ร่างสูงของไทม์เดิมกลับมาในสนามแข่งอีกครั้ง ก่อนที่เหล่าลูกน้องจะรีบวิ่งเข้ามาหาด้วยความเป็นกังวล เพราะอยู่ ๆ เจ้านายหนุ่มก็เดินออกไปนอกสนาม แถมยังสั่งห้ามตามทั้งที่ใกล้จะได้เวลาแข่งอยู่แล้ว
"นายครับ..." เสียงของนาวิน ลูกน้องคนสนิทของไทม์เอ่ยขึ้น แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรไปมากกว่านั้นก็มีเสื้อแจ็คเก็ตตัวใหญ่ถูกโยนเข้าหาตัว ทำให้ต้องรีบรับไว้ตามสัญชาตญาณ
"ไปไหนมา" เคลย์ตันถามอย่างสงสัย เมื่ออยู่ ๆ เพื่อนก็เดินออกไปแบบนั้น
"เอาของ" ไทม์ตอบกลับเสียงเรียบพร้อมกับตวัดขาเรียวยาวขึ้นคร่อมบนรถคันที่จะใช้แข่ง
เคลย์ตันมองไปที่เสื้อแจ็คเก็ตในมือของนาวินแล้วก็เข้าใจได้ทันทีว่าของที่เพื่อนว่านั้นคืออะไร เพราะเสื้อตัวนี้เขาเป็นคนยื่นให้กับคนรักของตัวเองให้เธอเอาคลุมให้เพื่อนกันโป๊
"สรุปไม่มีกติกา?" ไทม์เลิกคิ้วถาม
"สองรอบสนามเข้าก่อนชนะ นั่นแหละกติกา" เคลย์ตันตอบกลับเสียงเรียบ เพราะถ้าเป็นแมตช์เถื่อนที่มีเดิมพันสูงจะไม่มีกติกาในการแข่งขัน ใครเข้าเส้นชัยได้ก่อนก็ถือว่าชนะ ในระหว่างทางจะเล่นสกปกยังไงก็แล้วแต่คู่แข่งของใครของมัน
ไทม์พยักหน้ารับก่อนจะยื่นมือไปรับหมวกกันน็อคจากลูกน้องมาสวมใส่ พร้อมกับเช็กความเรียบร้อยของอุปกรณ์ป้องกันความปลอยภัยต่าง ๆ ก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วขับเข้าประจำที่จุดสตาร์ทเมื่อได้สัญญาณการเตรียมปล่อยตัว ทำให้ลูกน้องเขาทุกคนต่างก็รีบสลายตัวไปประจำตามจุดต่าง ๆ เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นระหว่างการแข่งขัน ส่วนเคลย์ตันก็เดินกลับไปนั่งรอชมการแข่งขันที่เต็นท์เหมือนเดิม
สายตาคมจ้องมองไปยังเส้นทางตรงหน้าผ่านกระจกใสของหมวกกันน็อคอย่างแน่วแน่ มือขวาบิดคันเร่งเร่งเครื่องจนดังกระหื่มไปทั่วทั้งสนาม ไม่ต่างจากคู่แข่งของเขาที่กำลังบิดคันเร่งเร่งเครื่องเพื่อข่มขวัญเขาอยู่เช่นกัน
ไทม์ละสายตาจากเส้นทางตรงหน้าหันกลับมามองคู่แข่งที่กำลังเร่งเครื่องรถอยู่ข้าง ๆ เขา ก่อนที่ริมฝีปากหยักได้รูปจะยกยิ้มขึ้นภายใต้หมวกกันน็อคใบใหญ่ ถึงจะเป็นการแข่งครั้งแรกของเขา แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวคู่แข่งที่ชำนาญสนามเลยสักนิด ที่เลือกลงแข่งก็แค่ต้องการแก้เบื่อเท่านั้น เงินเดิมพันแค่ล้านเดียวเขาไม่ได้อยากได้ แต่ก็ไม่อยากจ่ายเช่นกัน
เพราะเขา...ไม่เคยแพ้ใครและจะไม่มีวันแพ้ด้วย
ปัง!!
เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดเป็นสัญญาณการปล่อยตัว ก่อนที่รถทั้งสองคันจะพุ่งตัวออกไปพร้อม ๆ กัน พร้อมกับเสียงร้องเชียร์ของผู้ชมข้างสนามที่ต่างก็ส่งเสียงเชียร์ฝั่งที่ตัวเองลงเดิมพันไว้ ยิ่งคู่แข่งของไทม์ขึ้นนำ เสียงเชียร์ก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเกินกว่าครึ่งนั้นลงเดิมพันไว้ที่คู่แข่งของเขา ที่เรียกได้ว่าเป็นเจ้าถิ่นเลยก็ว่าได้ ต่างจากเขาที่ไม่มีใครรู้จักและไม่เคยมีใครได้เห็นเขาใช้ความเร็วในสนามแบบนี้มาก่อน แล้วแบบนี้ใครจะกล้ามาวางเดิมพัน ยิ่งแข่งแบบไร้กติกาด้วยยิ่งเสี่ยงต่อการแพ้เข้าไปอีก เพราะขนาดเจ้าของสนามอย่างเคลย์ตันยังเคยพลาดท่าในแมตช์ไร้กติกาแบบนี้มาแล้ว
การแข่งขันดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ รอบสนามแรกผ่านไป คู่แข่งของไทม์ยังคงขึ้นนำเป็นที่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเร่งจังหวะขึ้นแซงในสองโค้งสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย ทำให้อีกฝ่ายนั้นเริ่มเล่นสกปกด้วยการขับเบียดพยายามทำให้เขาเสียการทรงตัว ทั้งคู่ยังคงเบียดกันอยู่แบบนั้นจนกระทั้งโค้งสุดท้ายก่อนจะถึงเส้นชัย ไทม์เร่งจังหวะขึ้นอีกครั้งอย่างเต็มสปีดก่อนจะพุ่งเข้าเส้นชัยไปเป็นที่หนึ่งอย่างเฉียดฉิว
เอี๊ยดดด!
เสียงเบรกลากยาวไปกับพื้นจนกระทั้งรถหยุดนิ่ง ลูกน้องของไทม์รีบวิ่งเข้ามาทันทีแต่ยังไม่ทันจะถึงตัวเจ้านายหนุ่ม ทุกคนก็ต้องวิ่งกระเจิงออกไปคนละทิศละทาง เมื่อรถของคู่แข่งของไทม์นั้นกำลังเร่งความเร็วพุ่งตรงมาที่เขา
"s**t!" ไทม์สบถขึ้นเมื่อเห็นรถกำลังพุ่งมาที่ตัวเองที่ยังคงนั่งคร่อมอยู่บนรถ
ร่างสูงรีบตวัดขาลงจากรถพร้อมกับกระโดดหลบรัศมีของรถอีกคันได้อย่างเฉียดฉิว ก่อนที่รถของคู่แข่งเขาจะพุ่งเข้าชนกับรถเขาเต็ม ๆ
ตู้ม!!
"นายครับ!"
"ไม่เป็นไร" ไทม์ลุกขึ้นจากพื้นพร้อมตอบกลับเสียงเรียบเพื่อบอกลูกน้องไปว่าตัวเองนั้นไม่ได้เป็นอะไร
สายตาคมจ้องมองไปที่คู่แข่งของตัวเองที่เหวี่ยงตัวออกจากรถกำลังกลิ้งไปตามพื้นราวกับลูกฟุตบอล ดูแล้วช่างน่าสมเพชที่อีกฝ่ายไม่ยอมรับผลการแข่งขันในครั้งนี้
"แค่ล้านเดียวจำเป็นต้องทุ่มขนาดนี้เลยงั้นเหรอ" สายตาคมจ้องมองไปที่คู่แข่งแล้วได้แต่ยกยิ้มอย่างสมเพชอยู่ภายใต้หมวกกันน็อคใบใหญ่ที่ยังไม่ได้ถอดออก
"ศักดิ์ศรี" เคลย์ตันที่เพิ่งเดินเข้ามาถึงจุดเกิดเหตุแล้วบังเอิญได้ยินพอดีจึงตอบออกไป
"หึ" ไทม์หัวเราะในลำคออย่างชอบใจที่ได้ยิน เพราะเขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่รักศักดิ์ศรีตัวเองมากเหมือนกัน
หลังจากการแข่งขันจบลงไทม์และลูกน้องก็ออกจากสนามแข่งทันที ก่อนจะมุ่งหน้ากลับเพนเฮาส์ของฝาแฝด ที่เขาใช้เป็นที่พักทุกครั้งที่มาที่ไทย ไม่ว่าจะมาทำงานมาเที่ยวเล่นหรืออะไรก็ตามแต่ เพราะตอนนี้เจ้าของเพนเฮาส์ก็ย้ายกลับไปอยู่ที่อังกฤษแล้ว
"นายแน่ใจนะครับว่าไม่เจ็บ" นาวินถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เพราะก่อนขึ้นรถมาเขาเห็นเจ้านายหนุ่มเดินด้วยท่าทางแปลก ๆ
"กูไม่ใช่เด็ก" ไทม์ตอบกลับเสียงเรียบ
ถึงเจ็บเขาก็ไม่พูดว่าตัวเองเจ็บให้ใครได้ยิน โดยเฉพาะกับลูกน้องของเขา เพราะครั้งสุดท้ายที่เขาพูดว่าเจ็บคือตอนที่หกล้มในวัยเด็กเท่านั้น ตั้งแต่เริ่มเรียนรู้การต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเองจนกระทั้งก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งที่ต้องดูแลทุกอย่างแทนบิดา เขาก็ไม่เคยเอ่ยคำว่าเจ็บออกมาให้ลูกน้องใต้ปกครองได้ยินเลยสักครั้ง รวมถึงครั้งนี้ก็เช่นกัน ที่เขารู้สึกเจ็บที่ขาแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากบอกว่าตัวเองเจ็บ มันก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น
"ผมเห็นนายเดินแปลก ๆ กลัวว่าจะเจ็บมาก" นาวินเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
"ไม่เป็นไร" พอเห็นความห่วงใยจากลูกน้องคนสนิทถึงได้ยอมตอบกลับดี ๆ
นาวินพยักหน้ารับเมื่อได้คำตอบจากปากเจ้านายหนุ่ม ก่อนจะหันกลับไปนั่งตัวตรงในที่ของตัวเองที่อยู่เบาะข้างคนขับ ก่อนที่ภายในรถจะตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งเมื่อบทสนทนาเงียบลง
ครืน~ ครืน~
โทรศัพท์มือถือส่วนตัวที่เจ้าตัววางไว้บนเบาะข้าง ๆ เกิดแรงสั่นขึ้นเบา ๆ เมื่อมีแจ้งเตือนเข้ามา ไทม์รีบหยิบขึ้นเปิดดูทันที คิ้วหนาขมวดยุ่งเมื่ออ่านข้อความที่ถูกส่งมาจนจบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองตรงไปที่ลูกน้องคนสนิทอย่างนาวินที่นั่งอยู่ข้างคนขับ
"ไอ้วิน"
"ครับนาย"
"เลื่อนวันกลับอังกฤษออกไปก่อน"
"ครับ? มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ" นาวินหันกลับมาถามด้วยความไม่เข้าใจ
"ไอแวนกำลังมา เดี๋ยวอยู่คุยธุระกับมันก่อน" ไทม์ตอบกลับเสียงเรียบ ก่อนจะกดล็อกหน้าจอแล้ววางโทรศัพท์มือถือลงที่เดิมหลังจากที่ตอบข้อความของ ไอแวน เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก
ถึงจะสนิทกันมากแต่เวลาว่างเจอกันนั้นแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ เพราะต่างคนต่างทำงานของตัวเอง
"ได้ครับนาย" นาวินรับคำสั่งก่อนจะจัดการเลื่อนเที่ยวบินออกไปก่อนตามที่เจ้านายหนุ่มสั่ง ถึงจะเป็นเครื่องส่วนตัวแต่ก็ต้องประสานงานกับสนามบินปลายทางให้รับทราบ ยิ่งบินข้ามประเทศยิ่งต้องเร่งจัดการให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้กระทบกับเที่ยวบินของการบินโดยสารต่าง ๆ
ไทม์เอนหลังติดเบาะหลับตาลงเพื่อพักสายตาระหว่างทางกลับเพนเฮาส์ เขาเดินทางมาคุยธุรกิจที่นี่ได้กว่าหนึ่งอาทิตย์แล้ว เป็นหนึ่งอาทิตย์ที่ต้องเจออะไรมากมายหลายอย่าง มีแต่เรื่องให้น่าหงุดหงิด โดยเฉพาะวันนี้ที่สนามแข่งของเคลย์ตัน ที่มีเรื่องให้เขาต้องหงุดหงิดตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่งด้วยซ้ำ เมื่อมีรุ่นน้องของเพื่อนที่เขาเคยเจอแล้วเมื่อครั้งที่สวมรอยเป็นฝาแฝดตัวเอง ที่เธอบังอาจกล้ามานั่งที่ของเขาแถมยังกล้าเอาเสื้อเขาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตอีก เดือดร้อนให้เขาต้องไปทวงคืนด้วยตัวเอง
ครั้งแรกที่เขาเจอเธอกับครั้งนี้ที่เจอกันอีกครั้งมันช่างแตกต่างกันนัก แตกต่างจนเขาคิดว่านั่นไม่ใช่คนคนเดียวกันด้วยซ้ำ