Chapter 5
เมีย...นอกหัวใจ (3)
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองสบายๆ และคิดว่ามิดชิดพอ แก้วกัลยาก็ยืนละล้าละลังอยู่ในห้องด้วยความไม่สบายใจ กับการที่ต้องลงไปทานมื้อค่ำกับนคินทร์ตามที่เขาร้องขอ...ไม่เต็มใจแต่ก็ไม่อยากขัดใจเพราะกลัวเขาจะไม่จบแล้วพานพะโรหาเรื่องกันอีกครั้ง และหากหล่อนจะขอย้ายไปอยู่ที่อื่นเพื่อหนีหน้า นั่นก็ต้องมีเหตุผลเพียงพอที่จะใช้บอกกับนคเรศ และแน่นอน...หากหล่อนบอกความจริงกับทุกคน ไม่พ้นจะต้องทำให้สองพ่อลูกต้องหมางใจกันเพราะตน และนั่นจะทำให้เขาเกลียดกันหนักขึ้นกว่าเดิม
'รีบๆ กินให้อิ่มจะได้หมดเรื่องไป ไม่อย่างนั้นก็คงจะถูกหาเรื่องอีกแน่ๆ'
เมื่อไม่มีทางเลือก หญิงสาวจึงตัดสินใจเดินลงไปข้างล่าง สูดลมหายใจให้ลึกขณะเดินออกไปยังสระน้ำที่จะใช้เป็นสถานที่ทานมื้อค่ำ ไม่อยากให้เขารอนานเดี๋ยวจะพานอารมณ์เสีย...และ...หล่อนมาช้ากว่าเขาในช่วงเวลาจวนเจียน
'นี่เรา...ต้องนั่งกินข้าวกับเขาจริงๆ เหรอเนี่ย'
เพียงเห็นสายตาคมกล้าของคนที่นั่งรอตวัดมอง หล่อนก็รีบละล่ำละลักออกมา
"ขะ ขอโทษค่ะที่มาทีหลังคุณ"
"ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรนี่นะ นั่งสิ ฉันหิวแล้ว"
ผิดคาด...นอกจากเขาจะไม่ฉุนเฉียวใส่แล้ว กลับยิ้มให้กันอีกด้วย จนคิดว่านี่คือร่างอวตารของนคินทร์ ยอมรับว่าตามเกมไม่ทัน ภายใต้รอยยิ้มหล่อนไม่รู้เลยว่าเขาซ่อนความคิดอะไรเอาไว้ข้างใน
"ดื่มไวน์เป็นมั้ย"
หล่อนรีบส่ายหัว พวกแอลกอฮอล์ไม่ว่าจะอ่อนหรือแรง หล่อนไม่เคยข้องแวะจริงๆ
"อะ...เอ่อ...ไม่เคยค่ะ"
"ไม่เคยเลยเหรอ? แล้วอย่างอื่นล่ะ...เคย...มั้ย..."
คำถามกำกวมมาพร้อมแววตากรุ้มกริ่มที่ไล่มองมาตั้งแต่ใบหน้าแล้วเลื่อนลงต่ำ...รอยยิ้มบนใบหน้าของแก้วกัลยาเกือบจางหาย เมื่อได้ยินคำถามแบบนั้น
"ฉันหยอกเล่นน่ะ แค่ไม่อยากให้เธอเกร็งและเรียบร้อยจนเหมือนมานั่งกินข้าวกับเพื่อนพ่อ คิดเสียว่า ฉันคือพี่ชายของเธอจริงๆ ก็แล้วกัน เพื่อลดช่องว่างที่มีจนเธอดูเกร็งไปหมดแล้ว"
คนอยากเป็นพี่ชายหันไปมองแม่บ้านที่กำลังนำอาหารที่เน้นไก่และของทะเลมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ...เมื่อเขาเห็นว่าบนโต๊ะมีแค่แก้วน้ำเปล่าวางอยู่...และนั่นคือสิ่งที่เขาไม่ต้องการ
"ไปเอาไวน์มาสิพี่รี"
ทำไมต้องให้บอก...นารีอ่านความหมายในแววตาที่เหลือบมองได้แบบนั้น หล่อนพยักหน้าแล้วรีบผลุนผลันกลับไปทางเดิม รู้ดีว่าพลาดเพราะหากเขาชวนใครมาดินเนอร์ด้วยกันเพียงลำพัง เขามักจะดื่มไวน์แทนน้ำเปล่าเพราะมันช่วยให้อาหารมื้อนั้นอร่อยขึ้น
"แก้วขอน้ำเปล่านะคะ ดื่มไม่เป็น กลัวขมค่ะ"
"แค่แก้วเดียวนะแก้ว ไม่เป็นอะไรหรอก เธอเคยเห็นฉันเมาเพราะมันมั้ย...ใครๆ ก็ดื่มกัน ไวน์ไม่ใช่ของมึนเมาที่ดื่มแล้วเสียคน"
ชายหนุ่มลากเหตุผลร้อยแปดมาโน้มน้าว เมื่อเห็นหล่อนทำหน้ากระอักกระอ่วนเพราะไม่เคยลองลิ้มรสชาติแอลกอฮอล์
"เอ่อ..."
"เธอควรที่จะหัดเอาไว้เพื่อใช้เข้าสังคม ในวันข้างหน้าเธอจะต้องรู้จักคนมากมายหลากหลายขึ้น คุณพ่อเคยเปรยเอาไว้ ให้ฉันพาเธอออกงานเพื่อที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในแวดวงจะได้รู้จัก รู้ว่าเธอก็คือหนึ่งในผู้สืบทอดไลฟ์เบฟฯในอนาคต"
ชายหนุ่มพยายามข่มเสียงไม่ให้สั่นจากความไม่พอใจเมื่อพูดถึงเรื่องนี้...เขาไม่เคยมีปัญหากับญาติพี่น้องเรื่องทรัพย์สินและหุ้นในบริษัท แต่เขามีปัญหากับลูกเมียน้อยเช่นแก้วกัลยา หล่อนไม่ควรได้มันไป ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทางบ้านของเขาก่อตั้งขึ้นมาด้วยความเหนื่อยยากกว่าบริษัทจะมั่นคงอย่างเช่นทุกวันนี้
แก้วกัลยานิ่งเงียบ...หล่อนพอรู้มาบ้างว่านคเรศคิดเช่นนั้น แต่...หล่อนไม่ได้อยากเป็นในสิ่งที่บิดาของเขาวางอนาคตเอาไว้ ไม่อยากให้ใครว่าเอาได้ ดูถูกว่าหล่อนและมารดาเข้ามาเพราะเงิน
ไวน์ขาวแช่เย็นถูกรินใส่แก้วสองใบโดยที่นคินทร์ไม่ได้สั่ง...เมื่อมันถูกวางลงตรงหน้า แก้วกัลยาจึงหันไปคลี่ยิ้มให้นารีแทนคำขอบคุณ
ชายหนุ่มหยิบแก้วของตัวขึ้นมา ก่อนจะยื่นไปข้างหน้าเพื่อชวนหล่อนมาชนแก้วด้วยกัน และการที่เจ้าตัวยังคงนั่งเฉย น้ำเสียงขุ่นๆ จึงตำหนิกันตรงๆ
"มารยาทในการร่วมโต๊ะอาหาร เวลาใครชวนเธอดื่มด้วยสัญลักษณ์แบบนี้ ก็ต้องยกแก้วขึ้นมาชนแล้วดื่มเพื่อรักษาน้ำใจนะแก้ว...ฉันสอนเธอ...ก็เพื่อเวลาเข้าสังคมจะได้ไม่อายใครว่าเธอน่ะเข้าสังคมไม่เป็น"
"แต่...แก้วไม่อยากยุ่งกับมัน คุณแม่ชอบย้ำเสมอ แอลกอฮอล์เป็นสิ่งไม่ดี เพราะถ้าหากเราเผลอดื่มมันมากเกินไป เราก็จะขาดสติ และอาจนำมาซึ่งความผิดพลาดที่ไม่อาจย้อนไปแก้ไขได้...หากอนาคตต้องพังเพราะน้ำเมา แก้วไม่อยากเป็นแบบนั้น"
'เหอะ สอนลูกดีเหลือเกินนะ ทำไมไม่สอนตัวเองบ้างว่าอย่าทำตัวเป็นมือที่สามแย่งของรักของหวงชาวบ้านเขาน่ะ'
ชายหนุ่มยิ้มเยาะในใจ ก่อนแค่นหัวเราะราวได้ฟังเรื่องตลก
"หุ หุ แค่ไวน์ไม่ใช่เหล้า มันไม่ทำให้เธอเมาจนขาดสติหรอกแก้ว แล้วนี่ก็คือไวน์ขาว เหมาะสำหรับคนเพิ่งหัดดื่ม มาสิ มาดื่มกัน...เพื่อ...ฉลองการเริ่มต้นมิตรภาพที่ดีของเราสองคน...นับจากนี้ไป"
เขาคะยั้นคะยอแกมบังคับ ด้วยข้ออ้างเรื่องการเข้าสังคมที่บิดาอยากให้ควงหล่อนไปเปิดตัว...ในขณะที่แก้วกัลยาไม่มีทางเลือก เพื่อตัดปัญหาไม่อยากขัดใจคนที่มีอิทธิพลในบ้าน มือสั่นๆ จึงหยิบแก้วไวน์ของตนขึ้นมา...แค่แก้วเดียวคงไม่เป็นอะไร คิดพลางยื่นมือไปชนกับแก้วที่อยู่ในมืออีกฝ่ายเบาๆ ก่อนดินเนอร์มื้อค่ำจะเริ่มขึ้น
"จับแบบนี้สิครับ ตรงก้านแก้ว อย่าให้มือโดนตรงส่วนที่มีไวน์ เพราะเดี๋ยวจะมีคนมองว่าเธอไม่มีมารยาทเอาได้นะแก้ว"
เขาวางแก้วแล้วยื่นมือไปสัมผัสกับหลังมือนุ่มแบบเนียนๆ จับ
มือนั้นให้ขยับลงมาด้านล่างอีกนิด...และแค่เพียงเขาแตะเบาๆ ด้วยสัมผัสอ่อนละมุน หล่อนก็รู้สึกแปลกๆ อยู่ในหัวใจ เพราะไม่คุ้นเคยกับนคินทร์ในมุมอบอุ่นและอ่อนโยน
"ถ้าความร้อนจากมือส่งผ่านไปถึงข้างใน ไวน์อาจเสียรสชาติเอาได้ เธอควรจำเอาไว้ การเข้าสังคมในโลกของการทำงานที่ต้องพบเจอคนทุกระดับ มันมีข้อกำหนดที่จุกจิกอีกมาก เพราะ...มันคือกฎเกณฑ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นมา อยากอยู่รอดก็ต้องปรับตัว คนเรารู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ...เธอว่าจริงมั้ย"
เขาจ้องลึกเข้าไปยังนัยน์ตาชวนฝัน ความหมายในถ้อยคำแก้วกัลยาไม่รู้หมายถึงใคร...ช่วงวินาทีที่กำลังจิบไวน์เข้าปาก แววตาซ่อนเล่ห์พราวระยับเหลือบมองคนที่กำลังจิบน้ำขมฝาดเจือความเปรี้ยวกลืนลงคอแล้วทำหน้ากระอักกระอ่วน...รอยยิ้มกริ่มผุดพราวเมื่อเห็นท่าทีอ่อนต่อโลกตามไม่ทันเกม ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล กว่าที่คนในบ้านจะกลับมา