7 : เซี่ยเหมยลี่

1692 คำ
เซี่ยซือซือบอกน้องสาวให้สงบจิตใจเอาไว้ก่อน นางกำลังพยายามหาหนทางให้สามพี่น้องได้อยู่ด้วยกัน ระหว่างนี้เซี่ยซานซานยังต้องแกล้งนอนติดเตียงเช่นเดิมอยู่ แม้แต่น้องเล็กก็ห้ามบอกความจริง เหตุเพราะเขายังเด็กนัก เกิดออกไปวิ่งเล่น แล้วมีชาวบ้านมาหลอกถาม อาจทำให้หลุดพูดความจริงออกไปแบบไม่รู้ตัว “ข้าเชื่อฟังท่านพี่เจ้าค่ะ” เซี่ยซานซานไม่มีทางเลือกอื่น นางจำเป็นต้องนอนติดเตียงไปก่อนสักระยะ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย นางจะกลับมาใช้ชีวิตได้ดังเดิม “ลำบากเจ้าต่อไปอีกสักพักนะอาซาน แต่ไม่นานนักหรอกเจ้าอย่าได้กังวลเกินเหตุ ให้ข้าไปดูลาดเลาที่บ้านท่านป้าถานก่อน ข้าไม่รู้ว่าทางนั้นเขาอยู่กันอย่างไร” เซี่ยซือซือมีความคิดแก้ไขสถานการณ์อยู่ในใจ แต่ยังไม่กล้าตัดสินใจในทันที นางเพิ่งทะลุมิติมาที่นี่ได้ไม่กี่วัน ผลีผลามเกินไปย่อมไม่เป็นผลดี “ท่านพี่ท่านคงไม่คิดจะพาข้ากับน้องเล็กไปอยู่กับท่าน ที่บ้านท่านป้าถานหรอกนะเจ้าคะ” “ทำไมเล่า ทำเช่นนั้นไม่ได้หรือ” นางเอียงคอมองน้องสาวคล้ายไม่เข้าใจ “ไม่ได้เจ้าค่ะ มีชาวบ้านคนไหนแต่งภรรยาแล้วต้องให้ที่อยู่อาศัยแก่น้องของภรรยาด้วยเจ้าคะ อีกอย่างท่านพี่ท่านไม่ได้แต่งเข้าบ้านถานนะเจ้าคะ ท่านถูกท่านป้าถานซื้อตัวไปเป็นภรรยาพี่จ้าน ทางบ้านถานไม่มีทางเลี้ยงดูข้ากับน้องเล็กหรอกเจ้าค่ะ ไม่ใช่ว่าทางนั้นก็อดมื้อกินมื้อหรอกหรือท่านพี่” ได้ฟังคำของน้องสาวแล้วเซี่ยซือซือพลันเข้าใจได้ไม่ยาก “น่าแปลกเหตุใดท่านป้าถานถึงมาซื้อข้าไปเป็นภรรยาลูกชายของนาง ทั้งที่ทางบ้านก็ลำบากอยู่ก่อนหน้าแล้ว ว่าแต่ลูกชายท่านป้าถานมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอันใดนะอาซาน” “ท่านพี่ ! ท่านลืมกระทั่งชื่อสามีของตัวเองหรือเจ้าคะ” เซี่ยซานซานรู้สึกขัดใจยิ่งนัก “ข้าตกน้ำตกท่าไป ความจำมันก็เลือนรางอยู่บ้าง” เซี่ยซานซานหลุบตามองมือบนตักของตนเอง ใช่ว่านางจะไม่รับรู้ว่าพี่สาวคนนี้ หาได้ตกน้ำไปเองอย่างที่ชาวบ้านทุกคนคิดเห็นไม่ แต่พี่สาวของนางไม่อยากมีสามีพิการ จึงเลือกจบชีวิตตัวเองไปเช่นนั้น “อาซานเจ้าเป็นอันใดเงียบทำไมเล่า” “พี่จ้านเจ้าค่ะ สามีของท่านพี่ชื่อถานจ้านเป็นซิ่วไฉ[1]ตั้งแต่อายุสิบสองปี น่าเสียดายที่เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน ทำให้หมดสิทธิ์เข้าสอบจวี่เหรินไป” “ถานจ้านหรอกหรือ อืมค่อยคุ้นหูขึ้นมาหน่อย ปีนี้เขาอายุเท่าใดแล้วล่ะ” เซี่ยซือซือพยายามนึกรื้อฟื้นความทรงจำของคนผู้นี้ เหตุใดในความทรงจำของนางถึงได้ว่างเปล่าก็ไม่รู้ อาจเพราะไม่เคยได้พูดคุยกันมาก่อน รับรู้เพียงว่าลูกชายท่านป้าถานถูกอันธพาลในอำเภอเจียงรุมทำร้าย ได้รับบาดสาหัสทำให้ขาข้างซ้ายหัก หลังจากทำการรักษาแล้วกลับไม่สามารถเดินเหินได้เช่นเดิม ทำให้หมดสิทธิ์ในการเข้าสอบรอบจวี่เหรินไปอย่างน่าเสียดาย “สิบเจ็ดปีเจ้าค่ะ” ดูท่าพี่สาวของนางคงเลอะเลือนแล้วจริง ๆ “น่าเสียดายอุตส่าห์สอบซิ่วไฉได้แล้วแท้ ๆ” “เจ้าค่ะ เดิมทีท่านอาเหมยลี่ของเราก็แอบชอบพี่จ้านอยู่เหมือนกัน ให้ท่านย่าไปทาบทามเรื่องหมั้นหมายกับท่านป้าถานอยู่บ่อยครั้ง แต่ถูกท่านป้าถานปฏิเสธมาตลอด พอสองปีก่อนที่พี่จ้านถูกตีจนพิการเดินไม่ได้ ท่านย่าเลยรีบให้ท่านอาเหมยลี่หมั้นหมายกับคนอื่น และได้แต่งงานกับพ่อบ้านในอำเภอเจียงไปเมื่อปีที่แล้วนี่เองเจ้าค่ะ เหตุใดท่านพี่ถึงลืมเรื่องพวกนี้ได้เล่า” “โอ้ ท่านอาเหมยลี่เคยชอบสามีข้าหรอกหรือ ข้าไม่ได้ลืมเสียหน่อยอาซาน แค่จำได้เป็นบางช่วงบางตอน” เซี่ยซือซือพอจะนึกหน้าลูกสาวคนเล็กที่มีอายุเพียงสิบหกปีของแม่เฒ่าเซี่ยออก ต่อหน้าผู้อื่นนางมักเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนดีมีเมตตา แต่พอลับหลังนั้นดั่งนางมารร้ายมาจุติก็ไม่ปาน รังแกพวกนางสามพี่น้องออกบ่อยครั้ง จิกหัวใช้งานพวกนางแทบไม่ว่างเว้น เซี่ยเหมยลี่ถูกท่านย่าของนางประคบประหงมราวกับคุณหนูในจวนใหญ่ เพราะคาดหวังจะได้แต่งงานกับขุนนางใหญ่โตในเมือง ที่ไหนได้เพราะความรีบร้อนจนเกินเหตุ เป็นผลให้ได้แต่งงานกับพ่อบ้านในอำเภอแทน ยามนั้นแม่เฒ่าเซี่ยตีอกชกหัวตนเองอยู่หลายวัน เป็นเหตุมาจากความเข้าใจผิดไปเองของทุกคน ใครจะคาดคิดว่าพ่อบ้านคนหนึ่ง จะมีสง่าราศีดั่งเถ้าแก่ของบ้านก็ไม่ปาน เกี้ยวเจ้าสาวหามมาถึงหน้าบ้านของเจ้าบ่าว ทุกคนถึงได้ล่วงรู้ความจริง กระนั้นก็ถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว ปีนั้นแม่เฒ่าเซี่ยเลยต้องกล้ำกลืนฝืนทน ให้ลูกสาวที่ตัวเองหวงแหนนักหนา ได้แต่งงานกับพ่อบ้านอายุอานามสามสิบห้าปีอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ยิ้มเช่นนี้ ท่านพี่นึกออกหมดแล้วใช่ไหมเจ้าคะ” “อื้มพอจะจำได้อยู่” เซี่ยซานซานมองพี่สาวที่กำลังทำท่าคิดทบทวนความทรงจำของตนเองอยู่ พลันรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่เข้าท่าอยู่ “ท่านพี่บ้านเราไม่มีครัวนะเจ้าคะ” “เอ๋ ครัว จริงด้วยสิ มื้อเย็นของพวกเรา” เซี่ยซือซือรีบลุกพรวดขึ้น เปิดประตูเดินกลับไปยังลานหน้าบ้านสกุลเซี่ย เห็นตะกร้าสามใบวางอยู่ที่เดิมพลันนึกโล่งอก แต่พอเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็ต้องหัวเราะออกมาเบา ๆ ผักป่าถูกคนนำออกไปจนหมด เหลือไว้เพียงมันฝรั่งในตะกร้าของนางเอง เจ้าพวกโง่ ไม่รู้จักของอร่อย นางบ่นในใจก่อนหิ้วตะกร้าทั้งสามใบกลับเข้าบ้านตนเองไป ตะกร้าพวกนี้เป็นท่านพ่อของนางสานให้เองกับมือ คนบ้านใหญ่ไม่มีสิทธิ์ฉกมันไปจากนาง “ผักป่าเล่า” เซี่ยซานซานหน้างอเมื่อเห็นตะกร้าเปล่าของตนเอง ของน้องเล็กของนางก็ไม่ต่างกัน ก่อนนางลงมือผลักอวี่ไป๋ชิงนางวางตะกร้าผักป่าลงก่อนแล้ว ไม่น่าได้รับความเสียหายจากเหตุทะเลาะวิวาทกัน “จะเหลือรอดคนบ้านใหญ่หรืออย่างไร ยังดีที่คนพวกนั้นไม่รู้จักมันฝรั่ง ในตะกร้าข้ามีเหลืออยู่ตั้งเยอะ นี่ไงหัวมันที่ข้าเผาเอาไว้กินมื้อเย็นก็ยังอยู่” นางหยิบหัวมันสุกแล้วออกมาวางไว้บนโต๊ะไม้เก่าข้างเตียงนอน “เป็นท่านพี่ที่คิดรอบคอบ ไม่เช่นนั้นมื้อเย็นของพวกเราคงไม่มี” “ท่านหมออวี่ให้ยาทามาตลับหนึ่ง ส่วนยาต้มข้าฝากท่านหมออวี่เข้าไปซื้อที่ตัวตำบล คาดว่าเย็น ๆ คงเอามาส่งให้เรา เจ้าอดทนหน่อยนะอาซาน” “เจ้าค่ะท่านพี่ ท่านหมออวี่ทายาให้ข้าก่อนหน้านี้แล้ว ไม่เป็นอันใดมากหรอก ข้าแค่ปวดหัวตุบ ๆ ไม่นานก็หายแล้วล่ะท่านพี่” “อื้ม เจ้านอนต่อเถอะ ตอนเย็นค่อยลุกมากินมันเผากัน ข้าจะนั่งอยู่ในห้องเป็นเพื่อนพวกเจ้าเอง” “เจ้าค่ะ” เพราะขึ้นเขามาค่อนครึ่งวัน อีกทั้งยังเกิดเรื่องราวมากมายขึ้นอีก ทำให้เซี่ยซานซานเหนื่อยล้ามากกว่าทุกวัน นางล้มตัวลงนอนไม่นานก็หลับไปในทันที เป็นโอกาสทีที่เซี่ยซือซือจะได้สำรวจมิติพิเศษของตนเอง นางมองจนแน่ใจน้องสาวหลับสนิทไปแล้ว จึงได้เอนตัวพิงผนังข้างห้อง ปล่อยใจให้สงบเพื่อเข้าสู่มิติพิเศษของนางเอง วูบ ! นางปรากฏตัวขึ้นในมิติพิเศษ สถานที่แห่งนี้ยังคงเหมือนเดิมทุกประการ ราวกับมันถูกเทพเซียนตนใดสร้างขึ้นมาแบบนี้ เซี่ยซือซือไม่เข้าใจความเป็นไปของมิติแห่งนี้ ไม่แน่ใจว่าน้ำพุกลางลานสามารถรักษาอาการผู้คนได้หรือไม่ นางไม่อยากใช้น้องสาวเป็นหนูทดลอง แต่ความอยากรู้อยากเห็นทำให้นางใช้มือวักน้ำมาหยดน้อย ๆ หยดลงบนแผลที่ถูกกิ่งไม้เกี่ยวบนหลังมือของตนแทน แม่เจ้า ! แผลหายสนิทในทันที เจ้าสิ่งนี้ใช้กับน้องสาวของนางในยามนี้ไม่ได้ หากบาดแผลหายเร็วจนเกินไป ย่อมเกิดความสงสัยไม่รู้จบสิ้น ภายนอกใช้รักษาบาดแผลได้ ส่วนภายในนางยังไม่เคยลอง ได้แต่ดื่มตอนร่างกายอ่อนแรง เพราะยังไม่เคยได้รับบาดเจ็บภายในแบบรุนแรง จึงไม่สามารถรู้ผลลัพธ์ที่แท้จริงของมัน ที่แน่ ๆ มันน่าจะรักษาได้ทั้งภายนอกและภายใน แบบทั้งทาทั้งดื่มได้สองวิธี นี่มันยาวิเศษชัด ๆ [1] ระบบการสอบเข้ารับราชการของจีนนั้นเรียกว่า "เคอจวี่" มีสามรอบ 1.รอบที่หนึ่ง เป็นการสอบคัดเลือกระดับท้องถิ่น ผู้ที่สอบผ่านจะได้คุณวุฒิเรียกว่า "ซิ่วไฉ" มีอีกชื่อเรียกว่า "การสอบซิ่วไฉ" 2.รอบที่สอง เป็นการสอบคัดเลือกระดับภูมิภาค (มณฑล) ผู้มีสิทธิเข้าสอบระดับนี้จะต้องได้คุณวุฒิซิ่วไฉก่อน ผู้สอบผ่านขั้นนี้จะได้คุณวุฒิ "จวี่เหริน" มีอีกชื่อเรียกว่า "การสอบจวี่เหริน" 3.รอบที่สาม เป็นการสอบรอบสุดท้าย ผู้สอบผ่านรอบนี้จะได้รับการขึ้นบัญชีเพื่อรอการเรียกบรรจุเข้ารับราชการ และได้คุณวุฒิที่เรียกว่า "จิ้นซื่อ” มีอีกชื่อเรียกว่า “การสอบจิ้นซื่อ"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม