ตอนที่7 ข้อห้าม
บ้านสองชั้นขนาดไม่ใหญ่โตมาก เพราะตอนที่ซื้อมันธนาธิปคิดว่าจะอยู่ที่นี่คนเดียว กระทั่งคบกับแพรพลอยก็ไม่ได้มีความคิดว่าจะพาเธอเข้ามาอยู่ ตอนนี้เขาจึงต้องสละห้องสำหรับพักผ่อนให้เธอไว้ซุกหัวนอน
“ฉันเกลียดเสียงดังรบกวนหวังว่าเธอจะไม่ทำ”
“ค่ะ วีขอเข้าห้องเลยนะคะ”
“เดี๋ยว” วิริศราหยุดฝีเท้าแต่ไม่ได้หันกลับไปมอง
“แหวนน่ะ อย่าใส่เถอะ” ชายหนุ่มบอกเธอพร้อมกับยื่นแหวนของเขาที่ถอดตั้งแต่ให้ วิริศรามองเขาอย่างไม่เข้าใจ ไม่ให้ใส่ไว้เธอก็จะถอด แล้วเอาของตัวเองมาให้เธอทำไม
“เอาไปเถอะ เผื่อเธออยากเอาไปขายก็ตามใจ”
“ไม่เอาหรอกค่ะ”
“เอาไป อยู่ที่ฉันมันก็หายอยู่ดี เปล่าประโยชน์” หญิงสาวรับแหวนที่เป็นของเขามาไว้ในมือกลายเป็นว่าแหวนทั้งสองตกเป็นของเธอเพราะมันไร้ความหมาย
“คอเธอแดง ไปโดนอะไรมา” หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ เผลอกำมือแล้วคลายอยู่หลายรอบก่อนจะเค้นเสียงตอบ
“แพ้…แพ้สร้อยเพชรของป้ากชมั้งค่ะ”
“แล้วก็...ห้ามทำตัวเป็นเมียฉัน ห้ามป่าวประกาศเข้าใจมั้ย”
“แล้ว…”
“คนที่รู้อยู่แล้วก็ช่างหัวมัน แล้วก็งานบ้านทั้งหมดเธอต้องทำเพราะระหว่างนี้ฉันต้องส่งเสียเธอ” วิริศรานิ่งเงียบแต่เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเธออีก และปล่อยให้เธอยืนประมวลผลอยู่ตรงนั้น ‘เมื่อคืนเกือบจะ...เขารู้ตัวบ้างหรือเปล่า’
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
สามีภรรยาที่ผิดไปจากคู่รักปกติอย่างพวกเขาไม่แปลกเลยที่แทบจะไม่ได้เจอหน้ากัน ถึงเจอก็เป็นการเดินสวนกันเสียมากกว่า เขาอยู่ เธอไป เขาไป เธออยู่
ธนาธิปเป็นหุ้นส่วนผับชื่อดังที่ทำร่วมกับเพื่อน ร้านทองที่แบ่งครึ่งกันกับธัญวิชญ์ก็ปล่อยให้พี่ชายดูแล เพราะความใจร้อนทำให้เขาทำบัญชีได้ไม่ละเอียดพอ คนพี่เลยบอกให้น้องไม่ต้องยุ่ง
“ขับรถกลับดี ๆ นะ”
“อื้ม ถึงแล้วจะไลน์บอก”
“วี”
“หื้ม” วิริศราต้องหันกลับมาอีกครั้งเมื่อเพื่อนเรียกชื่อเธอแล้วก็เงียบ
"ยิ้มหวาน ๆ ให้ดูหน่อย”
“ไอ้บ้า รีบกลับไปได้แล้ว”
“เหอะ” เขาแค่นเสียงในลำคอเมื่อเห็นวิริศราในชุดนักศึกษาเพิ่งลงจากรถคันหนึ่งเปิดปิดรั้วอย่างรวดเร็วและก้มหน้าก้มตาเดินเข้ามาในบ้านแต่เห็นว่าเขานั่งอยู่ทนโท่ก็ไม่คิดจะทักทาย ทั้งที่ไม่ได้เจอกันแบบนี้ได้บ่อย ๆ
“ไปเรียนหรือไปหาผัวกลับดึกซะ”
“คะ?” วิริศราหันกลับไปด้วยความงุนงง แต่พอเห็นว่าสายตาเขาไม่ได้มองมาก็คิดว่าเขาคงพูดกับใครในโทรศัพท์จึงหันกลับ
“อยู่บ้านฉันเธอก็ช่วยเกรงใจกันหน่อยนะ ไม่ใช่นึกอยากไปตอนไหนก็ไป อยากกลับตอนไหนก็กลับ”
“วีเรียนค่ะ”
“ตอนฉันอยู่ปีสี่ไม่เห็นเรียนจนมืดค่ำ” หญิงสาวเหลือบมองเขาเพียงนิดก็นึกสงสัยที่เขายังอยู่ เจ็ดวันที่ผ่านมาเขากลับหลังเที่ยงคืนไปแล้วโน่นเลยไม่ได้อยู่หาเรื่องเธออย่างคืนนี้ ‘เธอไม่อยากปะทะกับเขาหรอก’ สองเท้าเดินขึ้นชั้นสองและเปิดเข้าห้องไปเหมือนไม่สนใจเขาจริง ๆ
ครืด
ประตูรั้วที่วิริศราเพิ่งปิดถูกเลื่อนให้เปิดอีกครั้ง เมื่อเขามองออกไปก็เจอกับร่างบางแสนคุ้นเคยที่ร้องไห้มาจนคราบน้ำตาเปื้อนแก้มอย่างน่าสงสาร แพรพลอยพยายามเปิดประตูกระจกก่อนจะสะอื้นอย่างหนักเมื่อมันถูกล็อคจากข้างในเรียบร้อยแล้ว
“ธามคะ ฮึก..เปิดประตูให้แพรนะ”
ครึ้มม
ชายหนุ่มยังนั่งเฉยอย่างเย็นชาแม้ว่าเสียงฟ้าจะคำรามลั่น แต่แพรพลอยร้องไห้ออกมาอย่างเสียขวัญเพราะเธอกลัวเสียงฟ้าอย่างจับหัวใจ…เขาก็รู้
ครึ้มม
“ฮืออ ธามคะ”
วริศราหยุดอยู่ที่กลางบันไดไม่กล้าคิดต่อว่าเขาจะเปิดประตูให้ผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า หรือจริง ๆ ที่เขายังอยู่เพราะนัดเจอกัน
พรึ่บ
“ฮึก ขอบคุณนะคะธามที่ยังห่วงแพรไม่เปลี่ยน”
ทันทีที่เขายอมเปิดแพรพลอยก็โผกอดเขาแน่น เธอเงยหน้าขึ้นให้เขาได้เห็นร่องรอยการโดนทารุณจากสามีแก่หวังเรียกความเห็นใจ ธนาธิปมองเหม่อที่มุมปากเจ่อช้ำ แต่ก่อนที่อะไร ๆ จะเกิดก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อน
แค่ก ๆ
“เธอ…”
“ขอโทษนะคะ พอดีหิวน้ำ” วิริศราพูดหน้าซื่อก่อนจะเดินลงมาที่ครัวและยืนมองพวกเขาจากตรงนั้น และต้องอ้าปากค้าง มือไม้เย็นเฉียบเมื่อเห็นพวกเขากอดรัดกันแน่นหนา
“เมียฉันยืนมองอยู่ เธอไม่อายหน่อยเหรอ”
“ผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่ควรอาย ทุกพื้นที่ในบ้านหลังนี้มันเป็นของเราธามก็น่าจะรู้ดีนี่คะ”
“ผัวแก่มันไม่ถึงใจเธอเลยสินะ” ธนาธิปเย้ยหยันอดีตคนรัก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แพรพลอยต้องทนฟังถ้อยคำดูถูกแต่เพราะรักเขามากเธอเลยไม่เคยโกรธเขา
“มันไม่มีความสุขมากเท่าทำกับคนที่รักหรอกค่ะธาม”
วิริศราหัวใจเต้นถี่แรงกลัวว่าเขาจะกลับไปเกินเลยกับผู้หญิงต้องห้ามคนนั้น ยิ่งตอนนี้เห็นเขานิ่งปล่อยให้เธอคนนั้นยุ่มย่ามอยู่กับกระดุมเสื้อสองเท้าบางมันดันพาตัวเองออกมาอย่างไม่ทันได้ทบทวนให้ดี
“ออกไปจากที่นี่นะคะ”
“เธอ มายุ่งอะไรด้วย” วิริศราข่มอาการใจเต้นโครมครามแทบไม่อยู่ รู้ว่าที่กำลังทำอยู่นี้มันเรียกว่าวุ่นวาย
“ฉันแต่งงานกับพี่ธามแล้วนะคะ มีสิทธิ์ที่จะยุ่ง”
“คิดว่าฉันโง่หรือไง ธามไม่ได้รักเธอ”
“แต่เราจดทะเบียนสมรสกันค่ะ ไม่เห็นต้องอ้างความรักที่มองไม่เห็นเลย” ธนาธิปหรี่ตามองคนตัวเล็กที่ทำเป็นใจดีสู้เสือ น้ำเสียงสั่นคลอนขนาดนั้นจะทำให้ใครกลัว
“กลับไปเถอะ”
“ธามคะ อย่าไล่แพรเลยมันไม่ง่ายเลยนะกว่าจะออกมาหากันได้”
“ลำบากก็อย่ามา ไม่ได้ขอ”
“ถ้าแพรไม่รัก ไม่คิดถึง...ก็คงกลัวตายและคงไม่มาแบบนี้” แววตาของเธอเต็มไปด้วยความน่าสงสารวิริศราเองก็คิดแบบนั้น หากเขาใจไม่แข็งเองมันก็ยากที่จะแยกทั้งสองคนออกจากกัน
ซ่า...
ฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาตามฤดูกาลของมัน แต่เจ้าบ้านยังใจดำบอกให้เธอไปจากที่นี่ทั้งที่รู้ว่าเธอกลัวฟ้ายามที่มันอาละวาดอยู่อย่างนี้ขนาดไหน
“แพร กลับไปซะ”
“ธามคะ...” แพรพลอยเหมือนจนหนทางเต็มที ทางเดียวที่เขาจะไม่ไล่ไสส่งคือมอมเมาเขาด้วยร่างกายที่คุ้นเคยกันและกันดี...ทั้งที่เมียเขาก็ยืนอยู่ใกล้ ๆ
พลั่ก!
“ธามขา...อย่าใจร้ายกับแพรเลยนะ”
“อย่ามาที่นี่อีก เรื่องบ้า ๆ นี่ให้มันจบสักที!” วิริศราสัมผัสได้ถึงความรักที่เขายังหลงเหลือ เขาเองก็ดูเจ็บปวดที่ต้องไล่เธอคนนั้นไปจากที่นี่
“นี่ธามไล่แพรเหรอคะ ธามไม่เคยทำแบบนี้...”
“บอกให้ไปไง!”
“วันหลังแพรจะมาหาใหม่นะคะ” แพรพลอยปล่อยน้ำตาร่วงเผาะต่อหน้าชายหนุ่มกับเมียของเขา ก่อนจะยอมเดินฝ่าฝนออกไปขึ้นรถที่จอดอยู่ข้างหน้ารั้ว วิริศราอดไม่ได้ที่จะสงสารเธอ แต่ก็ทำแค่มองตามแววตาเศร้าเท่านั้น
พรึ่บ
เขาทิ้งตัวลงนั่งทั้งที่เสื้อถูกปลดจนมันแยกออกจากกัน เหล้าตรงหน้าที่ตอนแรกเขาดื่มมันทีละนิดกลายเป็นว่าตอนนี้หมดลงเพราะเขากรอกมันลงคอ