เข้าวัง ไม่ใช่เรื่องง่าย

1449 คำ
Stage 6 ผินอินเดินเข้าไปตามอุโมงค์แสงสีชมพู เมื่อโผล่ออกไปพ้นพบกับกลีบดอกท้อเป็นพายุกระจายฟุ้งเข้ามาปะทะ ลำแสงจากดวงตะวันสาดลงมากระทบร่าง ผินอินจึงได้เห็นว่าด้านหน้าของตนคือตำหนักใหญ่หลังหนึ่ง บนหลังคาประดับด้วยรูปปั้นมังกรหางเป็นปลาหลีฮื้อ “โอ้โห! ที่นี่สวยจังเลย อย่างกับพระราชวังที่เคยเห็นในหนังสือเรียนเลย” รอบด้านคือตำหนักโอ่อ่า ไม่ว่าจะเป็นเรือนหลังเล็กที่ดูไม่มีความสำคัญ แต่การปลูกสร้างเน้นความแข็งแรงชวนมอง สีสันบนตัวอาคารยังคงสดใสคล้ายเพิ่งผ่านการก่อสร้างมาไม่นาน “นางกำนัลที่เข้ารอบเดินมาด้านหน้า” เสียงจากขันทีเฒ่าคนเดิมดังขึ้น ผินอินจำได้แม่นยำ เมื่อด่านที่แล้วเข้าไปเก็บดอกบัวหิมะแดง เมื่อกิเลนไฟนำมาส่งถึงประตูวังหลวง หลังจากลงจากหลังของมัน ข้าวของทุกอย่างที่มีติดตัวหายวับไปกับตา ปรากฏเป็นแต้มสกอร์สูงน่าพอใจในระดับหนึ่ง แต่ไม่วายแต้มที่สะสมมายังคงไม่มากพอที่จะทำให้คะแนนสะสมอยู่ในระดับไม่น่าเป็นห่วง “นั่นเป็นเพราะเราใช้ตัวช่วยมากเกินไป รอบนี้ต้องระวังให้มาก อีกอย่างยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ด่านต่อไปจะต้องเจอกับอุปสรรคอะไรอีก” ขันทีเฒ่าเดินถือถาดนำหน้าขันทีอีกสิบคน ผินอินทราบทันทีว่านั่นคือจำนวนของผู้ร่วมเข้าแข่งขันที่เข้ารอบมาด้วยกันกับตน พลันท้องฟ้ากลายเป็นสีกระดาษด้าน ทุกอย่างรอบกายคล้ายถูกดูดกลืนสีสัน ผินอินลอยตามองบน เพราะทราบดีว่ามีบางสิ่งกำลังจะปรากฎตัว ตุ๊กตาจีนแก้มแดงปรากฏตัวขึ้นอีกเช่นเคย [ ท่านผู้เข้าแข่งขันโปรดทราบ ด่านนี้มีชื่อว่า รสสุคนธ์หรรษา ] “รสสุคนธ์หรรษา?” [ กติกามีอยู่ว่า ให้ไปเก็บผลไม้ที่อยู่ในสวนเพาะปลูก คนละสามชนิด เพื่อนำไปส่งห้องเครื่อง ในจำนวนผลไม้ทั้งสามชนิดจะมีคะแนนแตกต่างกัน ดังนั้นหากจำนวนคะแนนน้อยกว่าที่กำหนด ผู้เข้าแข่งขันจะต้องกลับไปเก็บมาใหม่ให้เพียงพอต่อสกอร์คะแนน ] “เกมแต่ละอย่างฟังเหมือนง่าย แต่พอเอาเข้าจริงอุปสรรคเยอะเกิน” [ กำหนดเวลาในด่านนี้ไม่มี ] “หา เรื่องจริงเหรอนี่ เป็นไปได้ยังไงกัน?” เธอชักสงสัย อะไรจะใจดีเบอร์นั้น [ เนื่องจากด่านนี้ไม่ใช่ด่านหลัก เรื่องเวลาจึงไม่ได้นำมาเป็นข้อกำหนด มีเพียงคะแนนจากการเก็บผลไม้เท่านั้น ที่สามารถนำมาเป็นตัวชี้วัด ] “อ้อ ใครเร็วใครได้ ว่างั้นเถอะ ดีล่ะ ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็คงไม่มีอะไรน่าห่วง” “แต่เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อน แล้วด่านนี้ไม่มีไอเทม หรือปุ่มช่วยเหมือนด่านก่อนหน้าแล้วใช่ไหม?” เสียงการประมวลผลเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งกลายเป็นเสียงคล้ายสัญญาณหลุด อยู่ ๆ ตุ๊กตาแก้มแดงนิ่งงันไป “อ้าว ทำไมเงียบไปอย่างนั้นเล่า?” [ ตรวจพบผู้บุกรุกภายในเกมอาเขต ตรวจพบผู้บุกรุกภายในเกมอาเขต ] “หมายความว่ายังไงกันน่ะ เกิดอะไรขึ้นนี่?” [ รอบนี้ทางเกมมาสเตอร์ประมวลค่าความเสี่ยงจากเดิมระดับสอง เป็นระดับสิบ เนื่องจากมีไวรัสโปรแกรมหลุดการควบคุม ซึ่งน่าจะมีผลมาจากการชำรุดของโปรแกรมใด โปรแกรมหนึ่ง ] “เอ๋! แล้วแบบนี้มันจะเป็นยังไงต่อไปล่ะ หมายความว่าต้องไปสู้กับสัตว์ประหลาดอีกงั้นสิ ไม่ไหวแล้วนะ” แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว นั่งเล่นเกมอยู่ที่บ้านยังมีปุ่มกดสต๊อป แต่ที่นี่เธอทำแบบนั้นไม่ได้ [ ตัวช่วยพิเศษในด่านนี้ คือ ] [ 1 กระสุนดอกท้อพิโรธ 2 ตะกร้าสารพัดประโยชน์ 3 มือจับซาลามานเดอร์ ] “ฟังจากชื่อไอเทมแล้วเหมือนด่านี้จะโหดไม่น้อยเลย แล้วกติกาเพิ่มเติมมีอีกไหม?” [ กติกาตามเดิม เพียงแค่ท่านผู้เข้าแข่งขันจะต้องเปิดเกราะที่เหลือจากด่านก่อนตลอดเวลาไว้ เพียงเท่านี้จะไม่ได้รับอันตรายจากโปรแกรมไวรัส ] “เกราะป้องกันงั้นเหรอ คงเป็นหยกขาวชิ้นนี้สินะ” ผินอินก้มลงพลิกป้ายหยกขาว ไอเทมชิ้นสุดท้ายที่เหลือมาจากสเตจก่อน เมื่อกลางอากาศปรากฏตะกร้าสารพัดนึกขึ้น จึงมองเห็นร่องที่สามารถนำหยกขาววางทาบลงไปได้ เมื่อสะพายตะกร้า แล้วนำหยกขาววางทาบลงไป เกราะป้องกันถูกเปิดขึ้นเป็นม่านพลังโปร่งแสง ที่มีเพียงผินอินเท่านั้นที่มองเห็น “เยี่ยม เยี่ยมเช่นนี้นี่เอง แบบนี้ต่อให้เป็นมอนสเตอร์ระดับสิบก็ไม่น่ากลัวแล้ว” [ เกมจะเริ่มในอีก 5 4 3 2 1 ] [ Ready Go! ] เกมมาสเตอร์หายไปคล้ายถูกสูบ เมื่อไร้คนสั่งการ รอบกายกลับมามีสีสันดังเดิมอีกครั้ง เสียงของขันทีเฒ่าดังขึ้นฉุดสติของผินอิน “กติกามีอยู่ว่า ห้ามเข้าไปเก็บในสวนส่วนพระองค์ของรัชทายาทโดยเด็ดขาด หากผู้ใดฝ่าฝืนโทษปรับคือตัดคอ” “อ้าว... แล้วทำไมเมื่อกี๊อีเกมมาสเตอร์ไม่บอกเราวะ!” “นางกำนัลทั้งหมด มายืนเรียงแถวด้านหน้าทุกคน” เมื่อเห็นคนที่เข้ารอบมายืนเรียงรายกันเป็นแถว ผินอินแทบกลั้นขำไม่อยู่ เมื่อเห็นหน้าตาของจุ้ยจวี้ซึ่งยังคงซีดเซียวเสมือนหนึ่งคนเพิ่งฟื้นไข้ “โอ้! ดูเจ้าสิ ยายพิกกะเล็ด เจ้าก็เก่งน่าดู ยังอุตส่าห์รอดเข้ามาถึงด่านคัดเลือกนี้ได้” “อะไรพิกกะเล็ด” หมูสีชมพูเพื่อนรักของหมีพลูนั่นเอง “เจ้ามันลูกไม้เยอะ ที่แท้เจ้ากิเลนไฟนั่นก็เป็นพวกเดียวกับเจ้า ไว้ข้ามีโอกาสพบหน้าองค์ฝ่าบาท ข้าจะทูลฟ้องพระองค์ว่าเจ้ามันเป็นแม่มดชั่วร้าย!” กลายเป็นว่าคนอื่นมองว่าผินอินสามารถควบคุมลมฝน แม้กระทั่งควบคุมสัตว์ร้าย ทั้งที่จริงตนเองก็แทบเอาตัวไม่รอด “ใส่ความชัด ๆ ที่เจ้าเห็นมันเพราะพิษไข้จากหิมะกัดสิไม่ว่า ดูสิจมูกบี้แบนของเจ้ายังเปื่อยยุ่ย นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นไข้หนักมีหรือจะเป็นเช่นนี้” “เหลวไหล ข้าเพียงแต่แค่เป็นหวัดเพราะอากาศเย็นจัด มิได้ป่วยเพราะถูกหิมะกัดจนเกิดภาพหลอนสักนิด เจ้านั้นล่ะ สักวันข้าจะเปิดโปงความชั่วของเจ้านางแม่มด” “อ้าว เจ้านี่แพ้ชวนตี แบร๋...” แลบลิ้นปลิ้นตาให้เสียเลย บางครั้งก็อยากร้องขอปุ่มปิดปากจากเกมมาสเตอร์มาไว้เป็นไอเทมติดตัวเหมือนกัน ดูท่ารอบหน้าถ้าโบนัสแตกคงจะต้องขอเป็นกรณีพิเศษเสียแล้ว “เตรียมตัว ออกจากประตูตำหนักเข้าสู่สวนวังหลวง ทุกคนจงท่องจำกฎข้อห้ามให้ขึ้นใจ หากจำไม่ขึ้นใจ พวกเจ้าจะไร้หัว” “ทราบเจ้าค่ะ!” ทุกคนขานรับอย่างพร้อมเพรียง ประตูตำหนักถูกเปิดออก เห็นทิวทัศน์ภายในสวนอุทยานวังหลวงเขียวขจี “ไปได้!” สิ้นเสียงขันทีเฒ่า นางกำนัลกว่าสิบคนที่ผ่านเข้ารอบวิ่งเข้าประตูไปอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อผินอินก้าวเท้าข้ามเข้าไปในอาเขต รอบด้านกลายเป็นภาพสีสันคล้ายอยู่ในเกม มิใช่ทิวทัศน์ดังเช่นสายตามนุษย์มองเห็น “เฮ้อ... เพื่อชัยชนะ งานนี้ผินอินจะต้องได้เล่นใหญ่งานอลังการใช่ไหม เฮ้อ... ต้องถึงขนาดนี้เชียว เอาเถอะ... อย่างน้อยก็อย่าให้เจออุปสรรคยากนักเลยนะ ข้าขอร้องเถอะ” ผินอินยังถอนหายใจทิ้งท้าย ผินอินวิ่งช้ากว่าจุ้ยจวี้และพวก เมื่อวิ่งตามหลังคนพวกนั้น จึงถูกกลั่นแกล้งด้วยการพาสมัครพรรคพวกโยนก้อนหินพุ่งสกัดออกมาจากพุ่มไม้ “นี่พวกเจ้า รุมกลั่นแกล้งข้าเลยหรือนี่” “พวกนางก็เป็นลูกแม่ค้าในตลาดผ้าวันนั้น เช่นเดียวกับข้า วันนี้เจ้าชะตาขาดแน่!” ในเมื่อเล่นหมาหมู่ ผินอินซึ่งไม่ยอมเสียเปรียบใคร มีหรือจะยอมให้ถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียว แต่แม้ก้อนหินเหล่านั้นจะถูกปาเข้ามา แต่เพราะบาเรียที่กางไว้จึงไม่ถูกก้อนหินกระทบมาโดนร่างกาย ----- กลับมาสู่โลกปัจจุบันหรือไม่ ต้องไปตามอ่านกัน เป็นกำลังใจให้ หลิวอี๋เหวิน ด้วยนะคะ ฝากกดไลค์ กดแชร์ และให้หัวใจกันแบบรัว ๆ ด้วยนะ กราบรอบทิศ สาธุ ภารกิจนี้ เพื่อพิชิตอันดับหนึ่งของ #ดรีม #การประกวดนิยายภาษาไทยครั้งแรก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม