"ใช่แล้ว คุณไทเกอร์เขาเสนอที่จะให้ทุนกับโรงเรียนงั้นอาจารย์รบกวนเต้าหู้พาไปหน่อยนะลูก" อาจารย์บงกชพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนทว่ามันกลับแฝงความกดดันมาให้ฉันนิดๆ
"ได้ค่ะ อาจารย์" ฉันยิ้มรับแต่ในใจนี่เดือดปุดๆยิ่งกว่าหม้อน้ำเต้าหู้ของแม่อีก
เด็กในโรงเรียนมีเป็นร้อยทำไมเอาภาระอันยิ่งใหญ่มาทิ้งไว้ที่ฉัน
"ไปสิ ฉันมีเวลาไม่มาก" พี่เสือเอ่ยบอกแล้วเดินนำหน้าฉันไปจนฉันต้องรีบสาวเท้าตามให้ทันคนตัวโตกว่า
นี่ตกลงใครจะเป็นคนนำกันแน่ เดินไวอย่างกับคนรู้ทางอยู่แล้วเลย
"ดะ เดี๋ยวก่อนค่ะ" ฉันวิ่งไปขวางหน้าร่างสูงแล้วอ้าแขนไม่ให่เขาผ่านไปได้
"อะไรอีก" เขาย่นคิ้วมองฉันอย่างเอือม แต่ก็ยอมหยุดนิ่งอยู่กับที่
"พี่เสือตามหนูมาเหรอ ไม่ใช่สิพี่ชื่อเสือหรือไทเกอร์กันแน่" ฉันถลึงตาถามอย่างเอาเรื่องแล้วมองหน้าเขาอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ
"แล้วแต่จะเรียกเพราะความหมายของชื่อมันก็ไม่ต่างกัน"
"ชั่งเรื่องนั้นเถอะค่ะ แต่ตอนนี้หนูอยากรู้ว่าพี่มาหาเรื่องหนูเหรอ"
"แล้วเธอคิดว่าฉันมาทำไมล่ะ" ใบหน้าคมโน้มตัวลงมาใกล้แล้วยกยิ้มบางเบาราวกับเขากำลังปั่นประสาทฉัน
"ไม่รู้ไงคะถึงถาม คงไม่ได้มาขายเครื่องกรองน้ำหรอกไหม" ฉันไล่มองเขาด้วยสายตาไม่เชื่อเมื่อเขาเล่นใส่ชุดสูจเต็มยศแล้วเซทผมต่างจากเมื่อวานราวกับสส.ลงพื้นที่ขอคะแนนเสียง
"จะมีสักวันไหมที่เธอจะพูดดูปกติ"
"นี่ก็ปกติค่ะ"
"ไม่ มันไม่ปกติ" เขากอดอกแล้วเลิกคิ้วอย่างครุ่นคิดไปเพียงนิดจนฉันอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
"ยังไงคะ"
"ปัญญาอ่อน" คำตอบสั้นๆกระชับใจความของเขาทำเอาฉันเกือบเซราวกับคนตบหน้าหัน
"นี่ถือว่าพี่เป็นแขกของโรงเรียนนะไม่งั้นหนูฟาดกับกระเป๋าหน้าแหกไปแล้ว" ฉันขู่พร้อมยกกระเป๋าในมือขึ้นประกอบเพื่อความสมจริง
"ดุจริงตัวแค่นี้" เขาใช้มือหนาโยกศีรษะฉันจนเกือบหงายแล้วเดินล้วงกระเป๋ากางเกงผ่านหน้าฉันไป
"....."
"จะไปไหมลีลาอยู่นั่น" เมื่อพี่เสือยังเห็นว่าฉันไม่ตามเขาไปร่างสูงก็เอี้ยวตัวกลับมาเร่ง
"ชิ~ ก็ต้องไปอยู่แล้วปะคะ" ฉันบ่นอุบแต่ก้ยอมเดินตามร่างสูงไปโดยดี
ฉันพาเขาไปยังที่ๆคิดว่าน่าจะจำเป็นต้องบอกแล้วไล่รายละเอียดของโรงเรียนให้ฟังคร่าวอย่างตั้งใจ
"โอเค วันนี้พอแค่นี้ฉันมีงานต้องทำ" เขาบอกเมื่อก้มดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
"ค่ะ งั้นกลับดีๆนะคะหนูต้องเข้าเรียนแล้ว"
"ตั้งใจเรียนล่ะ" เขาเอ่ยบอกเสียงเรียบเมื่อฉันกำลังจะหมุนตัวเดินไปขึ้นตึกเรียน
"ทำไมต้องตั้งใจด้วยคะ อนาคตหนูคิดจะหาสามีรวยๆอยู่แล้วไม่ต้องตั้งใจเรียนให้ปวดหัวก็ได้" ฉันตอบอย่างจริงจัง
ที่ฉันพูดน่ะความจริงล้วนๆเลยนะ จะให้ฉันไปลำบากกัดก้อนเกลือกินกับสามีในอนาคตเหรอ บ้าไปแล้ว..
หาสามีทั้งทีก็เอาให้รวยไปเลยสิ ถึงจะเลิกกันแต่อย่างน้อยก็แบ่งสมบัติให้ฉันสักครึ่งก็ยังดี
"นี่คิดดีแล้วหรือไงที่พูดออกมา"
"ทำไมต้องคิดด้วยคะ ก็มันคือความจริง"
"ยัยเต้าฮวย!" ร่างสูงเอ่ยเรียกเสียงแข็งแล้วชี้หน้าฉันอยู่แบบนั้นไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก
เอาละชื่อไม่ซ้ำจำไมได้ หรือจงใจก็ไม่รู้...
"อะไรคะ ทำไมต้องเรียกเสียงดังด้วย"
"ช่างแม่งเถอะ ปวดหัวกับเธอจริงๆ" ว่าจบคนตัวโตก็เดินออกไปทันทีโดยไม่บอกลาแม้แต่คำเดียว
ฉันเบะปากใส่ไล่หลังเขาอย่างหมั่นไส่แล้วหมุนตัวกลับเพื่อที่จะขึ้นตึกเรียนให้ทันคาบแรก
"เต้าหู้คนนั้นใครอ่ะ หล่อมากเลย" ใบปอรีบหันมาหาฉันทันทีที่ฉันหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะเรียนในห้อง
"ไม่รู้ ไม่รู้จัก" ฉันตอบปัดๆอย่างไม่ใส่ใจแล้วหยิบหนังสือออกมาจากกระเป๋าเตรียมตัวเรียนวิชาต่อไป
"ได้ไงอ่ะ แกไปพาเขาชมโรงเรียเหมือนกับสนิทกัน"
"เหอะ! สนิทกันเหรออย่างกับเจ้ากรรมนายเวรมาก" ฉันตอบเสียงแข็ง นึกแล้วมันก็น่าโมโหนักตั้งแต่เจอเขาชีวิตฉันก็ไม่เคยที่จะปกติอีกเลย
"เขาออกจะหล่อดูรวยด้วย ถ้าเป็นฉันจะยอมทุ่มตัวถวายหัวให้เลย"
"งั้นแกไปเอามีดมา"
"เอามาทำไม?" ใบปอย่นคิ้วบางถามอย่างไม่เข้าใจ จนฉันต้องถอนหายใจพรืดแล้วตอบมันกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะรำคาญมันนิดๆ
"เอามาตัดหัวแกไปให้เขาไง"
ฉันเดินกลับมายังร้านขายน้ำเต้าหู้หลังเลิกเรียนเสร็จแล้ว แต่มันกลับน่าแปลกที่หน้าร้านของแม่ดันมีชายฉกรรจ์หลายคนมายืนอยู่แล้วมีข้าวของบางอย่างถูกปาออกมาหน้าร้านจนแตกกระจาย
"แม่!" ฉันวิ่งไปหาแม่ในร้านด้วยความกลัวจับใจ
"เต้าหู้อย่าเข้ามากลับบ้านไปลูก" แม่ฉันร้องบอกด้วยสีหน้าที่หวาดกลัวจนทำให้ชายร่างถึกต้องจับแม่เอาไว้ไม่ให้มาหาฉันได้
"ปล่อยแม่ฉันนะไอ้ชั่ว" ฉันใช้กระเป๋านักเรียนตัวเองตีไปยังท่อนแขนของชายถึกคนนั้นอย่างแรงจนมันต้องจับคอเสื้อนักเรียนของฉันเหวี่ยงไปให้พ้นทาง
"เต้าหู้ แกทำลูกฉันได้ยังไง" แม่ทุบตีไอ้คนชั่วที่เหวี่ยงฉันไปกระแทกกับโต๊ะด้วยความโกรธฉันเลยรีบวิ่งไปแล้วใช้สองมือทุบรัวๆใส่มันช่วยแม่อีกแรง
"ไอ้พวกบ้านี่" มันขบฟันแน่นแล้วพูดออกมาก่อนจะเหวี่ยงฉันกับแม่ไปคนละทิศละทาง
โครมม!
อึก! ความเจ็บจุกประดังเข้ามาทันทีเมื่อหน้าท้องของฉันดันกระแทกเข้ากับขอบโต๊ะไม้หนาๆอย่างแรง
ฉันทรุดตัวนั่งลงอย่างไร้เรี่ยวแรงเพราะความจุกเสียดจนต้องงอตัวใช้มือบางกุมหน้าท้องของตัวเองเอาไว้
โครมม!
เสียงของโต๊ะที่ถูกฝ่าเท้าหนักถีบจนล้มลงเรียกสายตาจากแันกับแม่ให้หันไปมองกันเป็นตาเดียว รวมถึงพวกไอ้ชั่วตัวถึกพวกนี้ด้วย
"อ่า...รู้ไหมว่าฉันตั้งใจมากินน้ำเต้าหู้ร้านนี้ขนาดไหน" ดวงตาคมเฉี่ยวดุดันยามสบตามอง เขากวาดมองผู้คนในร้านเรียงตัวจนสายตานั่นมันบรรจบมาหยุดที่ฉันพอดี
"พะ พี่เสือ" ฉันเอ่ยเรียกชื่อเขาแผ่วเบาจนเขาแทบไม่ได้ยิน แต่ดูเหมือนคนตัวโตจะรับรู้ได้จากการอ่านปาก เขาจึงยกยิ้มบางๆขึ้นให้ฉันแล้วเดินตรงมาหาฉันด้วยท่าทางใจเย็น
"มึงเป็นใครทำไมมาวุ่นวายกับเรื่องของพวกกู" หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์พูดขึ้นด้วยความโกรธแล้วเดินสืบเท้าเข้ามาหาพี่เสือที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉันพอดิบพอดี
"ไม่ใช่เรื่องของมึง" พี่เสือเอ่ยตอบเสียงเหี้ยมโดยที่สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่ฉัน
"อย่าแส่ไม่เข้าเรื่องดีกว่า ไอ้พวกนี้เป็นหนี้ไม่ยอมจ่ายยังไงวันนี้ก็ต้องโดนสั่งสอน"
"....."
"ไม่มีเงินก็เอาลูกมันไปแทนดอกเบี้ย" ไอ้คนร่างถึกผิวเข้มจะเข้ามาคว้าตัวฉันแต่กลับถูกพี่เสือใช้มีดพกเล่มสั้นตวัดจี้ไปที่ลำคอของมันจนต้องหยุดชะงัก
"ถ้ากล้าก็ลองดู" พี่เสือพูดขู่เสียงเหี้ยมน่ากลัว เขาในตอนนี้ผิดจากคนกวนๆดุๆเมื่อก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
"....."
"กูจะจ่ายหนี้ให้ทั้งหมด พวกมึงอย่ามาให้กูกับพวกเขาเห็นหน้าอีก"
"เฮอะ มึงน่ะเหรอจะจ่ายหนี้แทน" คนที่ถูกมีดจี้อยู่แค่นหัวเราะออกมาอย่างนึกตลก
"พี่เสือพี่ไม่ต้องใช้หนี้แทนหนูกับแม่หรอกค่ะ" ฉันพูดเสียงอ่อนไม่อยากจะให้เขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องให้เขาลำบากไปด้วย
"เท่าไหร่ว่ามา จะเอาเงินสดหรือมึงจะไปรูดเอาเอง" ทว่าคนตัวสูงกลับไม่ฟังคำพูดของฉันแถมยังล้วงเอากระเป๋าตังค์ออกมาควัก Black card ออกมาถือได้หน้าตาเฉย
"....."
"กูให้เวลาคิดแค่สามวิก่อนที่มึงจะไม่ได้อะไรกลับไปเลย"
**** อิพี่ออกโรงช่วยน้องแล้วน้ำตาจะไหล