ตอนที่ 1
“Gardener”
พิศวาสต่างวัย
นวนิยายสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น
ผู้เขียน
กาสะลอง
ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือหรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหนังสือเท่านั้น
“Gardener”
“ดึกแล้ว... นอนได้แล้วนะลูก”
เวลาใกล้เที่ยงคืน ‘ชุลีพร’ สาวใหญ่วัยแตะสี่สิบ หากยังสวยผ่องไม่แพ้สาวรุ่น เดินเข้ามาในห้องนอนของ ‘ลีนา’ ผู้เป็นลูกสาว ก้มลงจุมพิตหน้าผากนูน เอื้อมมือลูบไล้ศีรษะหญิงสาวผู้อ่อนเยาว์กว่าด้วยความรักใคร่
“คุณแม่ไปด้วยกันหรือคะ”
ลีนาชวนมารดา
“คงไม่สะดวก... หนูไปเถอะนะ นานแล้วที่หนูกับพ่อไม่ได้เจอกัน คุณพ่อคงอยากเจอหนู”
ชุลีพรกล่าวถึงอดีตสามี ลีนามีช่วงเวลาของวันหยุดสั้นๆ เพียงสองสัปดาห์เท่านั้น โดยสัปดาห์แรกหล่อนมาพักอยู่ที่บ้านแม่ และสัปดาห์ที่สองลีนาต้องไปพักกับผู้เป็นพ่อ
ลีนาเข้าใจถึงเหตุผลที่ต้องแบ่งเวลาแบบนี้ เพราะว่าทุกวันนี้พ่อกับแม่ของหล่อนแยกทางกันอยู่ หลังจากตัดสินใจหย่าขาดจากกัน จบชีวิตคู่ที่เคยหวานชื่นด้วยความเข้าใจ เพื่อยุติสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา หากแต่ยังคงเหลือ ‘ความเป็นเพื่อน’ และยังทำหน้าที่ของพ่อแม่อย่างเสมอต้นเสมอปลาย โดยไม่ก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของกันและกัน
ทุกวันนี้ ‘เสี่ยชัช’ บิดาของลีนาได้ผันตัวมาทำไร่สับปะรดอยู่ที่อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ส่วนชุลีพรก็อาศัยอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ในกรุงเทพฯ บ้านซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่เสี่ยชัชยกให้ภายหลังหย่า แต่ตอนนี้
ลีนาพักอาศัยอยู่ที่บ้านปู่กับย่าในจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดังในภาคเหนือ
หลังจาก ชุลีพร กับ เสี่ยชัช แยกทางกัน ทั้งคู่ไม่ได้แต่งงานใหม่ แต่แยกกันใช้ชีวิตตามที่ปรารถนา ด้วยเป็นมนุษย์ที่ยังมีเลือดเนื้อความต้องและกิเลสตัณหา ก็ทำให้อดีตสองสามีภรรยาคู่นี้มีทางออกกับ ‘เซ็กส์’ ที่แตกต่างกันไปตามความชอบส่วนบุคคล โดยไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน
“นอนเถอะนะลูก... พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า”
จมูกโด่งเป็นสันสวยของมารดากดลงบนแก้มเรื่อละมุนไปด้วยเลือดเนื้อวัยสาวสะพรั่งของลูกสาวสุดรัก ห่มผ้าให้แล้วเดินออกไปจากห้องนอน
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
ลีนายังคงพลิกกายกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงกว้าง หญิงสาวพยายามข่มตานอน ครั้นเมื่อรู้ตัวว่าไม่หลับแน่ๆ ก็เดินมาที่หน้าต่าง ทอดสายตาผ่านริ้วม่านลูกไม้สีขาวออกไปยังสนามหญ้าหน้าบ้าน แสงจันทร์นวลอาบพร่างพื้นหน้าสีเขียวเหมือนพรมผืนใหญ่ปูไว้ที่หน้าบ้าน
และพลันนั้นเองที่สายตาบังเอิญเหลือบไปเห็นร่างคุ้นตาของผู้เป็นมารดา
ชุลีพรในลุดนอนพลิ้วบาง กำลังก้าวเดินเลียบๆ เคียงๆ ไปตามถนนโรยกรวด ขนาบไว้ด้วยต้นแก้ว ออกดอกสีขาวสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมอวลไปทั่วบริเวณบ้าน มุ่งหน้าไปยังห้องพักหลังเล็กที่ปลูกสร้างอยู่ด้านหลังโรงจอดรถ
ชุลีพรไปที่นั่นทำไม? นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลีนาแอบเห็น มีหลายครั้งที่หล่อนตื่นนอนมากลางดึก แล้วเห็นนางชุลีพรผู้เป็นมารดารีบเดินลุกลี้ลุกลนจนเป็นพิรุธ ออกมาจากด้านหลังโรงจอดรถซึ่งรู้กันดีว่าตรงนั้นเป็นห้องพักของไอ้เชิดซึ่งเป็นคนขับรถ ทำงานอยู่ในบ้านหลังนี้มาหลายปี
‘ทำไมแม่ไปที่นั่นบ่อยๆ... ทั้งที่เป็นเวลากลางคืน’
ลีนาครุ่นคิดด้วยความสงสัย และความอยากรู้ เร่งเร้าให้หล่อนต้องก้าวเงียบเชียบออกมาจากห้อง เดินตามผู้เป็นมารดาที่หายลับเข้ามาในโรงจอดรถด้วยท่าทางมีพิรุธน่าสงสัย
แค่คิดหัวใจของลีนาก็เต้นแรง หรือว่าเชิดกับชุลีพรมารดาของหล่อนอาจจะ...
ไม่... ไม่คิดดีกว่า ลีนาพยายามสลัดสิ่งที่สมองกำลังครุ่นคิด แต่ก็สลัดความสงสัยไม่หลุดสักที
ยิ่งมองไปที่โรงเก็บรถ ในความมืดและเงียบงัน ยิ่งน่าสงสัย ว่ามารดาแอบลักลอบมีความสัมพันธ์ขั้นลึกซึ้งเกินกว่า ‘นาย’ กับ ‘คนขับรถ’
บ้าฉิบ!
ลีนานึกตำหนิความคิดของตัวเองว่าคงเป็นไปไม่ได้ หล่อนหยุด ทำท่าว่าจะก้าวกลับขึ้นเรือน ทิ้งความสงสัยไว้เบื้องหลัง เปลี่ยนใจว่าจะไม่ไปพิสูจน์ความจริงที่โรงรถ ด้วยตระหนักดีว่าบางครั้ง ‘ความจริง’ บางอย่างก็ทำให้เจ็บปวด บางเรื่องไม่รู้อาจจะดีเสียกว่า
แม้ว่านางชุลีพรกับเชิดจะมีอะไรกันอย่างที่ลีนาแอบสงสัย แต่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของสองคนนั่น ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของหล่อนเลยนี่นา
ลีนาตัดสินใจเดินออกมา ทว่าก็มีเสียงแปลกๆ เล็ดลอดออกมาจากห้องพักของเชิด
“ซี้ด... อ๊า อ๊อย... ตรงนั้นและเชิด… ดีจัง โอ้ว อูย เบาจ้ะ... เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนนักหนา คนอะไรแข็งแรงเป็นบ้า อูย... ซี้ด เนื้อฉันระบมไปทั้งตัวแล้ว”
ลีนาจำได้ แม้สุ้มเสียงนั้นจะใส่จริตจะก้านเกินกว่าปกติ แต่หล่อนจำได้ว่าเป็นเสียงโอดครวญสลับร้องครางของมารดาอย่างไม่ต้องสงสัย
“งั้นผมจะเน้นเฉพาะจุดนะครับคุณนาย… มันต้องหนักๆ เน้นๆ... ผมจะกดให้คุณนายสบายตัว รับรองว่าเดี๋ยวตัวเบาเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เชียวละครับ”
คราวนี้เป็นเสียงของไอ้เชิดคนขับรถ ครู่ต่อมาก็สลับเป็นเสียงครางสูงบ้างต่ำบ้างของมารดา เดี๋ยวโอย เดี๋ยวอูย ทำให้ลีนาต้องเดินกลับมาด้วยความอยากรู้
ทำอะไรกัน?
จากบทสนทนาที่ได้ยิน ลีนาพยายามคิดไปในทางดี เดาเอาว่าชุลีพรมารดาหล่อนคงปวดเมื่อย เลยต้องลงมาไหว้วานให้ไอ้เชิดช่วยบีบนวดให้
แต่ข้อสันนิษฐานนี้ก็ฟังดูไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไร เชิดเป็นผู้ชายหนุ่มฉกรรจ์ พักอยู่คนเดียว ชุลีพรเป็นสาวใหญ่ เป็นกระดังงาลนไฟที่ยังสะสวยไม่สร่าง แล้วเข้ามาอยู่ร่วมห้องหับมิดชิดสองต่อสองอย่างนี้ จะไม่ให้คิดได้ยังไง?