ทั้งสองคนเดินไปที่โต๊ะในระหว่างที่รอเตาถ่านก็เดินไปหยิบของอย่างอื่นที่อยากกินอีก และเมื่อได้ทุกอย่างมาครบก็เดินกลับมาที่เดิมซึ่งตอนนี้พนักงานวางเตาถ่านพร้อมกับกระทะให้เรียบร้อย ทั้งสองคนช่วยกันย่างสามชั้น และแน่นอนว่าพอมาร์คได้กินไปเพียงหนึ่งคำก็เริ่มรู้สึกติดใจ และอยากกินอีก
"พี่เพิ่งรู้ว่าสามชั้นมันอร่อยนะเนี่ยหวานเชียว"
"ก็พี่ไม่เคยลองกินอะไรเลย ตั้งแต่ส้มตำแล้วนะคะไม่รู้ว่าใช้ชีวิตมายังไงอะไรก็ไม่เคยกิน"
ชายหนุ่มถึงกับยิ้มแหย ทว่ายังคงแก้ตัวต่อไปเพราะยังไม่อยากให้ความลับแตกในตอนนี้ และเขายังคงหาทางลงแบบสวยงามให้ตัวเองอยู่ในหลายเรื่องราวที่เขาได้โกหกออกไป นานวันยิ่งถลำลึกยากที่จะแก้ตัวได้ แต่เขามั่นใจว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีเหตุผลมากพอ และมองออกว่าเขาทำไปเพื่ออะไร
"ก็แหม่... ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้กินทุกอย่างหรอก หนูรีบกินเถอะค่ะเดี๋ยวพี่จะพากลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้เราค่อยออกมาเที่ยวกัน"
"ค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะที่พาออกมากินข้าว ดึกขนาดนี้แล้วพี่มาร์คก็ยังอุตส่าห์ออกมาหา ทำไมน่ารักขนาดนี้ก็ไม่รู้"
"น่ารักแล้วรักหรือเปล่าล่ะ"
ชายหนุ่มเอ่ยแกมหยอก เด็กสาวถึงกับใบหน้าแดงก่ำเมื่อถูกชายคนรักหยอดคำหวานทุกครั้งที่มีโอกาส เราสองคนตั้งแต่คบกันมายังไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้ง ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่เหมือนคู่อื่นแต่ด้วยความที่เธอเป็นคนง่ายๆ และเข้าใจเหตุผลของแต่ละคน ไม่ว่าเขาจะทำอะไรหรือเธออยากจะโกรธขึ้นมา ก็ต้องระงับอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ และไถ่ถามเหตุผลเสมอ พี่มาร์คเองก็ไม่ค่อยทำให้เธอโกรธหรือไม่พอใจเขารู้ว่าเธอนอนเร็วก็จะไม่เซ้าซี้คุยต่อจนดึก และถ้ารู้ว่าเธอกำลังอ่านหนังสือสอบก็เข้าใจปล่อยให้เธอมีเวลาส่วนตัว ความเข้าใจกันของเราทั้งคู่ทำให้การคบหากันเป็นไปได้อย่างราบรื่นไม่มีปัญหาในชีวิตเหมือนอย่างคู่อื่น
"ไม่รักมั้งถามแปลกๆ"
ชายหนุ่มยื่นมือไปยีผมของหญิงสาวเล่น คีบของอร่อยในกระทะวางไว้ในจานของเธอ กินไปคุยไปใช้เวลาในร้านอยู่เกือบชั่วโมง และเมื่อทั้งสองคนกินอิ่มก็พากันออกมาเดินย่อยที่ริมแม่น้ำไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก จับมือกันเดินเล่นไปเพลินๆและตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว
"ดึกมากเลยวันนี้ปกติตุ้ยนุ้ยนอนตั้งแต่สามทุ่มแล้วค่ะ"
"หนูก็ต้องปรับตัวให้ได้นะคะ ชีวิตในการเรียนมหาวิทยาลัยมันไม่ได้เหมือนช่วงชีวิตในการเรียนมัธยม อาจจะมีกิจกรรมเลิกดึกดื่น ไหนจะต้องตื่นมารับน้องตั้งแต่เช้าตรู่หนูต้องฝึกเอาไว้นะคะ"
คำแนะนำจากรุ่นพี่ที่ผ่านช่วงชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ชีวิตในโลกกว้างมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ และสำหรับคนรักของเขาที่อยู่ในกรอบตลอดเวลาเธอต้องปรับตัวมากกว่าคนทั่วไป
"เข้าใจแล้วค่ะ ถ้างั้นเรารีบกลับกันเถอะค่ะมันดึกมากแล้วเดี๋ยวพี่มาร์คจะกลับบ้านดึกมากไปกว่านี้ ตุ้ยนุ้ยไม่อยากเป็นห่วงค่ะ"
"ไม่อยากเป็นห่วงงั้นคืนนี้ให้พี่ค้างที่ห้องด้วยสิ"
"จะบ้าเหรอคะพี่มาร์ค จะมานอนด้วยกันได้ยังไงเล่าหนูยังเด็กนะ"
"ก็นอนเฉยๆ พี่ไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย"
เด็กสาวเริ่มมีใบหน้าลังเล และไม่รู้ว่าที่เขาพูดออกมาแค่แกล้งเฉย ๆหรือว่าจะทำจริง ทั้งสองคนเดินไปที่รถเวฟ 125 คู่ใจ มาร์คเสียบกุญแจสตาร์ทรถก่อนจะดึงหญิงสาวให้ขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย จากนั้นทั้งสองคนก็ขี่กลับไปที่คอนโดของเธอที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัย
และเมื่อมาถึงที่คอนโดชายหนุ่มก็จอดรถไว้ใต้อาคาร ซึ่งหญิงสาวไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะทำอย่างที่พูดจริงๆ
"พี่มาร์คไม่กลับบ้านเหรอคะ"
ชายหนุ่มยักไหล่อย่างไม่ตอบอะไร รีบปิดกุญแจรถดึงออกใส่ในกระเป๋า และหยิบของบางอย่างในกระเป๋ากางเกงอีกข้างออกมาแล้วยื่นไปให้หญิงสาวตรงหน้า
"อันนี้พี่ซื้อให้ตุ้ยนุ้ยค่ะ รางวัลสำหรับคนเก่งที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยดัง ๆได้"
เด็กสาวมองถุงกระดาษในมือของชายหนุ่ม ใช้มือซ้ายยื่นไปรับมาถือไว้ในมือก่อนจะเปิดดูและพบว่าในถุงนั้นมีนาฬิกาสีชมพูสวยงามเหมาะสมกับวัยของเธอที่สุด
"นาฬิกาสีชมพูเหรอคะ น่ารักมากเลยค่ะ"
เด็กสาวหยิบออกมาจากถุงกระดาษส่งไปให้ชายหนุ่มและยื่นข้อมือข้างขวาไปให้เขาสวมให้
"ใส่ให้ตุ้ยนุ้ยหน่อยค่ะ"
มาร์คหยิบนาฬิกาขึ้นมาถือไว้สวมใส่ที่ข้อแขนของเธออย่างเบามือ ด้วยความที่ผิวพรรณของเธอขาวผ่องพอใส่นาฬิกาสีชมพูเข้าไปอีกกลายเป็นว่าสีกลมกลืนกันมาก และดูสวยเหมาะสมกับวัยของเธอที่สุด นาฬิกาปาเต๊ะราคาเรือนละห้าแสนกว่าบาท ถูกย้ายจากกล่องหรูหรามาอยู่ในถุงกระดาษแถมเขายังตั้งราคาให้เสร็จสรรพ เหลือเรือนแค่ 999 บาท
"สวยมากเลยค่ะพี่มาร์คหนูชอบมากเลยค่ะ ว่าแต่ซื้อมาเท่าไหร่คะ"
"ทำไมหนูชอบถามราคาจังเลย เวลาพี่ให้อะไรไม่ถามราคาได้ไหมล่ะ"
"ก็หนูกลัวว่าพี่จะใช้เงินเกินตัวนี่คะ ไหนบอกว่าจะเก็บเงินแล้วจะเลี้ยงดูหนูในอนาคตไง เอาเงินมาใช้ซื้อของฟุ่มเฟือยหมดพี่มาร์คจะมีเงินมาขอตุ้ยนุ้ยแต่งงานเหรอ"
เธอเริ่มเป็นห่วงอนาคตของเราทั้งสองคน ถึงแม้ว่าคุณพ่อจะไม่ได้ชอบคนร่ำรวย แต่ถ้าเขาไม่ขยันทำมาหากินก็ยากที่ท่านจะยอมรับ
"ไม่ต้องห่วงนะเรื่องนั้น พี่เก็บเงินไว้อีกส่วนเพื่อสร้างอนาคตกับหนูอยู่แล้ว ส่วนนาฬิกาเรือนนี้ซื้อมา 999 บาทไม่ต้องซีเรียสนะตกลงมั้ย"
"งั้นเหรอคะ จริงๆราคาเกือบพันมันก็แพงอยู่นะคะ รอบหน้าไม่ต้องซื้ออะไรมาแล้วนะคะตุ้ยนุ้ยไม่อยากได้อะไรจากพี่แล้ว เอาเป็นว่าถ้าเกิดว่าพี่มาร์คอยากให้อะไรตุ้ยนุ้ยขอเป็นอ้อมกอดแล้วก็หอมแก้มสักฟอดหนึ่งพอ"
และเมื่อสิ้นสุดประโยคของหญิงสาว ชายหนุ่มก็โน้มใบหน้าเข้าไปคลอเคลียก่อนจะหอมแก้มนวลฟอดใหญ่จนเธอต้องเบี่ยงตัวหลบเพราะทนความหวานของเขาไม่ไหว
"พอแล้วค่ะ ตุ้ยนุ้ยหมายถึงในอนาคตต่างหากไม่ใช่ตอนนี้"
"แต่พี่อยากหอมตอนนี้ แล้วก็อยากกอดตอนนี้ด้วย"
พูดจบชายหนุ่มก็กอดรัดหญิงสาวเอาไว้แน่น ใบหน้าสวยสะดุ้งตกใจเล็กน้อยเพราะชายหนุ่มเริ่มรุกหนักกว่าครั้งไหน ๆ
"คืนนี้ขอนอนกอดได้มั้ย"
"ระวังคุกนะคะ"
"นอนกอดเอง จะมาคุกอะไรเล่า ปะขึ้นห้อง..!"
"พี่มาร์ค...! หนูไม่อนุญาตให้นอนด้วยนะคะ พี่มาร์คทำไมดื้อเนี่ย"
ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบลากแขนเด็กสาวให้ตามเข้าไปข้างใน มือหนารีบกดลิฟต์สะกิดหญิงสาวยิกๆให้รีบกดขึ้นไปยังชั้นห้องพักของเธอ ตุ้ยนุ้ยส่ายหน้ายิ้มๆก่อนจะยอมกดขึ้นไปแต่โดยดี
"ดื้อไม่มีใครเกินจริงๆเลย เอาแต่ใจที่สุด"
"แล้วรักไหมล่ะ หึ...!"