ท่อนกายของเขาตอบสนองต่อเสียงหวานใสของนางในทันที ซุนลี่มี่รู้สึกได้ถึงการเบียดเสียดบริเวณบั้นท้าย ท่อนกายของเขาช่างตื่นตัวเร็วเสียจริง มือทั้งสองของกังเฉินสอดสาบเสื้อตัวในเข้าไปนวดคลึงทรวงอกของนาง เขาค่อยๆ หันตัวนางให้หันมารับจุมพิตเร่าร้อนดูดดื่ม กระทั่งเมื่อริมฝีปากเข้าเริ่มต่ำไปจนดูดเม้มทรวงอก ซุนลี่มี่จึงเผลอครางออกมา
“ท่านพี่....ท่านพี่เจ้าคะ....”
น้ำเสียงนี้และการเรียกเช่นนี้มีเพียงคนเดียว....นางนั่นเอง!...นางทาสที่เขาตามหาผู้นั้น กังเฉินไม่มีเวลาจะทักทายสอบถามอีกแล้ว ครั้นรู้ว่าเป็นนาง ชายหนุ่มก็บังเอิญความรุ่มร้อนรุมเร้าเขาปฏิบัติกิจอย่างดุเดือดด้วยอารมณ์ปรารถนาโหยหาอย่างรุนแรง ซุนลี่มี่ได้ยินเสียงกระซิบแหบพร่าของเขาในยามที่สอดใส่เข้ามาในตัวนาง
“ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน...ข้าคิดถึงแต่เพียงเจ้า!”
ตราบจนเขาพานางเสพสุขจนสาสมใจแล้ว ซุนลี่มี่จึงซุกซบอยู่กับอกแกร่งกว้างของกังเฉิน อกอวบของนางถูกเขาฝากรอยรักเป็นจุดแดงอยู่หลายแห่ง
“เจ้าบอกข้ามาที...คนพวกนั้นมาลักพาตัวเจ้าไปหนใด? ข้าเที่ยวตามหาจนทั่วเมืองหลวงและนอกเมืองก็ไม่พบร่องรอยสักน้อย”
ซุนลี่มี่หัวเราะคิกคักนางเล่าให้เขาฟังว่านางได้รับความช่วยเหลือจากคนของสำนักวิหคเพลิงจึงได้กลับไปเมืองฉู่จิ้ง แต่เพราะทนความคิดถึงไม่ไหวจึงกลับมาหาเขาที่เมืองหลวง
“ครั้งก่อนเจ้าถูกจับตัวมา แต่ครั้งนี้เหตุใดจึงเต็มใจมาเป็นหญิงคณิกาเล่า?”
“เพราะข้าอยากจะมาหาท่าน ข้าจึงมารอท่านที่นี่!” นางอมยิ้มน้อยๆ ในความมืด แท้แล้วทุกสิ่งเป็นเพราะคุณชายจินจัดสรรต่างหาก คนผู้นั้นรู้ปัญหาของเขาจาก จงเหยียนและแนะนำให้สหายพาเขามาที่นี่
“ที่เถ้าแก่เนี้ยบอกว่าเจ้าเพิ่งเคยรับแขกเพียงคนเดียวก็คือ...”
“ก็คือท่าน และข้าก็จะรอรับแต่เพียงท่านผู้เดียวเท่านั้น กังเฉินท่านคือท่านพี่ของข้า”
กังเฉินพลิกกายขึ้นมาจูบนางอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง น้ำเสียงออดอ้อนของนางทำให้ร่างกายของเขากระปรี้กระเปร่าอยากจะเริ่มงานรอบใหม่ จงเหยียนมิได้นั่งรออยู่ด้านนอก เขามาแนบหูฟังเสียงพูดคุยของคนทั้งคู่อยู่หน้าห้องกับจินวั่งซู่
“ไม่ต้องรอแล้ว ข้าว่าพวกเขาคงจะตกลงกันอีกหลายยก พวกเรากลับกันเถอะ” จินวั่งซู่หันไปพยักหน้าให้กับจงเหยียน “ข้าจะได้กลับไปบอกแม่นางซุนอิงฮวาด้วยว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี”
องครักษ์หนุ่มกลับคฤหาสน์ของตนด้วยความสดชื่น กังเฉินเริงร่าในคืนวสันต์กับนางไปถึงห้าครั้ง กังเฉินรู้สึกสบายใจที่ร่างกายของเขากลับมาเป็นปกติ เขาตัดสินใจจะตบแต่งทาสสาวผู้ทำให้เขามีพลังอย่างยิ่งเป็นภรรยา
“เจ้าจะแต่งนางมาเป็นอนุภรรยาหรือ?”
“ไม่! ข้าจะแต่งนางเป็นฮูหยินเอก”
จงเหยียนแปลกใจที่กังเฉินกล้าคิดจะแต่งงานกับหญิงคณิกาเป็นภรรยาออกหน้าออกตา “ครอบครัวของเจ้าจะยินยอมได้อย่างไร? เจ้าไปบอกกล่าวท่านพ่อท่านแม่เจ้าหรือยัง?”
“ยังสิ! ข้ายังไม่ขอมี่เอ๋อร์เลยแล้วจะไปบอกครอบครัวได้อย่างไร?”
“เอ๋? นี่เจ้าปักใจถึงขนาดเรียกชื่อนางว่าลี่เอ๋อร์แล้วหรือ?”
ดวงตาของกังเฉินทอประกายเจิดจ้า แย้มริมฝีปากด้วยความรื่นรมย์
“อ๊ะ! ข้าเห็นแล้วนะว่าเจ้าตกหลุมรักนางไปแล้ว” จงเหยียนรู้ว่าตอนที่ตนเองตกห้วงรักเหวลึกกับจังเสี่ยวลิ่งในคราวแรกก็มีความสุขเช่นที่คนที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้
กังเฉินไปหาซุนลี่มี่อีกคราวในวันต่อมา เขาไม่ยอมให้นางพักอยู่ในหอคณิกาอีกแล้วแต่พานางไปพักโรงเตี๊ยมหงส์ขาวแทน เมื่อเข้าไปในห้องยังไม่ทันจะได้ตกลงธุระใด กังเฉินได้เห็นหน้านางก็รู้สึกอยากทำอย่างอื่นเสียก่อน
“ท่านพี่ ท่านกลับมาแล้ว! ข้ารอท่านทั้งวันเลย” ชายหนุ่มสวมกอดนางขณะที่เจ้างูใหญ่ของเขาก็เริ่มผงาดอยู่เหนือบั้นท้ายงอนงาม
“มี่เอ๋อร์ เจ้าดูสิ! งูยักษ์ของข้าไม่รักดีเอาซะเลย ได้ยินเสียงเจ้าทีไรเป็นเช่นนี้ทุกที”
“ข้าต้องปลอบใจเขาก่อนใช่หรือไม่?” นางหัวเราะคิกคักเอื้อมมือไปลูบท่อนเนื้อส่วนนั้นอย่างเอาใจ ทำเอากังเฉินต้องขบกรามกัดฟันกระซิบ
“ไปที่เตียงกันเถอะ” เขาช้อนร่างนางขึ้นบนเตียง
เมื่อเสร็จสมอารมณ์หมายไปอีกคำรบ กังเฉินจึงเอ่ยเรื่องแต่งงานกับนาง
“ครอบครัวของเจ้าอยู่ที่ใด? ข้าจะได้วางแผนเรื่องหมั้นหมายแต่งงาน”
“ท่านพบข้าในหอคณิกาไม่เกรงคนจะนินทาหรือเจ้าคะ? ฮูหยินเอกของท่านองครักษ์เป็นเช่นนี้...ท่านจะไม่ขายหน้าผู้คนแย่หรือ?”
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นของข้าเพียงผู้เดียวก็พอแล้วนี่? ปากของผู้คนจะไปสนใจทำไมกัน?” ริมฝีปากเขาคลอเคลียอยู่ข้างใบหูขณะตอบอย่างหนักแน่น “พรุ่งนี้ข้าจะเรียนให้ท่านพ่อท่านแม่ข้าได้ทราบ เจ้ารีบบอกมาเถอะว่าบ้านเจ้าอยู่หนใด?”
ซุนลี่มี่ยังไม่ทันได้ตอบ แค่เพียงนางขยับร่างขึ้นจูบปลายคางเขาและกล่าวขอบคุณเท่านั้น มือไม้ของกังเฉินก็เริ่มยุ่มย่ามอยู่บนเต้าอวบอิ่มของนางอีกครั้ง ซ้ำยังปิดปากนางจนลิ้นของทั้งสองเกาะเกี่ยวกันพัลวัน
กังเฉินคิดจะพาซุนลี่มี่เข้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลกังเพื่อให้บุพการีได้พบหน้า ว่าที่ลูกสะใภ้ คนทั้งตระกูลพากันตกอกตกใจที่กังเฉินออกปากว่าจะแต่งงาน ที่แย่ที่สุดคือ สตรีที่พามานั้นคือผู้ที่พบกันในหอคณิกา ข่าวลือแพร่สะบัดเพราะมีผู้เห็นว่าคืนนั้นกังเฉินช่วยหญิงคณิกาผู้หนึ่งออกมาจากหอโคมเขียวเถื่อนและสตรีผู้นั้นก็คือซุนลี่มี่ ทุกคนต่างกล่าวกันว่านี่เป็นเพราะกังเฉินเอาแต่เข้านอกออกในหอคณิกาอยู่เนืองนิจ และยังพัวพันกับสตรีที่มีข่าวฉาวโฉ่ในเมืองหลวงมากมาย ซุนลี่มี่กลัดกลุ้มใจคิดจะปรึกษาซุนอิงฮวาแต่นางก็ขอลาไปทำธุระนับตั้งแต่เห็นญาติผู้น้องกุมมือกับองครักษ์หนุ่มเข้ามาพักอาศัยที่โรงเตี๊ยม
“มีข่าวลือไม่ดีเช่นนี้ ท่านยังคิดจะพาข้าเข้าไปหาท่านพ่อท่านแม่ของท่านอีกหรือ?” สีหน้าของซุนลี่มี่วิตกกังวล
กังเฉินจูบปลอบใจหญิงคนรัก “ผิดที่ข้าเองไม่รีบพาเจ้าเข้าไปคฤหาสน์ของข้าตั้งแต่แรก กลับเก็บเจ้าไว้ที่นี่เสียหลายวันทำให้เกิดข่าวลือเสียหายกับตัวเจ้า” ชายหนุ่มผู้มีความสุขกับการใช้ค่ำคืนสองต่อสองกับหญิงคนรัก จนลืมไปเลยว่าเขาเอาแต่กกกอดพลอดรักกับนางได้ร่วมเจ็ดวันแล้ว ความมาแตกก็ตรงที่...กังเฉินพานางไปเที่ยวเพลิดเพลินในเมืองหลวงจนมีผู้ที่รู้จักกับเขานำเอาเรื่องนี้ไปบอกคนในคฤหาสน์
***********************