“คุณไม่ควรกระโดดมาขวางหน้ารถของผม”
คำพูดห่างเหินพร้อมกับใบหน้าเย็นชาของผู้ชายตัวโตใบหน้าหล่อเหลาในชุดสูทสุดเนี๊ยบแม้เวลานอกสถานที่ทำงาน
เขากำลังยืนอยู่ตรงขอบเตียงผู้ป่วยของอิงอิงทำเอาอิงอิงต้องกะพริบตาปริบๆ เรียกสติของตนให้กลับมาอย่างรวดเร็ว
เขาคือจ้าวหยางหมิงเซียน ไม่สิ! เขาคือคุณอานนท์ เจ้านายของเธอ
“อาหมิง...” น้ำเสียงแหบแห้งของคนบนเตียงนอนผู้ป่วยเอ่ยเรียกขานนามของผู้ชายตัวโตตรงหน้าอย่างลืมตัว
“เป็นท่านจริงๆ” น้ำเสียงแห้งผากยังคงเอ่ยพร้อมใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด
อานนท์ถึงกับเป็นฝ่ายกะพริบตาบ้างเมื่อได้ยินการเรียกขานอย่างนั้นและประโยคแปลกๆ นั่น
“คุณไม่มีสิทธิ์เรียกผมอย่างนั้น” น้ำเสียงห่างเหินพร้อมใบหน้าเช่นเดิมยังคงเอ่ยออกมา
อิงอิงที่รู้ตัวแล้วว่าเผลอไผลลืมตัวเรียกขานนามผู้ชายในอดีตกาลเมื่อรัชศกเสวียนจงถึงกับรีบลุกขึ้นพรวดพราดแล้วนั่งตัวตรงรีบพูดขอโทษทันที “ขอโทษค่ะคุณอานนท์ ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ”
“ไม่เป็นไร” อานนท์พูดแค่นั้นก่อนหมุนตัวทำท่าจะผละจากไป
“เอ่อ! คุณอานนท์คะ” อิงอิงรีบเรียกเขาเอาไว้ เธอไม่อยากห่างจากเขา ไม่อยากห่างอีกเป็นครั้งที่สอง “ไม่ไปได้ไหม”
อานนท์หันมามองหน้าอิงอิงอย่างงุนงงแวบหนึ่งก่อนจะเลิกคิ้วเข้มขึ้นเป็นเชิงคำถาม
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ” อิงอิงพูดได้แค่นั้นอีกครั้ง เธอเจอกับเขาแค่วันนี้วันแรกในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง เธอไม่มีสิทธิ์ตีสนิทกับเขาเธอรู้ดี แต่เธอมีโอกาสได้เจอกับเขาแล้วหลังจากที่ตามหาเขามานานเก้าปีเต็ม เธอไม่อยากปล่อยโอกาสไป ความผิดที่เธอทิ้งเขาเอาไว้ให้เดียวดายเมื่อครั้งอดีตชาติ เธอสมควรชดใช้
อานนท์ยืนมองใบหน้าซีดเซียวของเลขาคนใหม่อย่างชั่งใจครู่หนึ่งจึงเอ่ยเสียงเรียบ “ผมไปส่งคุณที่บ้านก็แล้วกัน” จบคำก็หมุนตัวเดินนำหน้าออกจากห้องพักผู้ป่วยไปโดยไม่หันหน้ามามองอิงอิงอีกเลย
อิงอิงมีหรือจะช้า เธอรีบกระโดดลงจากเตียงนอนของผู้ป่วยเดินตามหลังของอานนท์ไปอย่างไวโดยไม่ต้องรอให้เขาพูดซ้ำสอง
พยาบาลภายให้ห้องนั้นได้แต่มองตามอย่างงุนงง นั่นเธอถูกรถชนใช่หรือไม่!?
บนทางเดินระหว่างตึกผู้ป่วยฉุกเฉินกับอาคารจอดรถของโรงพยาบาลแห่งนี้
หลังจากอานนท์ได้เคลียร์ค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวให้กับเลขาหมาดๆ ของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาจึงเดินนำหน้าเลขาของเขามาตามทางเดินอย่างไม่สนใจใคร่ดีอะไรกับเลขาของเขาเลยแม้แต่น้อย
ท่าทางเย็นชาในมาดงามสง่าเหนือใครยังคงฉายชัดไม่มีเปลี่ยนแปลง อิงอิงกำลังเดินตามแผ่นหลังกว้างใหญ่ของผู้ชายตัวสูงตรงหน้าอย่างเหม่อลอยปากก็พูดออกมาแบบไม่ตั้งใจ
“ท่านตัวสูงขึ้น...”
และประโยคแปลกประหลาดอย่างนั้นก็ทำเอาอานนท์ที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้าของอิงอิงถึงกับชะงักและหยุดเท้าลงก่อนจะหันหน้าหล่อๆ สายตาเข้มๆ มามองอิงอิง
“เธอว่าอะไร?” สรรพนามที่ใช้เรียกอิงอิงเปลี่ยนไป หญิงสาวจึงรับรู้ได้ว่าเขาเริ่มไม่ชอบใจเธอ
“เอ่อ...ไม่มีอะไรค่ะ ไม่มี” อิงอิงรีบยกไม้ยกมือปฏิเสธแล้วแก้ตัว “สงสัยหัวกระแทกพื้นก็เลยเพี้ยนไปน่ะค่ะ” จบคำก็ก้มหน้าก้มตาหลบสายตาของอานนท์
อานนท์ยังคงยืนนิ่งๆ หรี่สายตาคมก้มมองเลขาของตนอย่างต้องการประเมิน เธอคนนี้มีชื่อว่าอิงเอมหรืออิงอิง เธอมาทำงานวันนี้เป็นวันแรกในตำแหน่งเลขาของเขาเมื่อเลขาคนเก่าของเขาถูกเขาไล่ออกไปเนื่องจากทำตัวอยากเคลมเจ้านายอย่างเขาอยู่ตลอดเวลา
อิงอิงคนนี้ก็คงไม่ต่าง เธอคงอยากเคลมเขาใจจะขาดไม่ต่างจากเลขาคนเก่า สังเกตตั้งแต่นาทีแรกที่เธอเจอกับเขาตอนที่แนะนำตัว สายตาของเธอตกตะลึงเมื่อเห็นหน้าเขาแล้วเปลี่ยน เป็นพราวระยับเหม่อมองเขาไม่วางตา ทุกกิริยาท่าทางของเธอไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่นเลยสักนิด
แต่ที่ต่าง คือเธอเข้ามาทำงานโดยผ่านการคัดเลือกจากท่านประธานใหญ่หรือเจ้าสัวเทียนชัย
พ่อของเขาเลือกเธอให้มาทำงานด้วยตัวเอง นั่นจึงทำให้เขาสงสัยว่าอิงอิงคนนี้อาจจะเป็นอีหนูที่พ่อของเขาแอบเลี้ยงต้อยส่งเสียกันจนโตให้เรียนจนจบและหางานให้ทำเสร็จสรรพ
ฮึ! เป็นราชสีห์แต่ฝากเนื้อแกะเอาไว้กับเสือ คอยดูเถอะว่าเขาจะตลบหลังพ่อบังเกิดเกล้าที่ขยันทำให้แม่ช้ำใจอย่างไรบ้าง
อานนท์คิดอย่างนั้นก่อนจะก้มหน้าลงอีกนิดเพื่อประชิดใบหน้าของเลขาของเขา “ท่าทางเธอ คงยังไม่อยากกลับบ้าน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบนัยน์ตาคมปลาบ
“หือ?” อิงอิงที่กำลังก้มหน้าก้มตาถึงกับเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองอย่างงุนงง
อานนท์ยังคงพูดเสียงเย็นเยียบยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “วันนี้คุณเลขาอุตส่าห์กระโดดมาขวางหน้ารถผมแล้วทำทีสลบไปให้ผมต้องมาส่งโรงพยาบาลด้วยตัวเอง ถือว่าเป็นแผนการที่ดีเยี่ยม แล้วต่อไปผมก็ไปส่งคุณเลขาที่บ้าน แล้วหลังจากนั้น เราทำอะไรกันต่อดี”
อิงอิงได้ยินถึงกับกะพริบตาปริบๆ ก่อนพยักหน้าน้อยๆ ยอมรับตามจริงอย่างใสซื่อ
”ฉันกระโดดขวางหน้ารถของคุณจริงๆ เพราะว่าฉันอยากคุยกับคุณอยากอยู่กับคุณนานๆ ถึงแม้ว่าจะเลิกงานแล้ว มันเป็นแผนของฉันจริงๆ ค่ะ” ในเมื่อเขารู้แล้วเธอก็ควรจะยอมรับ “แต่เอ่อ...แต่ว่า เรื่องสลบไป นั่นเป็นเรื่องจริงนะ” จบคำก็ส่งยิ้มแก้เขินให้ เธอกระโดดเข้าขวางรถของเขาหมายให้เขาสนใจเธอแต่เธอดันล้มลงจนหัวกระแทกพื้นแล้วสลบไปอย่างน่าอับอาย
คราวนี้เป็นอานนท์บ้างที่ต้องกะพริบตา
“แล้วที่จะให้ไปส่งที่บ้านล่ะ เป็นแผนด้วยหรือเปล่า” เขาหรี่ตามองอิงอิงแล้วยืนกอดอกถามหยั่งเชิงเสียงเข้ม
“เรื่องนี้เป็นผลพลอยได้ค่ะ ฉันอยากอยู่กับคุณให้นานที่สุด ฉันจะชดเชยทุกอย่างให้คุณ ทุกอย่างเลย” อิงอิงตอบตามจริงได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่สนใจคนฟังว่าจะเข้าใจตรงกันหรือไม่
“เธอหมายความว่ายังไง” อานนท์ยิ่งหรี่ตาลงมองผู้หญิงตรงหน้าที่พูดจาตรงไปตรงมาจนน่าเกลียด
อิงอิงไม่ตอบ เธอเพียงยืนมองผู้ชายสุดเนี๊ยบตรงหน้าด้วยดวงตาทอประกายสาดออกมาว่ารักเหลือเกิน
เธอยังคงจำได้ดีว่าเมื่ออดีตชาตินั้นเธอกับเขารักกันมากมายขนาดไหนและเขาเสียใจมากมายปานใดเมื่อเธอตัดสินใจผิดพลาดเดินตามหมากกลพาตนเองไปตายจนเขาต้องทนทุกข์ทรมานเจียนตายทนเดียวดายจากการพลัดพรากกับเธอ
“ข้าจะไม่ทิ้งท่านไปอีก” อิงอิงเผลอหลุดคำพูดออกมาบางเบา “อาหมิง...”
แต่ถึงแม้จะบางเบาทว่าอานนท์กลับได้ยินอย่างชัดเจน เขาถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากัน
เขาแน่ใจว่าเขาได้ยินไม่ผิด นั่นเธอพูดคำแปลกๆ อีกแล้ว