Ep.9 : ครอบครัว

3603 คำ
ได้บรรยากาศครอบครัวสุขสันต์บ้าบอ นี่มันคืออะไร!!!! ฉันเกลียดภาพโบกมือลาลูก ฉันเกลียดภาพรอยยิ้มแสร้งทำว่ามันมีความสุขเหลือเกิน ฉันมองคนที่ยิ้มหวานอยู่ได้ เป็นบ้าเหรอ "มองอะไร อยากได้เป็นผัวเหรอ" คำถามจากคนบ้า ทำให้ฉันเดินไปขึ้นรถตู้ด้วยความหงุดหงิด วันนี้ฉันกับลูกจะต้องหนีจากเขาให้ได้เลยคอยดูเถอะ ฉันนั่งคิดหาวิธีหนี จนรู้ตัวอีกที ทางที่ไปทำงานมันก็เปลี่ยนไป เดี๋ยว!!!! นี่ไม่ใช่ทางที่ไปที่ทำงานฉันนี่ ฉันหันมองควับคนที่บอกจะพาฉันไปทำงาน "ไหนบอกจะส่งฉันไปที่ทำงาน" "ไม่ใช่ที่ทำงานเธอ ที่ทำงานฉันไง มองหน้าทำไม" คนที่พูดทำท่าจะจูบฉัน จนฉันต้องเอามือผลักหัวเขาออก ไอ้นี่แกล้งบ้าเอะอะจูบ "บ้ารึไง ใครจะไปยอมง่าย ๆ" "ฮ่ะ ๆ ปากเธอเนี่ยนะ ต้องเจอจูบจนตาย ปากหมาดีจริง ๆ" โดนด่าแล้วหัวเราะคืออะไร บ้า จริง ๆ ด้วย ยิ่งแก่ ยิ่งไม่เต็มหรือไง อายุ 31 แล้วนะ ทำตัววุ่นวายอยู่ได้ ไม่เอาแล้วไม่คุยกับคุณแล้ว ฉันจะให้เขารู้ไม่ได้ว่าฉันคิดจะหนี การเดินเข้ามาบริษัทคู่แข่ง คนบ้าที่ฉันเจอมาตลอดก็กลายเป็นคนเงียบขรึม ทุกคนในบริษัทต่างก็กลัวที่เขาเดินมา บอดี้การ์ดที่คอยดูแลกันทางให้ประธานบริษัทเดินได้สะดวก ไม่ต่างจากในหนัง ต้องขนาดนี้เลยเหรอ โคตรเวอร์เลย เราเดินจนมาถึงห้องทำงานของเจ้าของบริษัท "อุ้ยยยยย ฉันอยากเข้าห้องน้ำค่ะ" "เชิญ" โหยทำเป็นเข้มเลยนะ ยืดอกอย่างกับเจ้าของบริษัท เออ ก็เจ้าของบริษัทนิหว่า ฉันเดินไปเข้าห้องน้ำ แล้วเตรียมหาทางหนีทันที แต่เพียงแค่ฉันก้าวขาไปทาไหน บอดี้การ์ดก็ตามฉันไปทุกที่ โอ้ยยยยย แบบนี้จะหนีไปได้ยังไง จะตามติดอะไรขนาดนี้ ฉันมองชายหน้าโหดเหมือนโกรธใครมา ที่ตอนนี้หรี่ตามองฉันเหมือนกับว่าฉันทำอะไรผิด อะไรกันเล่า เข้าห้องน้ำแล้วกลับไปที่เดิมใช่ไหม ฉันเข้าห้องน้ำเสร็จก็จำใจต้องให้พวกหน้าโหดพวกนี้คุมกลับมาที่ห้องเดิม "ไม่ได้!!!! เศษอาหารจะทิ้งลงในทะเลไม่ได้ ปลามันจะกินไม่กิน ก็ไม่ได้ อย่ามักง่าย" เสียงบริษัทคู่แข่งที่กำลังทะเลาะกันมันเสนาะหูดีจริง ๆ "แต่ถ้าเราซ่อม เราจะออกเรือไม่ทันนะครับ" "แต่ถ้าเราไม่รับผิดชอบต่อธรรมชาติ ใครจะทำ!!!!! ซ่อมไปจนกว่าจะเสร็จ ต่อให้จะจ่ายค่าแรงแค่ไหน ก็ทำจนกว่าจะเสร็จ!!!" เสียงตะโกนดังลั่น ทำให้ทุกคนกลัวกันหมดแล้ว ถังขยะของเรือเสียเหรอ บรูววววววว ขอให้ไม่ทันสาธุเพี้ยงงงง!!! แต่เขาก็เป็นคนรับผิดชอบต่อธรรมชาติดีนะ แถมไม่หย่อนหยวนให้กับงานเลย จริงจังจนเหมือนว่าฉันไม่รู้จักผู้ชายคนนี้เลย ฉันมองเขาทำงาน จับผิดหาข้อเสียของที่นี่และเจ้าของบริษัทเอามาเล่นงาน แต่แทบไม่มีเลย เขาทำงานจริงจังมาก เงียบขรึม แทบไม่พูดกับใคร นอกจากสั่งงานคุณพลให้ทำนี่ทำนั่น "อาหารว่างครับคุณมาริสา" คุณพลยกของว่างและน้ำส้มมาให้ฉัน และให้เจ้านายของเขาด้วย "ขอบคุณนะคะ คุณพลคะ ฉันอยากยืมโทรศัพท์โทรกลับหาที่บ้านหน่อยค่ะ ได้ไหม" "ทำไมต้องขอไอ้พล ขอฉันก็ได้" คนที่พูดกับฉันตายังทำงานอยู่ เขาส่งโทรศัพท์ของเขาผ่านคุณพลมาให้ฉัน ทำไมไม่คืนของฉันมาล่ะ แบบนั้นมันก็จบแล้วไหม แล้วนี่จะให้ฉันกลับบ้านเมื่อไหร่ ฉันกดโทรศัพท์โทรไปลางานก่อนเป็นอันดับแรก เสร็จแล้วก็กลับไปที่บ้าน แต่ทันทีที่จะกดโทรออกหาที่บ้าน โทรศัพท์กลับถูกดึงออกไป อะไรอีก ฉันยังโทรไม่เสร็จเลย "โทษทีตังหมด" คนที่แถน้ำขุ่นๆ ทำหน้าตาเหมือนว่ามันจริง "โกหกสินะ!!!!! คุณ แม่ฉัน..." "พี่ชล พี่ชล เมื่อก่อนเรียกพี่ชล ตอนนี้คุณ ๆ อะไร ฉันจะบอกว่า หิวข้าว ไปเถอะกินข้าว ใส่ชุดแม่ฉันขึ้นนะเนี่ย" อีตานี่ผีออกแล้วนี่ มาผีเข้าอะไรอีก หิวข้าวแล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน "ฉันต้องการจะโทรหาที่บ้าน แม่ฉันจะเป็นห่วง" ฉันพูดกับคนที่ลากฉันเพื่อจะไปกินข้าว เขาเงียบ ไม่ยอมพูดอะไรต่อ ไม่เดินไม่ขยับ "นะคะ พี่ชล" "ก็แค่เนี้ยะ อ่อ เดี๋ยวจะพาไปรับลูกนะ" คนที่ทำเหมือนจะยอมให้ฉันใช้โทรศัพท์ต่อ แต่ก็เปลี่ยนเรื่องเฉยเลย โอ้ยยยยย ฉันอยากจะบ้า จะวิ่งหนีตอนจะไปขึ้นรถ แล้วขึ้นแท็กซี่ไปเลย ฉันมองหาทางหนี ยังไงก็ต้องไปถึงลูกให้ได้ก่อนอีตานี่ เท้าก็เจ็บ ยังต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก นั่น!!! ประตูบริษัท ต้องไปตอนนี้แหละ!!! ทันทีที่ฉันจะก้าวขาวิ่ง แขนใหญ่ก็คว้าเข้าที่เอว เหมือนรู้อยู่แล้วว่าฉันจะวิ่ง ทำให้ฉันต้องไปมองเขาตาแข็ง แล้วจำใจเดินไปกับเขา คนทั้งบริษัทมองฉันเป็นตาเดียว อะไรกันเล่า คนอื่นเข้าใจผิดหมดแล้ว "ถ้าเธอตะโกนให้คนช่วยแม้แต่นิดเดียว คืนนี้เราได้เห็นดีกันแน่ ๆ" "คุณมันปีศาจ!!!" "ฉันร้ายได้มากกว่าที่เธอคิด จะปล้ำเธอในรถก็ทำได้ อย่าดื้อให้มันมาก" คนที่ยังวางท่าขรึม พูดกับฉันเบา ๆ เพราะกลัวตัวเองจะเสียภาพพจน์ "อ๊ากกกกก เกลียด!!!!" เออ ไปกินข้าว!!!! เอออออ เออออออออ ฉันเดินปึงปังไปขึ้นรถตู้ที่จอดรอเราอยู่แล้ว "คุณนาย เดินไม่รอสามีได้เหรอ" ประโยคที่ตะโกนตามหลังฉันทำให้ฉันยิ่งหัวร้อนนนนน สามีกับผีนะสิ!!!! สายชล Say :: อุ้ยยย งอนไปแล้วแฮะ คนอะไรยั่วอารมณ์ง่ายชะมัด คิดจะหนีเหรอ ไม่มีทางซะหรอก ผมแอบหัวเราะกับการกระทำของคนที่เดินยังกะเผลกอยู่เลย แต่ทำเป็นเก่งเหลือเกิน "สนุกเหรอครับ แบบนี้จะง้อเขาสำเร็จไหม" "หึ แบบนี้ก็น่ารักดีไม่ใช่เหรอ เมื่อก่อนเคยน่ารักกว่านี้แท้ๆ ไปเถอะ หิวข้าวแล้ว" "คืนนี้...." ไอ้พลถามถึงสิ่งที่ผมต้องการในคืนนี้ "ฉันจะเอาลูกมานอนด้วย ทั้งของขวัญและอัญญ์เลย" ผมพาเซียงเซียงมากินข้าวที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เธอก็กินไป ด่าผมไป บ่นทั้งวันไม่เหนื่อยเหรอ ผมยังเหนื่อยจะฟังเลย ทำหูทวนลมฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ทำงานไปมองเธอกินข้าวไป "พล ตอนนี้ทัวร์เราที่ภูเก็ตกับเหนือเป็นยังไง" ผมถามพล ที่ตอนนี้ วุ่นวายกับข้อมูลจาก Ipad "ดีครับ ยอดขึ้นทุกปี ปีนี้ที่รีสอร์ตที่ภูเก็ต จะมีปาร์ตี้ที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกปีครับ เราพาทัวร์ไปลงตอนนั้น จะเป็นการสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้ดีครับ" พลรายงานถึงงานที่ผมควรรับรู้ แต่มันดันมีคนที่หูผึ่งกว่า ยัยนี่มันสายสืบบริษัทคู่แข่งชัด ๆ ผมเอามือไปปิดหูทั้งสองข้างของยัยนี่ไว้ "คืนนี้ยัยนี่โดนหนักแน่ ๆ ทำตัวหน้าหมั่นไส้" ผมพูดเบา ๆ กับไอ้พล แต่ดันมีคนพยายามอ่านปากผมด้วยความสงสัย ผมเอามือออกจากหูของเธอ แล้วทำเป็นมีลับลมคมในให้เธอสงสัยไปแบบนั้นแหละ "คุณพูดว่าอะไรอะ" "คู่แข่งอย่างเธอไม่ต้องรู้หรอก" ผมมองไปทางอื่น แกล้งทำนิ่ง ๆ ให้ยัยนี่อยากรู้ขึ้นไปอีก "งานที่ภูเก็ต นี่ เป็นโรงแรมในเครือ Amari ใช่ไหมคะ" "ทำไมฉันต้องบอกเธอด้วย ฉันจะไม่บอกอะไรทั้งนั้น ใช่ไหมพล" ครั้งที่แล้วผมก็ยอมปล่อยงานให้เจ้านายเธอแล้ว ไง ครั้งนี้จะเอาอีกเหรอ ฝันไปเถอะ เพราะเธอจะไม่ได้กลับไปทำงานแน่นอน "คร้าบบบบ เราจะทำอะไรต่อครับ" ไอ้พลถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม พามาห้างก็ต้อง ช้อปปิ้งสิ จะให้เซียงเซียงใส่เสื้อผ้าแม่ผมมาทำงานทุกวันก็คงไม่ได้ ยังไงก็ชั้นในที่ต้องซื้อละนะ ผมชอบลูกไม้ ฮึ้ยยยย ซื้อให้ใส่ทำไมคิดไปถึงตอนถอดได้นะ "นี่ พวกที่เดินตามเราเยอะ ๆ ไปไหนอ่า เขาไม่ต้องกินข้าวเหรอ" "พวกบอดี้การ์ดก็วนเวียนอยู่แถวนี้ล่ะครับ ท่านประธานเขากลัวคุณอึดอัดหน่ะครับ" ไอ้พลตอบแทนผมด้วยรอยยิ้ม ยัยนี่จะอยากรู้ทุกเรื่องเลยรึไง "เอาเขาไปเก็บดีกว่า ฉันจะหายอึดอัดมากกว่านี้ แล้วนี่จะไปไหนอ่าค่ะ ที่นี่มีแต่ร้านเสื้อผ้า" คนที่ดูเหมือนกินรังแตนอยู่ตลอด ก็ยังคงเดินไปบ่นไป น่ารำคาญจริง "จะใส่กางเกงในตัวเดิมไปตลอดก็ได้ หรือ จะไม่ใส่ฉันก็ไม่ขัด" ผมชี้ไปที่ร้านขายชุดชั้นใน ให้คนที่บ่นมากได้เห็น "ใครจ่าย" "มากับฉัน ก็ต้องฉันจ่ายสิ" คำตอบของผม ทำให้คนที่ได้ยินฉีกยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วเดินเข้าไปในร้าน เลือกทุกอย่างที่แพงที่สุด ไม่จำเป็นต้องดี ขอแพงไว้ก่อน ทุกสี ทุกแบบ แสบดีจริง ๆ !!!! เราเดินเข้าออกทุกร้าน ร้านนู้น ร้านนี้ เสื้อผ้าแบรนด์ไม่แบรนด์ เข้าหมด กระเป๋าแบรนด์ใบละหลายสายแสนโดนยัยนี่ฟาดเรียบ ไม่มีคำว่าเกรงใจ หรือแค่นี้พอ ผมมองดูยอดเงินที่ถูกรูดจากบัตรเครดิตเหยียบล้านแล้ว แล้วก็ไหลออกออกไปไม่หยุด "ไง ปล่อยฉัน กลับไปได้ยัง ไม่งั้นคุณก็จะเสียเงินแบบนี้" ถุงช้อปปิ้งถูกส่งให้ผมอีกใบ "พล ไปรับลูก!!!" ขืนให้ยัยนี่ช้อปต่อ มีสิทธิ์จะหมดตัว "รีบหรือไงคะ เหลือเวลาตั้ง 1 ชั่วโมง ฉันยังเดินไม่ครบทุกร้านเลย" จะซื้อไปถมตัวตายรึไง ผมลากคนที่เดินยังกะเผลกแต่ยังมาทำซ่า ให้เดินตามผมมาได้แล้ว แต่พอเราเดินผ่านร้านขายเสื้อผ้าเด็ก ที่เป็นชุดคู่แม่ลูก คนขี้บ่นก็ดิ้นกระแด่ว ๆ อะไร จะซื้ออีกเหรอ "จะเข้าร้านนี้ ฉันจะใส่ชุดคู่กับของขวัญ" "ร้านสุดท้ายแล้วนะ เดี๋ยวรับลูกไม่ทันอัณณ์จะงอนอีก" ผมเดินเข้ามาในร้านที่มีชุดฟูฟ่องของแม่ลูก ของแบบนี้มันจำเป็นเหรอ ผมไม่เห็นว่ามันจะสำคัญ ผมหันไปมองคนที่ตั้งใจเลือกของลูก ทั้งที่ที่ผ่านมา เห็นอะไรที่แพง ก็หยิบ ๆ มาแท้ ๆ แต่พอเป็นของลูกเธอกลับตั้งใจ "มีของเด็กผู้ชายด้วยไหมคะ" เธอซื้อเผื่ออัณณ์ด้วยเหรอ "มีค่ะ คุณลูกค้า มีของคุณพ่อด้วยนะคะ" ผมยืดตัวขึ้นมานิด ๆ แต่ถูกมือเล็กดันออก "คนนี้ไม่ใช่พ่อค่ะ แค่คนขับรถ" ห๊าาาาา จ่ายมาเป็นล้าน เป็นได้แค่คนขับรถเหรอ!!!! "ชิ เอามาทุกแบบนั่นแหละ ที่มันมีใส่ได้ทั้ง 4 คนอะ พล จัดการด้วย ฉันจะเอาคุณนายกลับไปที่รถ" ผมลากคนที่ช้อปเก่ง แต่เธอกลับไม่ยอมเดิน "ตลกหรือไง ของลูกก็ต้องตั้งใจเลือกสิ จะให้ใส่ ๆ แบบไม่เลือกได้ยังไง ถ้าใส่ไปแล้วลูกคัน ถ้าลูกไม่ชอบล่ะ เงินคุณซื้อไม่ได้ทุกอย่างนะ ปล่อยเลย!!!!" ผมมองคนที่กลับไปเลือกชุดลูก เออ ตามใจละ ก็มีมันทุกแบบกลับไปเลือกที่บ้านหรือไง ทำไมทำทุกอย่างให้มันยาก ผมยืนรอมันหน้าร้าน ในที่สุด เธอก็เลือกเสร็จ แต่มันผิดคาดผมนึกว่าจะมีหลายชุด เธอกลับเลือกมันแค่ 2 เซ็ท นี่แหละมั้ง คือสิ่งที่เธออยากได้จริง ๆ ไอ้ถุงทั้งหมดที่ให้พวกบอดี้การ์ดถือ แค่อยากจะแกล้งผม เรามารับลูกที่โรงเรียน บอกเลยว่าของขวัญดีใจมาก ไม่เว้นแม้แต่อัณณ์ยังดีใจที่เธอมารับเลย แม้เธอจะเกลียดผมยังไง แต่เธอไม่เคยเอามันมาลงกับเด็ก ๆ เลย เธอคุยกับเด็ก ๆ ด้วยความสนิทสนม สนิทมากกว่าผมด้วยซ้ำ "ของขวัญดูแลพี่อัณณ์ เก่งไหมคะม้า" ของขวัญชี้ไปที่หัวเข่าของอัณณ์ที่มีผ้าปิดแผล "ล้มมาเหรอลูก" ผมถามอัณณ์ แต่เขากลับตอบมาแค่สั้น ๆ "อื้ม" "นี่อัณณ์ น้าซื้อขนมเค้กกับชุดมาฝากด้วยนะ เดี๋ยวเราไปดูกันบนรถเนอะ ขอบคุณที่หนูดูแลน้องให้น้าไง" "ม้ายยยยยย หนูดูแลพี่อัณณ์ โอ๋ ๆ ไม่ร้อง แบบนี้อะ" ของขวัญลูบหัวอัณณ์ที่มองน้องอย่างไม่พอใจเท่าไหร่ แต่ก็ยอมให้ทำ เราพากันกลับบ้าน คุยกันเยอะแยะ คุยกันตลอดทาง คุยเหมือนไม่เคยเจอกันมานาน โชว์เสื้อที่ซื้อให้เด็ก ๆ เจี๊ยวจ๊าว หนวกหูดีจริง ๆ แต่สัมผัสได้คือ เด็ก ๆ มีความสุขมาก ไม่เว้นแต่อัณณ์ที่หัวเราะและยิ้มได้เหมือนเด็ก ๆ ทั่วไป "ของขวัญ ใส่ชุดเหมือนพี่อัณณ์ ฮ่ะ ๆ เหมือน แฝแฝด" "ฝาแฝดไหมลูก ใครจะอยากเป็นฝาแฝดกับเด็กอ้วน" "ม้างาย เหมือนกันหมดเลย พี่อัณณ์ ของขวัญ หม่าม้า อ๊ะ ไม่เห็นมีของป๊า....อู้ววววว นี่งาย" แล้วของขวัญก็รื้อถุงชูเสื้อเชิ้ตผู้ชายขึ้นมา "เสื้อแถมน่ะลูก ม้าซื้อแค่ 3 ชุด อีกอันเขาแถมมาให้" "อู้ววววว ป๊าเสื้อแถม" ประโยคที่ทำเอาคนทั้งรถ หัวเราะขึ้นมาพร้อม ๆ กัน ความไร้เดียงสาของเด็ก ๆ น่ารักเสมอ คืนนั้นเอง ผมเดินตามหาหญิงสาวพร้อมกับกล่องยาในมือ หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จก็วิ่งหนีหายไปเลย หายไปไหนอีกล่ะ ยัยนี่ จะอยู่นิ่ง ๆ ให้สมเป็นคนเจ็บขาบ้างไม่ได้เลยหรือไง ผมเดินจนไปถึงเรือนเล็กด้านหลังที่เป็นของป้าส้ม ก็ได้ยินเสียงเล็ก ๆ กำลังวุ่นวายกับคนอื่น "อยากกลับบ้าน ป้าคะ ให้หนูกลับเถอะนะคะป้า" เอาแล้ว ไปวุ่นวายกับคนอื่นอีกแล้ว "คุณชลคะ" ป้าส้มหันมาขอความช่วยเหลือจากผมที่เพิ่งเดินมาถึง ผมเลยจัดการอุ้มคนตัวเล็กพาดบ่ามาเลย เพื่อไม่ให้ป้าส้มต้องลำบากใจเพิ่ม วุ่นวายกับคนอื่นไปทั่ว "ปล่อยนะ!!! ไอ้โรคจิต ปล่อยยยยยย!!!!!" แหกปากไปเลย ที่นี่มีแต่ป่า เอาให้เต็มที่ ผมแบกร่างบางมาวางลงที่โซฟา ข้างกับน้องอัณณ์ที่ไม่ยอมอาบน้ำ นั่งมองผม ไม่ยอมไปไหน ทำไมไม่ไปอาบน้ำล่ะลูก แต่ความสงสัยของผมมีคนถามแทนแล้ว "น้องอัณณ์ทำไมไม่อาบน้ำคะ ถึงเวลาแล้วนะ" เซียงเซียงที่เพิ่งมานั่ง ถามลูกชายผมที่นั่งนิ่ง "ไม่มีพี่เลี้ยง อัณณ์จะอาบยังไง" คำตอบของอัณณ์ ทำให้ดวงตากลมโตหรี่ลงแล้วมองมาที่มาอย่างไม่พอใจ ก่อนจะลากผมกับอัณณ์ขึ้นไปข้างบน อะไร ชวนขึ้นห้องต่อหน้าลูกเลย [ ชูด โกวโกววา ที่หนูยักใส่ ที่หนูยักได้ ] เสียงร้องเพลงของเด็กตัวน้อยที่อยู่ในห้องน้ำ ทำให้ผมตกใจ ที่เด็กน้อยวัยแค่ 4 ขวบ จะ 5 ขวบ จะอาบน้ำเองได้แล้ว เซียงเซียงกวักมือเรียกอัณณ์ ให้เดินเข้าไปหาตาก็มองค้อนผมอยู่เลย อะไร !!!! ผมทำอะไรผิด จะอวดว่าเลี้ยงลูกดีกว่าเหรอ!!!! "อัณณ์ อาบน้ำพร้อมน้องเลย บอกน้องด้วยว่าอย่าเล่นน้ำ" เธอพูดไป ก็จับลูกชายผมแก้ผ้าไปด้วย เมื่อเด็กชายเปลือยเปล่า ก็จับโยนเข้าไปอาบน้ำกับของขวัญ เพียงแค่ของขวัญเห็นแม่เธอ จากที่กำลังละเลงฟองกับกับกำแพง ก็รีบอาบน้ำทันที ประตูห้องน้ำที่ปิดลง แต่สายตาของเธอยังไม่หยุดมองผมเลย "อะไร ฉันทำงาน ผิดตรงไหน" "ถ้าวันที่ไม่มีคุณ ลูกจะทำยังไง วันที่ไม่มีพี่เลี้ยง ลูกจะอยู่ยังไง เลี้ยงลูก อย่าเลี้ยงแค่ด้วยเงิน เลี้ยงใจด้วย" ประโยคที่ทำเอาผมถึงกับจุกเหมือนกัน "สอนหน่อยสิ สอนฉันเลี้ยงลูกอะ" "ตอนทำลูกไม่เห็นต้องสอน อัณณ์ดูไม่กล้าพูด แสดงออกถึงความก้าวร้าวกับคนอื่น มันก็เป็นเพราะคุณ ไปคิดเอาเถอะ ลูกใครลูกมัน" เสียงเบา ๆ ที่กลัวว่าเด็ก ๆ จะได้ยิน พร้อมกับปากที่เบะออก นี่มันน่าตีจริง ๆ อุตส่าห์อ้อนแล้วนะ ยังมาเบะปากใส่อีก "ลูกเราต่างหาก" "ตอนฉันคลอดลูกไม่เห็นหมาตัวไหนมาสนใจ เพราะฉะนั้น ลูกของฉัน อยากมีก็ไปมีใหม่เอง คนนี้ฉันไม่ยกให้หรอก ฉันไปล่ะ ต้องไปเตรียมผ้าเด็ก ๆ" ผมมองคนที่เดินกะเผลก แต่ก็ต้องทำอะไรให้เด็ก ๆ ทั้งเช็ดตัว สอนให้เด็ก ๆ ใส่เสื้อผ้าเอง ที่สำคัญกว่านั้น ทุกคนดูสนุกกับมันมาก ๆ "พี่อัณณ์ไม่เก่ง ของขวัญเก่ง ไหน ๆ ต้องถูตัวยังไง" "ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ พี่อัณณ์ก็เก่งลูก" ความวุ่นวายของครอบครัวมันเป็นแบบนี้เหรอเนี่ย ฮ่ะ ๆ เหมือนจับปู่ใส่กระด้งเลย ผมเดินเข้าไปช่วยจับของขวัญที่วิ่งหนีแม่ของตัวเอง เพราะไม่อยากทาครีม ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ทำในสิ่งที่ผมทำไม่ได้ ผมมองเซียงเซียง ซึ่งตอนนี้เธอยังไม่เลิกค้อนผมเลย ก็คงประมาณนี้แหละมั้ง หลังจากเอาเด็ก ๆ เข้านอน เราเองก็ต้องต้องวุ่นวายกับตัวเอง ผมที่อาบน้ำก่อนเสร็จก่อน แต่งตัวเสร็จก็มารอเซียงเซียงที่หน้าห้องน้ำ เพราะจำได้ว่าเธอกลัวผี พอเธอเปิดประตูห้องน้ำ ก็ผงะด้วยความตกใจ "เหี้ย ผี" ผมไม่รอช้าอุ้มเธอขึ้นมาจากพื้นแล้วพาเข้าห้องทันที เฮ้อ เสื้อผ้านี่เหม็นใหม่ชะมัด แต่ก็นะ ซักไม่ทันนี่ ทนไปหนึ่งวัน ผมมองคนที่อ้าปากจะด่า ก่อนจะมองไปที่ห้องของลูกที่เพิ่งจะหลับ ทำให้เธอต้องทำปากขมุบขมิบด่าผม เมื่อพ้นประตูห้องเข้ามาได้เท่านั้นแหละ!!!! "ทำอะไรเนี่ย!!!!" "เสียงดังทำไม เดี๋ยวผีก็ตื่นหรอก นั่งเฉย ๆ" ผมวางเธอลงที่ขอบเตียง พร้อมกับเอากล่องยามาโชว์ให้เธอดู ผมนั่งย่อเข่าลงกับพื้น ค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลที่เปียกชุ่ม หมอบอกห้ามโดนน้ำ ทำไมถึงได้ดื้อจังเลยนะ ดูสิ แผลแดงมากเลย ไม่เคยทำแผลเลยใช่ไหมเนี่ย "ไม่ต้องฉันทำเอง" คนดื้อพยายามดึงเท้าตัวเองคืน ผมเลยดันเท้าของเธอขึ้น จนเธอเสียหลักหงายลงไปกับเตียง แล้วจับพลิกคว่ำซะเลย จะได้ดื้อไม่ได้เลย "ไม่ได้อยากทำให้หรอกหน่า แค่ทำให้อัณณ์ แล้วจำได้ว่าเธอก็มีแผล" ผมค่อย ๆ เอาน้ำเกลือเช็ดแผล ให้คนที่นอนคว่ำ จะขยับอะไรก็ไม่ถนัดล่ะทีนี้ "ไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้" คนดื้อพยายามจะเตะขา แต่ผมกลับดึงแล้วราดเบตาดีนใส่แผลให้เธอ "ขอโทษนะ ตอนนั้นพี่ได้อัณณ์มาแบบไม่ตั้งตัว พี่คิดว่าต้องรับผิดชอบ ด้วยความหน้ามืดตามัว จนทำให้เราจบกันไม่ค่อยสวยเลย แต่อยากให้เธอรู้ ของขวัญเองก็สำคัญกับพี่นะ ขอบคุณที่ไม่เกลียดอัณณ์" มันคือสิ่งผมควรจะทำ ควรทำมาตั้งนานแล้ว ผมพูดไป พันแผลให้เธอไปด้วย "มาพูดอะไรตอนนี้ไม่ทันแล้ว คนที่รักพี่คือฉันตอนนั้น เซียงเซียงคนเก่า มันโง่ แต่ไม่ใช่ฉันคนนี้แน่นอน เลิกยุ่งกับฉัน แล้วไปดูแลอัณณ์ให้ดี ไม่ต้องมายุ่งกับเราแม่ลูกอีก" "พี่จะทำทุกอย่าง ให้ได้ครอบครัวมา" ผมจับเธอพลิกตัวกลับมานอนหงาย "ไม่มีทาง พี่ทำลายมันไปแล้ว เราเองก็คบกันไม่ได้นานนมอะไร จบ ๆ ดีกว่า" แววตาของเธอยังเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน "นอนเถอะ ทำแผลเสร็จแล้ว อย่าทะเลาะกันให้ลูกตื่นเลย" "พรุ่งนี้ฉันจะกลับบ้าน" แววตาเด็ดเดี่ยวทำให้ผมต้องหลบสายตา ผมให้เธอกลับตอนนี้ ทุกอย่างที่ทำมามันจะพังหมด เธอจะขออะไรจากผมก็ได้ ที่ไม่ใช่ขอไปจากผม "ไม่ให้กลับ พรุ่งนี้วันเสาร์ ของขวัญกับอัณณ์หยุดเรียน เราพาลูกไปเที่ยวกัน"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม