บทที่7. ธุรกิจ

1137 คำ
“ผมเกรงคุณจะเหนื่อย”  การ์เร็ตเก็บโทรศัพท์เข้าที่แล้วหันมาโอบเอวหญิงสาวไว้  เขามีผู้หญิงมากมายไม่ขาดแคลนก็จริงแต่ก็มีไม่กี่คนที่เขามีความสัมพันธ์ด้วยยาวนาน แต่เป็นความสัมพันธ์ที่ไร้การผูกมัดเพราะเอริก้าเองก็มีสามีแล้ว “คุณก็รู้ว่าฉันต้องการมันมากแค่ไหน” นิ้วเรียวที่เคลือบสีแดงสวยลูบไล้แผงอกที่แสนแข็งแกร่ง แล้วเธอก็ไม่อาจหยุดมือที่เลื่อนไปลูบคลำเสาหินของเขาไม่ได้ “นี่แค่ออร์เดิร์ฟครับคุณผู้หญิง”   การ์เร็ตประคองใบหน้าเธอให้แหงนหงายแล้วกดริมฝีปากตัวเองลงไป ดูดกลืนริมฝีปากสวยที่เผยอรอรับอยู่ก่อนแล้ว  เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดแทบทำให้หญิงสาวลืมหายใจบดเบียดทรวงอกกับแผงอกอย่างลืมตัว เอริก้ารู้ว่าร่างกายของเธอต้องการเขามากเพียงใด และไม่สนใจเรื่องศีลธรรมความถูกต้องใด ความจริงควรเป็นเธอที่เคียงข้างเขาในฐานะภรรยา เธอตัดสินใจในเกมรักผิดพลาด เมื่อสี่ปีที่แล้วเอริก้าได้รู้จักกับการ์เร็ตที่อเมริกาในงานปาร์ตี้ของเพื่อนโฮโซของเธอ เธอได้ยินชื่อเสียงของเขามานานแต่เพิ่งได้พบกับเขา ทั้งคู่เปิดฉากทำความรู้จักกันด้วยร่างกายเปลือยเปล่าและเร่าร้อนบนหาดส่วนตัวของการ์เร็ต หญิงสาวคิดเสมอว่าเคมีของเธอกับเขามันช่างแสนจะตรงกัน เพียงแค่ประสานสายตากับเขาเธอก็หลอมละลายเป็นขี้ผึ้งเลยทีเดียว แต่เธอเองเป็นสาวทรงเสน่ห์ที่มีหนุ่มมาจีบไม่น้อย เธอหวังในตัวการ์เร็ต เขาร่ำรวย หล่อเหลาและร้อนแรง  แต่ดูเหมือนเขาไม่ต้องการใครเป็นพิเศษ  ทุกคนเป็นเหมือนแค่ผู้หญิงคนหนึ่งในชีวิตเขา เธอจึงแสร้งเล่นตัวไปสนิทสนมกับ ‘วอลเรซ’ เศรษฐีหนุ่มใหญ่วัยห้าสิบห้าปีอีกคนที่มาหลงรักเธอ เธอคิดว่าการ์เร็ตจะหึงและอยากจะแย่งชิงเธอ  ทว่าเขากลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ยินดีและยินร้ายใดๆ แม้เธอจะเป็นฝ่ายหลุดปากพูดว่าจะแต่งงานกับวอลเรซก็ตาม “ผมไม่คิดจะเหนี่ยวรั้งใครด้วยการแต่งงาน” เขาไหวไหล่ด้วยท่าทีสบายๆ ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่ได้ยิน “ผมยินดีกับหนทางที่คุณเลือกด้วย” มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เธอจำใจต้องแต่งงานกับวอลเลซที่แก่กว่าเธอเกือบยี่สิบสองปี ความร่ำรวยของวอลเลซเท่านั้นที่ปลอบประโลมการตัดสินใจครั้งนี้ได้ ทว่าเพียงสองปีหลังการแต่งงานที่แห้งแล้ง วอลเรซป่วยด้วยโรคมะเร็ง ร่างกายของเขาอ่อนแอจนท่อนร่างไร้เรี่ยวแรง วอลเลซใช้ชีวิตบนรถเข็นและอยู่ในบ้านเป็นส่วนใหญ่ นั่นทำให้เธอได้สิทธิ์ที่จะกลับมาแสวงหาความสุขสำราญทางกายกับการ์เร็ตอีกครั้ง เอริก้ายอมรับว่าวอลเลซเป็นสามีที่ดี แต่เขาก็ไม่อาจทำหน้าที่สามีได้อีกการที่เธอจะหาความสุขให้กับตัวเองบ้างเธอจึงไม่เห็นเป็นความผิดใด  เพราะอย่างไรเธอก็ไม่ได้หย่าร้างจากเขาและยังคอยดูแลเท่าทีพอจะทำได้ “คราวนี้คุณมาเมืองไทยทำไม” การ์เร็ตถามหลังจากถอนจูบแล้ว  “ธุรกิจค่ะ”  “รวยไม่พอหรือไงครับ ยังต้องทำอะไรให้เหนื่อยอีก”  เขาผละร่างนุ่มเดินไปหยิบเสื้อคลุมมาสวม เขาไม่ต้องเร่งร้อนรีบทำอะไรยังมีเวลาอีกมากที่ได้ปรนเปรอซึ่งกันและกัน “ประโยคนี้ฉันต้องถามคุณมากกว่านะคะ” เอริก้าหัวเราะแล้วเดินตามร่างสูงมาที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่ม การ์เร็ตรินไวน์ลงแก้วทรงสูงสองแก้วแล้วเลื่อนให้เอริก้า “ผมมีคนต้องดูแลเยอะแยะ” เขายักไหล่แล้วจิบไวน์ “ได้ยินว่าคุณจะเปิดสปาที่อังกฤษ” “ข้อมูลคุณดีจัง” มือเรียวสวยยกแก้วไวน์ขึ้นจิบบ้าง “สปาเมืองไทยน่าสนใจ ฉันอยากศึกษาสักหน่อย อยากได้ที่ปรึกษาดีๆ คุณพอจะแนะนำได้ไหมคะ” “ผมรับงานได้แต่ค่าที่ปรึกษาค่อนข้างแพง คุณจ่ายไหวหรือเปล่า” เขาวางสายตาที่ริมฝีปากของหญิงสาว “คุณเสนอมาซิ ฉันจะลองสู้ราคาดู” เธอสบตาเขาอย่างท้าทายก่อนยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มจนหมด  การ์เร็ตหัวเราะในลำคอและยอมเล่นตามเกมให้หญิงสาวตายใจคิดว่าตนเองเหนือกว่า เขาได้แต่รู้สึกสงสารที่เอริก้าไม่มีใครตอบสนองสิ่งที่ต้องการได้  เขาไม่ได้เป็นมือที่สามในชีวิตใคร  แต่ก็รู้ๆ อยู่แล้วว่าเขาไม่คิดผูกมัดใคร เขาเป็นคนตรงไปตรงมาเสมอและหากรับเงื่อนไขของเขาไม่ได้ เขาก็พร้อมจบทุกอย่างได้ในไม่กี่นาที มันเป็นเกมที่ต่างฝ่ายต่างได้รับความสุขด้วยกันทั้งสองฝ่าย แล้วทำไมเขาต้องยอมเลิกเล่นเกมนี้ด้วยเล่า แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีเหยื่อรายใหม่มาดึงความสนใจแล้วก็ตาม. ... หญิงสาวร่างเล็กที่เพิ่งสละโสดไปไม่นานนัก  เดินเข้าในร้านพรรณนาด้วยความคุ้นเคยกับเจ้าของร้านที่กำลังนั่งหน้านิ่วอยู่หน้าคอมพิวเตอร์   “เป็นอะไรไปหนิง ทำหน้าเหมือนคนปวดท้องเลย”  ดารัณอดหยอกล้อเพื่อนรักไม่ได้ เธอเดินไปนั่งที่เก้าอี้ว่างใกล้ๆ  “ปวดหัวต่างหากไม่ใช่ปวดท้อง” ลักษณ์ณาราตอบทั้งที่ยังจ้องมองที่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ “กำลังเช็คออเดอที่ลูกค้าต้องการอยู่นะ”  “มีงานเข้าจะบ่นทำไม บางคนตกงานเยอะแยะไป”  ดารัณหัวเราะน้อยๆ  “ไม่ได้บ่น แค่หาของส่งให้ลูกค้า งานด่วนนะเลยต้องรีบหน่อย” หญิงสาวดีดนิ้วเมื่อรู้ว่าสินค้าที่ต้องการมีพร้อมส่งครบตามที่ต้องการ “ยิ้มได้เสียทีนะ”   “หน้าหนิงยิ้มยากไม่ค่อยเหมาะกับนั่งเฝ้าหน้าร้านเลยเน๊าะ” ลักษณ์ณาราลุกขึ้นเดินไปหยิบกล่องขนมมาวางตรงหน้า “ลองชิมดู”  “อะไรคะ” ดารัณก้มหน้ามองของในกล่องเป็นลูกกลมๆ มีน้ำตาลทรายโรย  ลักษ์ณาราหยิบเม็ดกลมๆ ส่งเข้าปากแล้วดูดนิ้วตาม “ลูกหยีกวนจ๊ะ ชาวบ้านทำขาย หนิงว่าจะหาแพ็คเกจสวยๆ เพิ่มมูลค่าสินค้าอยู่” “มันมีขายมานานแล้วไม่ใช่เหรอ” ดารัณหยิบชิมบ้าง “ใช่จ๊ะ แต่ที่หมู่บ้านที่หนิงไปมานะ เขาทำเป็นอาชีพเสริม ขายงานกาชาดอะไรแบบนั้น เราก็เลยอยากทำให้มันขายได้ราคามากกว่านี้”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม