เพื่อนคนเดียว

1285 คำ
ตอนที่9 เพื่อนคนเดียว วันต่อมา วิริศราไม่คิดว่าจะเจอเจ้าของบ้านในเวลาเจ็ดโมงเช้าตรงที่เขานั่งดื่มเมื่อคืน เธอก้มหน้าลงและเดินผ่านด้านหลังเขาเงียบ ๆ เพราะอริศราจอดรถรอเธออยู่ที่หน้ารั้วแล้ว “เดี๋ยว” “วี ฉันเรียกเธอหูแตกหรือไง” วิริศราหันกลับไปมองแต่ก็ไม่กล้ามองเขาเต็มตาอย่างทุกที เลยไม่รู้ว่าเขากำลังเดินมาที่เธอจนหยุดอยู่ข้างหน้าในระยะประชิด “ปกติไปเรียนยังไง” “เบลมารับค่ะ” “บ้านเพื่อนเธออยู่ไหนถึงได้ใจดีมารับมาส่ง” “วีไปก่อนนะคะ รีบ” ไม่ทันได้หันเขาก็คว้าต้นแขนของเธอเอาไว้ หญิงสาวยังไม่เงยหน้าขึ้นมองเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนมันยังฉายชัดให้ใจสั่นทุกครั้งที่นึกถึง “ถึงเราจะแต่งกันเพราะอะไรแต่ก็อย่าทำให้ฉันเดือดร้อน อย่าทำให้ฉันอายเข้าใจมั้ย” “หมายถึงอะไรคะ” “คิดเอา” เขาตอบสั้น ๆ แล้วปล่อยเธอเป็นอิสระ วิริศราก็รีบออกไปหาเพื่อนที่กำลังจะลงมาตามเธอเพราะรอนานหลายนาที “วันนี้ช้าไปสามนาที” “ขอโทษน้าา” วิริศราใช้น้ำเสียงออดอ้อนเพื่อนสนิท และมันก็ทำให้อริศราหลุดยิ้มทั้งที่ตั้งใจจะแกล้งงอนให้เพื่อนใจหาย “ตาบวม ๆ นอนดึกเหรอ” “...” “วี” “หือ เรียกทำไม” “ก็ถามแล้วเงียบ” วิริศราเม้มปากแน่น หัวใจเบาหวิวอีกแล้วเพียงแค่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ไฟก็เปิดสว่างขนาดนั้น สติเธอก็เต็มร้อย “ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องก็ได้นะ” “ไม่ใช่อย่างนั้นนะ เรานอนดึกน่ะสิ” “ทำอะไรถึงนอนดึก” “อะ..อ่านนิยาย” อริศราเหลือบมองคนหน้าเหรอหราข้าง ๆ นิ้วเรียวกำพวงมาลัยที่จับอยู่แน่น เธอกำลังรู้สึกอะไรสักอย่างที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไร “งานคู่ ไปที่บ้านเรานะ” “ได้สิ เราก็ว่าจะบอกเบลอยู่เหมือนกัน” อริศรา วิริศรา เป็นเพื่อนกันได้จากความโดดเดี่ยวเหมือนกัน วิริศรานั้นยุ่งจนไม่เข้าหาสังคมใหม่ ๆ ส่วนอริศรานั้นโลกส่วนตัวสูงจนสังคมใหม่ ๆ ไม่รู้จักเธอ ที่ได้เป็นเพื่อนกันก็เพราะงานคู่ที่เหลือคนไม่ถูกเลือกสองคนไว้อย่างพอดี ที่บังเอิญยิ่งกว่าคือพวกเธอมีชื่อที่คล้ายกัน ..... เรียวคิ้วหนาของธนาธิปเริ่มขมวดแน่นขึ้นทุกขณะเมื่อเริ่มตะหงิดใจบางอย่างที่ไม่เคยคิดจะอยากรู้มาก่อน เขาแค่อยากรู้ตัวตนของคนที่อยู่ด้วยในสถานะเมียจึงได้ค้นหาบัญชีแอคเคาต์ต่าง ๆ ของเธอ ลามไปจนถึงเพื่อนเธอที่มารับกันเมื่อเช้าหรืออาจมาทุกวันแต่เขาไม่รู้ “ศรา ที่รัก” มุมปากหนาแสยะแต่ไม่ยิ้ม สองคนนั้นลงรูปคู่กันบ่อย แต่ที่เกินปกติคืออริศราที่ลงรูปเมียของเขาในหลาย ๆ อิริยาบทเกือบทุกวันจนกระทั่งวันแต่งงานก็โพสต์แต่แคปชั่นโศกเศร้าเป็นต้นมา ติ๊ง ติ๊ง “อยู่ไหนวะเพื่อน” “อยู่ติดบ้านสองวันแล้วนะ มีอะไรดี ๆ เปล่า” ธนาธิปไม่มีอารมณ์ตอบคำถามใครสักคน เขากำลังรู้สึกเสียหน้าหากเมียที่แต่งมาหมาด ๆ กับเพื่อนของเธอ... “แม่ง!” ตืด ตืด ตืด ไอ้วัตร “มีอะไร” “โห เสียงนี่เหวี่ยงมาเลย” “โทรหากูมีเรื่องอะไร” ธนาธิปยังใช้น้ำเสียงที่ติดความหงุดหงิด แต่เพื่อนกลับพากันชอบใจหลุดเสียงหัวเราะให้ได่ยิน “มันทะเลาะกับเมียมั้ง” “พวกมึงอยู่ด้วยกัน?” “เออ นอนกันที่ผับนี่แหละเมื่อคืนเมากันทุกตัว” “แล้วโทรหากูทำไม” “คิดถึง โทรหาไม่ได้เหรอวะ หรือมึงกำลัง...” “ไร้สาระ” เขาชิงวางสายเพื่อนก่อนจะถูกแหย่ให้อารมณ์เสียมากกว่าเก่า และหันมาสนใจสิ่งที่อยู่ในมือแทน วิริศราเมียของเขาชอบผู้หญิงหรือเปล่ามันก็น่าคิดเพราะเธออายุก็ยี่สิบสองแล้วยังไม่เคยผ่านมือใครมาเลย ..... 23.00 น. สองเท้าของธนาธิปรีบพาตัวเองไปนั่งลงที่โซฟาห้องนั่งเล่น เมื่อรออย่างใจจดใจจ่อแล้วเห็นรถมาจอดส่งวิริศราที่หน้ารั้ว “ขับรถกลับดี ๆ นะ” “อื้ม รีบเข้าบ้านดึกแล้ว” “ก็เพราะใครล่ะ ชวนคุยอยู่ได้” อริศราหลุดยิ้มง่าย ๆ หากคนตรงหน้าคือวิริศรา หลังมองจนแน่ใจแล้วว่าเพื่อนเข้าบ้านอย่างปลอดภัยก็ยอมขับรถกลับ “ไปไหนกันมา” พรึ่บ วิริศราสะดุ้งสุดตัวจนปล่อยกระเป๋าสะพายหล่นจากไหล่ เขานั่งอยู่ในความมืดเธอเองก็ไม่ทันสังเกตว่ามีคนอยู่บนโซฟากลางบ้าน “พี่ธาม...วีตกใจหมดเลย” หญิงสาวก้มเก็บกระเป๋าและเดินไปเปิดไฟที่อยู่ตรงมุมก่อนถึงบันได เธอปรายตามองที่เขาเล็กน้อยจึงได้เห็นว่าด้านหน้าเขามีขวดเปล่าของเหล้าวางอยู่กับแก้วที่มีน้ำแข็งกำลังละลาย “กลับบ้านห้าทุ่มเที่ยงคืน นี่เหรอเด็กที่แม่ฉันเชิดชูนักหนา” “จะให้ทำยังไงคะวีมีงานต้องทำคู่กับเพื่อน” “เพื่อนเธอมีแค่ยัยนั่นเหรอวะ” “ค่ะ วีมีเบลเป็นเพื่อนแค่คนเดียว” ร่างสูงลุกขึ้นจากโซฟาก้าวขาช้า ๆ มายังคนที่เพิ่งกลับเข้าบ้าน หญิงสาวเห็นแววตาเขาเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธก็เตรียมพาตัวเองออกห่างแต่ก็ช้าไปหนึ่งก้าวถูกเขาตะครุบเอาไว้เสียก่อน “กรี๊ดด พี่ธามจะทำอะไรคะ” วิริศราเสียหลักลงนั่งที่บันไดจากแรงดันของเขา ปลายจมูกสูดกลิ่นเส้นผม แก้ม และลำคอของเธอเหมือนกำลังหากลิ่นอะไรสักอย่าง แต่พอนึกได้ว่าคนที่เขาระแวงก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันเขายิ่งวุ่นวายใจขึ้นมาอีก “อะไรของพี่คะพี่ธาม” “บอกมาตรง ๆ นะวี กลับมาป่านนี้ไปทำอะไรกัน” “ไปกินปิ้งย่างมาค่ะ และก็ไปทำรายงานที่บ้านเบล” “ไอ้มุขทำรายงานนี่เลิกใช้เถอะ ฉันผ่านมันมาหมดแล้ว” กลิ่นแอลกอฮอลและบุหรี่จากตัวเขาทำเธอเบ้หน้า เห็นอย่างนั้นธนาธิปยิ่งเอาตัวเองเข้าเบียดจนเธอแทบจะนอนอยู่ตรงนี้แล้ว “อื้ออ พี่ธามเมาก็อย่ามาหาเรื่องกันนะ” เขาไม่พูดอะไรออกมาอีกแต่เลื่อนฝ่ามือเข้าในกระโปรงนักศึกษาของหญิงสาวและบดเบียดนิ้วผ่านชั้นในเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างตรงใจกลางความสาวของเธอ “อื้ออ เจ็บนะ” “นอกจากฉันมีใครได้เห็นตรงนี้ของเธออีกมั้ย” “ไม่ค่ะ เอาออกวีเจ็บ” ชายหนุ่มยังฝังนิ้วไว้อย่างนั้น ดวงตาคมกริบจ้องมองเธอสายตาดุร้ายราวสัตว์ป่า แม้ว่ามันจะไร้ซึ่งน้ำหล่อลื่นแต่เขาก็ไม่วางใจเธอ ‘ว่าจะไม่ทำ หรือไม่เคยทำ’ “อย่าขยับ... วีบอกว่าเจ็บไง” “ฉันนึกว่าเธอจะชอบนิ้วมากซะอีก” “อะไรวีก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละค่ะ” “เหรอ แต่เธอแต่งมาเป็นเมียฉันแล้วซะด้วยสิ” วิริศราเผลอหันขวับจ้องกลับดวงตาคู่นั้น ก่อนจะต้องเบ้หน้าเมื่อได้รับความเจ็บแสบจากนิ้วที่ขยับเขยื้อนสวนความฝืดเคือง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม