปัญหาที่ทำให้เธอเจ็บตัวซ้ำ ๆ แล้วรีบหันขวับไปจ้องหน้าเพื่อนอย่างเอาเรื่องทันที
"ทะ ทำไมมองแบบนั้น ฉันทำอะไรผิดเหรอ" เอพริลถามด้วยความงุนงงที่อยู่ดี ๆ ก็ถูกเพื่อนจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่องแบบนี้ รู้สึกเสียวสันหลังแปลก ๆ ยังไงไม่รู้
"นี่ยัยเมษา ทำไมเธอไม่บอกฉันว่าเสื้อที่เอามาคลุมให้ฉันเป็นเสื้อไอ้ผู้ชายหน้าหล่อนิสัยเสียคนนั้น" ยี่หวาเท้าเอวถามอย่างเอาเรื่อง
"ฮะ!? เสื้อ...เสื้อพี่ไทม์เหรอ" ดวงตากลมโตของเอพริลเบิกกว้างทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เธอเองก็ไม่รู้ว่าเสื้อตัวนั้นของใคร แฟนหนุ่มสุดหล่อของเธอยื่นมาให้เธอก็เข้าใจว่าเป็นเสื้อของแฟนตัวเองหรือไม่ก็เสื้อของลูกน้องเขาสักคนจึงไม่ได้ถามอะไร บวกกับสถานการณ์ตอนนั้นที่กำลังตกใจด้วยเลยไม่ได้ถาม
"ก็ใช่นะสิ เธอรู้มั้ยว่าไอ้บ้านั่นมันตามมาเอาเสื้อตัวเองคืนถึงที่รถฉัน แล้วฉันก็ต้องเจ็บตัวซ้ำรอบสองเพราะเสื้อตัวนั้นอีก" ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด
"ยะ ยังไงเหรอ" เอพริลถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย แอบลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อเห็นสีหน้าเอาเรื่องของเพื่อนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
"ก็ไอ้บ้านั่นมันเล่นกระชากเสื้อตัวเองออกจากเอวฉัน จนตัวฉันปลิวไปตามแรงกระชากของเขากระแทกเข้ากับตัวเขาอย่างแรงนะสิ แถมยังผลักฉันออกไปกระแทบกับรถอีก" ยี่หวายังคงเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ลานจอดรถให้เพื่อนฟังไปด้วยสีหน้าหงุดหงิดและน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์นัก
ถ้าเธอมีโอกาสได้เจอเขาอีกครั้ง เธอคงไม่ลังเลที่จะเอาคืนเขาอย่างแน่นอน
วันนี้ทั้งวันยี่หวาใช้ชีวิตอยู่ที่มหาวิทยาลัยตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้ายันค่ำ เพราะนอกจากมีสอบแล้วเธอยังมีเรียนต่อลากยาวมาจนถึงช่วงเย็น
"ยี่หวา"
"หือ" ยี่หวาขานรับในลำคอสั้น ๆ โดยที่สายตายังคงจ้องไปที่หน้อจอโทรศัพท์มือถือในมือ ที่นิ้วเรียวยาวกำลังกดพิมพ์ข้อความไปด้วยไม่หยุดไม่ได้สนใจที่จะเงยหน้าขึ้นคุยกับเพื่อนเลยสักนิด
"ทำไมมีเด็กมัธยมมายืนพิงรถเธออยู่แบบนั้นล่ะ" เอพริลถามพร้อมกับชี้ไปที่รถของเพื่อนที่มีเด็กผู้ชายตัวสูงในชุดนักเรียนมัธยมยืนพิงรถอยู่
ยี่หวารีบเงยหน้าขึ้นมองตามที่เพื่อนพูดทันที คิ้วเรียวเล็กขมวดเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความสงสัย เมื่อเงนหน้าขึ้นแล้วเห็น ยูโร น้องชายของตัวเองยืนพิงรถเธออยู่ตามที่เพื่อนว่า
"นั่นยูโร น้องชายฉันเอง" ยี่หวาหันกลับมาตอบเพื่อน โดยที่เอพริลก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แต่ก็ยังอดที่จะสงสัยไม่ได้ตามประสาคนขี้สงสัย
"แล้วทำไมน้องเธอมาอยู่นี่ได้ล่ะ"
"ไม่รู้ เดี๋ยวไปถามดู" พูดจบยี่หวาก็เดินตรงไปที่รถตัวทันที
"ยู" เสียงเล็กเอ่ยเรียกน้องชายตัวเองสั้น ๆ
ยูโรที่ยืนพิงรถกดโทรศัพท์มือถือเล่นเกมอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกับขยับยืดตัวขึ้นยืนตัวตรงเต็มความสูงที่มีถึงร้อยแปดสิบ จนยี่หวาต้องเป็นฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองน้องชายด้วยคิ้วที่ขมวดยุ่ง บางครั้งเธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงให้ความสูงเธอมาแค่นี้ มันต่างจากน้องชายเธอนักที่อยู่แค่มอหกแต่ความสูงนั้นโดดเด่นไม่แพ้หน้าตาที่หล่อเหลาเลย
"มาทำอะไรที่นี่"
"มาดูงานกับอาจารย์ เห็นรถจอดอยู่เลยรอกลับด้วย" ยูโรตอบกลับพี่สาวเสียงทุ้ม ก่อนจะมองเลยไปที่ด้านหลังของพี่สาวแล้วก้มหัวให้เล็กน้อยเมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสที่ส่งมา
ยี่หวามองกลับหลังตัวเองทันทีที่เห็นปฏิกิริยาน้องชายตัวเอง ก่อนจะเห็นเอพริลยืนส่งยิ้มสดใสทักทายน้องชายเธออยู่
"ยิ้มให้ผู้ชายระวังผัวมาเห็นจะเป็นเรื่องนะ" รอยยิ้มบนใบหน้าของเอพริลหายวับไปกับตาที่ยี่หวาว่าแบบนั้น ก่อนจะหันกลับมาหาน้องชายแล้วแนะนำเพื่อนกับน้องให้รู้จักกัน
"นี่เพื่อนฉันชื่อเอพริล มีผัวแล้วไม่ต้องจีบ ส่วนนี่ยูโร น้องชายฉันที่เคยเล่าให้ฟัง"
"ยินดีที่ได้รู้จักนะยูโร"
"ครับ" ยูโรตอบกลับสั้น ๆ ตามประสาคนพูดน้อย และไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับยังไงด้วย ได้แต่ยกมือขึ้นเกาท้ายทอยตัวเองอย่างรู้สึกประหม่ากับรอยยิ้มสดใสที่ได้รับมาจากเพื่อนพี่สาว
"งั้นฉันกลับก่อนนะ พี่เคลย์มาแล้ว" เอพริลเอ่ยขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นรถของแฟนหนุ่มวิ่งเข้ามา ก่อนจะโบกมือลาเพื่อนแล้วรีบเดินเร็ว ๆ กลับไปยังจุดจอดรถที่แฟนหนุ่มมาจอดรับส่งเป็นประจำ
ยี่หวาหันกลับมาควานหากุญแจรถในกระเป๋าก่อนจะหยิบขึ้นมาส่งให้น้องชายตัวเอง เพื่อบอกเป็นนัย ๆ ว่าให้เจ้าตัวเป็นคนขับ
"เป็นอะไร" ยูโรขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย เมื่อรับกุญแจรถมาจากพี่สาวแล้วเห็ร่างบางของพี่สาวเดินด้วยท่าทีแปลก ๆ ไปที่ฝั่งข้างคนขับ
"เมื่อคืนไปดูแข่งรถแล้วเกิดอุบัติเหตุน่ะ" ยี่หวาหันมาตอบพร้อมกับเปิดประตูก้าวขึ้นรถ
วันนี้ทั้งวันเธอรู้สึกทรมานร่างกายตัวเองเป็นอย่างมาก และถือว่าโชคดีมากที่บังเอิญเจอน้องชายตัวเองรออยู่จึงไม่ต้องขับรถกลับเอง
"แล้วนี่เลือกได้แล้วเหรอว่าจะเรียนอะไร" ระหว่างทางก็ชวนน้องชายตัวเองคุยถึงเรื่องเรียนต่อไปด้วย เพราะมอหกแล้วน่าจะรู้ตัวได้แล้วว่าตัวเองอยากเรียนอะไร
"ได้อะไรก็เรียนอันนั้น"
"นี่! ตั้งใจเลือกที่ตัวเองชอบหน่อยสิ มหาลัยมันไม่ง่ายนะยู" เสียงเล็กแหวใส่น้องชายตัวเองทันทีที่ได้รับคำตอบแสนชิลล์แบบนั้น
"ที่เลือกไว้ก็ชอบทั้งหมด ติดอะไรก็เรียนอันนั้น"
"แล้วนี่จะไปไหน ไม่กลับบ้านเหรอ" ยี่หวาถามขึ้นอีกครั้งเมื่อทางที่น้องชายพาขับรถมาคือทางกลับคอนโดของเธอ
"ไปส่งพี่ก่อน เดี๋ยวนั่งแท็กซี่กลับ" ตอนแรกก็ตั้งใจจะขับกลับบ้าน แต่เห็นสภาพพี่สาวตัวเองแล้วคงขับรถลำบากเลยเลือกที่จะไปส่งพี่สาวที่คอนโดแล้วนั่งแท็กซี่กลับบ้านแทน
"ค่ำขนาดนี้ไม่ต้องกลับเลย กว่าจะถึงบ้านก็คงมืดพอดี เดี๋ยวบอกแม่ว่าให้ค้างที่คอนโด"
ยูโรไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแค่พยักหน้ารับแล้วตั้งใจขับรถต่อเงียบ ๆ ส่วนยี่หวาเองก็รีบต่อสายหาที่บ้านเพื่อบอกว่าวันนี้น้องชายมาค้างกับเธอที่คอนโดแทน คนที่บ้านจะได้ไม่ต้องรอและเป็นห่วง
"แวะทานข้าวก่อนมั้ย แถวนี้ร้านอาหารตอนเย็นอร่อย ๆ ทั้งนั้น" หลังจากที่จัดการโทรบอกที่บ้านเสร็จก็หันไปถามคนขับรถเฉพาะกิจต่อ
"แล้วแต่" ยูโรตอบกลับสั้น ๆ แบบว่าอะไรก็ได้
"งั้นขับตรงไปเรื่อย ๆ อีกสองไฟแดง เลยไฟแดงที่สองร้านอาหารจะอยู่ซ้ายมือ เป็นร้านหม้อไฟ"
ยูโรพยักหน้ารับอีกครั้งอย่างเข้าใจโดยไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะตั้งใจขับรถตรงไปตามเส้นทาง เป้าหมายคือร้านหม้อไฟที่พี่สาวบอก