ตอนที่9 เพื่อนคนเดียว
วันต่อมา
วิริศราไม่คิดว่าจะเจอเจ้าของบ้านในเวลาเจ็ดโมงเช้าตรงที่เขานั่งดื่มเมื่อคืน เธอก้มหน้าลงและเดินผ่านด้านหลังเขาเงียบ ๆ เพราะอริศราจอดรถรอเธออยู่ที่หน้ารั้วแล้ว
“เดี๋ยว”
“วี ฉันเรียกเธอหูแตกหรือไง” วิริศราหันกลับไปมองแต่ก็ไม่กล้ามองเขาเต็มตาอย่างทุกที เลยไม่รู้ว่าเขากำลังเดินมาที่เธอจนหยุดอยู่ข้างหน้าในระยะประชิด
“ปกติไปเรียนยังไง”
“เบลมารับค่ะ”
“บ้านเพื่อนเธออยู่ไหนถึงได้ใจดีมารับมาส่ง”
“วีไปก่อนนะคะ รีบ” ไม่ทันได้หันเขาก็คว้าต้นแขนของเธอเอาไว้ หญิงสาวยังไม่เงยหน้าขึ้นมองเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนมันยังฉายชัดให้ใจสั่นทุกครั้งที่นึกถึง
“ถึงเราจะแต่งกันเพราะอะไรแต่ก็อย่าทำให้ฉันเดือดร้อน อย่าทำให้ฉันอายเข้าใจมั้ย”
“หมายถึงอะไรคะ”
“คิดเอา” เขาตอบสั้น ๆ แล้วปล่อยเธอเป็นอิสระ วิริศราก็รีบออกไปหาเพื่อนที่กำลังจะลงมาตามเธอเพราะรอนานหลายนาที
“วันนี้ช้าไปสามนาที”
“ขอโทษน้าา” วิริศราใช้น้ำเสียงออดอ้อนเพื่อนสนิท และมันก็ทำให้อริศราหลุดยิ้มทั้งที่ตั้งใจจะแกล้งงอนให้เพื่อนใจหาย
“ตาบวม ๆ นอนดึกเหรอ”
“...”
“วี”
“หือ เรียกทำไม”
“ก็ถามแล้วเงียบ” วิริศราเม้มปากแน่น หัวใจเบาหวิวอีกแล้วเพียงแค่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ไฟก็เปิดสว่างขนาดนั้น สติเธอก็เต็มร้อย
“ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องก็ได้นะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ เรานอนดึกน่ะสิ”
“ทำอะไรถึงนอนดึก”
“อะ..อ่านนิยาย” อริศราเหลือบมองคนหน้าเหรอหราข้าง ๆ นิ้วเรียวกำพวงมาลัยที่จับอยู่แน่น เธอกำลังรู้สึกอะไรสักอย่างที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไร
“งานคู่ ไปที่บ้านเรานะ”
“ได้สิ เราก็ว่าจะบอกเบลอยู่เหมือนกัน”
อริศรา วิริศรา เป็นเพื่อนกันได้จากความโดดเดี่ยวเหมือนกัน วิริศรานั้นยุ่งจนไม่เข้าหาสังคมใหม่ ๆ ส่วนอริศรานั้นโลกส่วนตัวสูงจนสังคมใหม่ ๆ ไม่รู้จักเธอ ที่ได้เป็นเพื่อนกันก็เพราะงานคู่ที่เหลือคนไม่ถูกเลือกสองคนไว้อย่างพอดี ที่บังเอิญยิ่งกว่าคือพวกเธอมีชื่อที่คล้ายกัน
.....
เรียวคิ้วหนาของธนาธิปเริ่มขมวดแน่นขึ้นทุกขณะเมื่อเริ่มตะหงิดใจบางอย่างที่ไม่เคยคิดจะอยากรู้มาก่อน เขาแค่อยากรู้ตัวตนของคนที่อยู่ด้วยในสถานะเมียจึงได้ค้นหาบัญชีแอคเคาต์ต่าง ๆ ของเธอ ลามไปจนถึงเพื่อนเธอที่มารับกันเมื่อเช้าหรืออาจมาทุกวันแต่เขาไม่รู้
“ศรา ที่รัก” มุมปากหนาแสยะแต่ไม่ยิ้ม สองคนนั้นลงรูปคู่กันบ่อย แต่ที่เกินปกติคืออริศราที่ลงรูปเมียของเขาในหลาย ๆ อิริยาบทเกือบทุกวันจนกระทั่งวันแต่งงานก็โพสต์แต่แคปชั่นโศกเศร้าเป็นต้นมา
ติ๊ง ติ๊ง
“อยู่ไหนวะเพื่อน”
“อยู่ติดบ้านสองวันแล้วนะ มีอะไรดี ๆ เปล่า” ธนาธิปไม่มีอารมณ์ตอบคำถามใครสักคน เขากำลังรู้สึกเสียหน้าหากเมียที่แต่งมาหมาด ๆ กับเพื่อนของเธอ...
“แม่ง!”
ตืด ตืด ตืด
ไอ้วัตร
“มีอะไร”
“โห เสียงนี่เหวี่ยงมาเลย”
“โทรหากูมีเรื่องอะไร” ธนาธิปยังใช้น้ำเสียงที่ติดความหงุดหงิด แต่เพื่อนกลับพากันชอบใจหลุดเสียงหัวเราะให้ได่ยิน
“มันทะเลาะกับเมียมั้ง”
“พวกมึงอยู่ด้วยกัน?”
“เออ นอนกันที่ผับนี่แหละเมื่อคืนเมากันทุกตัว”
“แล้วโทรหากูทำไม”
“คิดถึง โทรหาไม่ได้เหรอวะ หรือมึงกำลัง...”
“ไร้สาระ” เขาชิงวางสายเพื่อนก่อนจะถูกแหย่ให้อารมณ์เสียมากกว่าเก่า และหันมาสนใจสิ่งที่อยู่ในมือแทน วิริศราเมียของเขาชอบผู้หญิงหรือเปล่ามันก็น่าคิดเพราะเธออายุก็ยี่สิบสองแล้วยังไม่เคยผ่านมือใครมาเลย
.....
23.00 น.
สองเท้าของธนาธิปรีบพาตัวเองไปนั่งลงที่โซฟาห้องนั่งเล่น เมื่อรออย่างใจจดใจจ่อแล้วเห็นรถมาจอดส่งวิริศราที่หน้ารั้ว
“ขับรถกลับดี ๆ นะ”
“อื้ม รีบเข้าบ้านดึกแล้ว”
“ก็เพราะใครล่ะ ชวนคุยอยู่ได้” อริศราหลุดยิ้มง่าย ๆ หากคนตรงหน้าคือวิริศรา หลังมองจนแน่ใจแล้วว่าเพื่อนเข้าบ้านอย่างปลอดภัยก็ยอมขับรถกลับ
“ไปไหนกันมา”
พรึ่บ
วิริศราสะดุ้งสุดตัวจนปล่อยกระเป๋าสะพายหล่นจากไหล่ เขานั่งอยู่ในความมืดเธอเองก็ไม่ทันสังเกตว่ามีคนอยู่บนโซฟากลางบ้าน
“พี่ธาม...วีตกใจหมดเลย” หญิงสาวก้มเก็บกระเป๋าและเดินไปเปิดไฟที่อยู่ตรงมุมก่อนถึงบันได เธอปรายตามองที่เขาเล็กน้อยจึงได้เห็นว่าด้านหน้าเขามีขวดเปล่าของเหล้าวางอยู่กับแก้วที่มีน้ำแข็งกำลังละลาย
“กลับบ้านห้าทุ่มเที่ยงคืน นี่เหรอเด็กที่แม่ฉันเชิดชูนักหนา”
“จะให้ทำยังไงคะวีมีงานต้องทำคู่กับเพื่อน”
“เพื่อนเธอมีแค่ยัยนั่นเหรอวะ”
“ค่ะ วีมีเบลเป็นเพื่อนแค่คนเดียว” ร่างสูงลุกขึ้นจากโซฟาก้าวขาช้า ๆ มายังคนที่เพิ่งกลับเข้าบ้าน หญิงสาวเห็นแววตาเขาเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธก็เตรียมพาตัวเองออกห่างแต่ก็ช้าไปหนึ่งก้าวถูกเขาตะครุบเอาไว้เสียก่อน
“กรี๊ดด พี่ธามจะทำอะไรคะ” วิริศราเสียหลักลงนั่งที่บันไดจากแรงดันของเขา ปลายจมูกสูดกลิ่นเส้นผม แก้ม และลำคอของเธอเหมือนกำลังหากลิ่นอะไรสักอย่าง แต่พอนึกได้ว่าคนที่เขาระแวงก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันเขายิ่งวุ่นวายใจขึ้นมาอีก
“อะไรของพี่คะพี่ธาม”
“บอกมาตรง ๆ นะวี กลับมาป่านนี้ไปทำอะไรกัน”
“ไปกินปิ้งย่างมาค่ะ และก็ไปทำรายงานที่บ้านเบล”
“ไอ้มุขทำรายงานนี่เลิกใช้เถอะ ฉันผ่านมันมาหมดแล้ว” กลิ่นแอลกอฮอลและบุหรี่จากตัวเขาทำเธอเบ้หน้า เห็นอย่างนั้นธนาธิปยิ่งเอาตัวเองเข้าเบียดจนเธอแทบจะนอนอยู่ตรงนี้แล้ว
“อื้ออ พี่ธามเมาก็อย่ามาหาเรื่องกันนะ” เขาไม่พูดอะไรออกมาอีกแต่เลื่อนฝ่ามือเข้าในกระโปรงนักศึกษาของหญิงสาวและบดเบียดนิ้วผ่านชั้นในเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างตรงใจกลางความสาวของเธอ
“อื้ออ เจ็บนะ”
“นอกจากฉันมีใครได้เห็นตรงนี้ของเธออีกมั้ย”
“ไม่ค่ะ เอาออกวีเจ็บ” ชายหนุ่มยังฝังนิ้วไว้อย่างนั้น ดวงตาคมกริบจ้องมองเธอสายตาดุร้ายราวสัตว์ป่า แม้ว่ามันจะไร้ซึ่งน้ำหล่อลื่นแต่เขาก็ไม่วางใจเธอ ‘ว่าจะไม่ทำ หรือไม่เคยทำ’
“อย่าขยับ... วีบอกว่าเจ็บไง”
“ฉันนึกว่าเธอจะชอบนิ้วมากซะอีก”
“อะไรวีก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละค่ะ”
“เหรอ แต่เธอแต่งมาเป็นเมียฉันแล้วซะด้วยสิ” วิริศราเผลอหันขวับจ้องกลับดวงตาคู่นั้น ก่อนจะต้องเบ้หน้าเมื่อได้รับความเจ็บแสบจากนิ้วที่ขยับเขยื้อนสวนความฝืดเคือง