หลังจากไล่ผู้ชายที่มีเรื่องราวลึกซึ้งชั่วข้ามคืนออกไป
ฟ้าพราวก็ตัดสินใจโทรหาป้านุ่น รอสายไม่นาน อีกฝ่ายก็รับสาย “สวัสดีค่ะป้า”
‘จ๊ะ ฟ้าว่าไงลูก มีอะไรเหรอ? ไม่สบายหรือเปล่า?’
เสียงของนุ่นยังคงอ่อนโยนแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเสมอ จนเธอต้องกลืนคำพูดที่อาจทำให้อีกฝ่ายไม่สบายใจลงคอไป ได้ยินเสียงจากปลายสายเอ่ยอีกว่า
‘ฟ้า เรื่องหมั้นน่ะ ป้ากับลุงพิจารณาดีแล้วจริงๆ นะ คุณนายวันนี ท่านเป็นคนดีมาก ถ้าฝ้ายที่อยู่บนสวรรค์รู้เข้าต้องเห็นดีเห็นงามกับป้าแน่ อนาคตฟ้าของป้าต้องมีความสุข เชื่อป้า’
ฟ้าพราวรับฟังความหวังดีนั้นเงียบๆ ก่อนตัดสินใจขั้นเด็ดขาดกลอกเสียงกลับไป “ป้ามีเบอร์ติดต่อคู่หมั้นคนนั้นมั้ยคะ”
คล้ายปลายสายเหมือนจะอึ้ง ก่อนจะหัวเราะกลับมา
‘นึกว่าอะไร ที่แท้ก็อยากคุยกับเขาคนนั้นนี่เอง เบอร์คู่หมั้นไม่มีหรอกจ๊ะ มีแต่เบอร์ของคุณนายวันนี เอาไหมลูก’
“เอาค่ะป้า ขอบคุณค่ะ”
หลังจากได้เบอร์ของว่าที่แม่สามีมา ฟ้าพราวก็รีบต่อสาย เมื่อปลายทางรับสาย เธอก็แนะนำตัวทันที และเมื่อแนะนำตัวเสร็จ
‘ตายจริง หนูฟ้าเหรอลูก ป้าดีใจจริงๆ ไม่คิดว่าฟ้าจะเป็นฝ่ายโทรมา ป้าขอโทษที่ไม่ได้ดูแลหนูฟ้าเลยตั้งแต่ฝ้ายตายไป เอ่อ...ขอโทษทีจ๊ะ ป้าไม่ได้ตั้งใจพูดถึงแม่ฟ้า แต่หนูฟ้า ฝ้ายเป็นคนดีมาก ป้าอยากดูแลหนูฟ้าแทนฝ้าย ตอนนี้คงไม่สายไปใช่มั้ยจ๊ะ’
น้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยนแฝงความจริงใจจนสัมผัสได้แบบนั้นคืออะไร ฟ้าพราวรู้สึกอึ้งและทึ่งอย่างคาดไม่ถึง
“คุณนายวันนีรู้จักแม่ฝ้ายของฟ้าด้วยเหรอคะ?”
‘รู้จักสิจ๊ะ ฝ้ายกับสามีเป็นคนดีที่สุดเท่าที่ป้าเคยพบเจอ ตอนนั้นหากไม่ได้ฝ้าย ป้าคงไม่มีวันนี้’
วันนีสาธยายความดีของฝ้ายให้ว่าที่ลูกสะใภ้ฟังอย่างไม่คิดจะปิดบัง ตอนที่เธอเริ่มฟื้นตัวและอยู่ได้ ฝ้ายก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมสามี เธอได้ข่าวว่าลูกสาวตัวน้อยของฝ้ายได้อยู่กับป้าซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆ ของฝ้าย ทั้งยังเป็นเจ้าของรีสอร์ทมีฐานะดี จึงวางใจว่าเด็กอยู่สุขสบายจึงไม่คิดก้าวก่ายอะไร จวบจนได้รับการติดต่อเข้ามาเพื่อขอความช่วยเหลือ เธอจึงช่วยเหลืออย่างเต็มใจและเต็มที่ แล้วก็ตัดสินใจให้หมั้นหมายกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองเสียเลย จะได้ดูแลกันตลอดไป
‘หนูฟ้า ลูกชายป้าเป็นคนดีมากเลยนะลูก ทั้งหล่อทั้งเก่ง เขารับปากจะดูแลหนูแทนแม่ฝ้ายของหนู จะรักหนูคนเดียว’
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ฟ้าพราวก็ได้ฟังสรรพคุณอันล้ำเลิศของบุตรชายอีกฝ่ายจนหูชาไปหมด
ท้ายที่สุดเธอก็ขอเบอร์โทรของคู่หมั้นมาได้สำเร็จ
‘รีบโทรหาเลยนะจ๊ะ จะได้แลกเบอร์แลกไลน์เอาไว้คุยกัน’
วันนีหัวเราะมีความสุขแล้วปิดท้ายแค่นั้นก่อนวางสายไป ทิ้งฟ้าพราวให้นั่งมองโทรศัพท์ในมือตาปริบๆ รู้สึกหน่วงนิดๆ
“ว่าแต่เขาชื่ออะไรล่ะ คุณวันนีไม่ได้บอก เฮ้อ! ช่างเหอะ”
ฟ้าพราวส่ายหัวไล่ความมึนก่อนกดเบอร์โทรออก ทว่าปลายสายคล้ายไม่ว่าง เสียงสัญญาณดังตึ๊ดๆ ติดกันแล้วตัดไป
หลังจากวางสายโทรศัพท์จากมารดา วิณณ์ก็นั่งรอสายเรียกเข้าจากคู่หมั้นสาวอย่างใจเย็น เมื่อครู่เขาเห็นสายซ้อนแล้ว ทว่ากำลังฟังมารดาเล่าให้ฟังว่าได้คุยกับฟ้าพราวจึงไม่ทันได้รับ
รออีกเดี๋ยว ถ้าเธอไม่โทรมาอีก เขาจะโทรหาเธอเอง
วิณณ์รอไม่นาน ฟ้าพราวก็โทรซ้ำเข้ามาอีก
มุมปากชายหนุ่มค่อยๆ ยกโค้ง เขาปรับน้ำเสียงของตัวเองให้ทุ้มต่ำมากกว่าเดิมเพื่อกลบเกลื่อนเส้นเสียงยามปกติ
“สวัสดีครับ น้องฟ้า”
ปลายสายอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนถามเสียงเบา ‘คุณรู้จักชื่อฟ้าด้วยเหรอคะ’
“คู่หมั้นตัวเองจะไม่รู้จักได้ยังไงล่ะครับ”
‘อ๋อค่ะ’ เธอยังคงเสียงเบา ‘แต่ฟ้ายังไม่รู้ชื่อคุณเลยค่ะ’
ฟังดูก็รู้ว่าคนสวยรู้สึกผิดที่ไม่ใส่ใจเท่าที่ควร วิณณ์จึงเอ่ย “เรียกพี่ว่าเพนกวินก็ได้นะครับ”
ชื่อนี้เป็นชื่อของวิณณ์สมัยเป็นเด็กชายตัวน้อย คนที่เรียกได้มีแค่เพียงมารดา
“ตอนนั้นพี่ตัวอ้วนขาวเหมือนลูกเพนกวิน แม่ก็เลยเรียกว่าเพนกวินน้อย พี่ให้น้องฟ้าเรียกได้อีกคนเป็นกรณีพิเศษเลยครับ”
ปลายสายหัวเราะเสียงหนึ่ง ‘ขอบคุณค่ะพี่เพนกวิน ตอนนั้นพี่คงตัวกลมๆ น่ารักมากแน่ๆ’
“อืม...ใครๆ ก็ว่าพี่น่ารักนะ ตอนนี้ยิ่งน่ารัก ตัวอ้วนๆ ทั้งอ้วนทั้งขี้เหร่ ฟ้ารังเกียจพี่ไหม?”
‘ไม่ค่ะ ไม่เลย’
เธอเงียบไปคล้ายอึดอัดและกำลังตัดสินใจบางอย่าง
“หืม...ทำไมเงียบไปล่ะครับ มีอะไรหรือเปล่า? ไหนว่าฟ้าไม่รังเกียจที่พี่อ้วนแล้วก็ขี้เหร่ไง ถ้าเป็นเรื่องนั้นฟ้าไม่ต้องกังวล พี่แค่ล้อเล่น ตอนนี้พี่ไม่อ้วนแล้ว พี่ทั้งหล่อทั้งรวยโปรไฟล์ดี เคยถ่ายแบบด้วยนะครับ น้องฟ้าไม่ต้องกลัวว่าจะได้คู่หมั้นขี้เหร่”
วินณ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มมาก เขาหยอกเย้าเธอไปอย่างนั้น แต่เห็นเธอเงียบไปเขาก็เป็นห่วงเธอจริงๆ
ท้ายที่สุด คนอีกฝั่งก็ฮึดสู้ เธอกรอกเสียงหวานๆ ส่งมาว่า
‘คืออย่างนี้นะคะพี่เพนกวิน มันไม่เกี่ยวกับรูปร่างและฐานะเลยค่ะ ฟ้าขอบคุณพี่เพนกวินที่เมตตารับหมั้นฟ้านะคะ ฟ้าฟังพี่พูดคุยด้วยแค่นี้ ฟ้าก็รู้แล้วว่าพี่เป็นคนดี เป็นคนที่เกินเอื้อม ฟ้าไม่เหมาะสมกับพี่เพนกวินหรอกค่ะ’
“หืม...เพราะอะไรล่ะ?”
เสียงลมหายใจสูดเข้าดังเฮือกอยู่ปลายสาย ทำเอาคนฝั่งนี้ที่รอฟังอยู่รู้สึกใจเต้นตึกตักไปด้วย
‘คือ...’ เธอโพล่งออกมา ‘ฟ้าไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีค่ะ’
ทั้งสองเงียบไปสักพัก ในที่สุดวิณณ์ก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้น
“ไม่ดียังไงเหรอครับ หรือว่าฟ้ามีแฟนหลายคนในเวลาเดียวกันเหมือนที่สาวๆ สมัยนี้ชอบทำ แบบรักเผื่อเลือกเทือกนั้น” เขาทำทีพูดเหมือนคนแก่รุ่นเก่าที่เอาแต่ชอบบ่นชอบว่าเด็กสาวสมัยใหม่ส่วนใหญ่ที่มักจะมีค่านิยมแปลกๆ
‘ไม่ใช่ค่ะ ฟ้ายังไม่มีแฟน ไม่มีสักคน แต่ฟ้า...ฟ้าไม่ใช่ผู้หญิงที่คู่ควรแล้วค่ะ’
ความเงียบอันน่าอึดอัดเกิดขึ้นอีกครั้ง
ยังคงเป็นวิณณ์ที่ทำลายความเงียบนั้น “อ้อ...หรือว่าฟ้าไม่ได้เก็บความบริสุทธิ์ไว้ให้สามีในอนาคตอย่างพี่”
บางทีเขาก็คิดว่าฟ้าพราวเป็นยัยแก่หัวโบราณมากคนหนึ่ง เพราะเสียงคล้ายตกอกตกใจเกิดขึ้นที่ปลายสาย ทั้งจานทั้งช้อน ตกกระทบกันจนดังโคร้งเคร้งไปหมด
“ฟ้ากำลังกินข้าวอยู่เหรอครับ?” เขาอดถามไม่ได้
‘ไม่เชิงค่ะพี่ พอดีเครียดๆ การกินช่วยได้เยอะก็เลยกำลังเตรียมของกินไปด้วยค่ะตอนนี้’ พูดจบก็หัวเราะแห้งๆ เสียงหนึ่ง
เธอสูดลมหายใจอีกเล็กน้อยแล้วเอ่ยต่อ ‘เราสองคนไม่เคยเจอกันเลยก็จริง แต่ฟ้ารับรู้ได้ว่าพี่เพนกวินเป็นคนดีมากคนหนึ่ง ซึ่งฟ้าละอายใจมากเลยค่ะตอนนี้ ฟ้าไม่ดีพอสำหรับพี่เพนกวิน’
วิณณ์ยิ้มอ่อนกับคำพูดเธอ ก่อนเข้าโหมดจริงจังอีกรอบ
“ฟ้าฟังพี่นะครับ ต่อให้ฟ้าเคยผ่านมือชายมา พี่ก็ไม่รังเกียจ หรือต่อให้ตอนนี้ฟ้ากำลังคบใครอยู่พี่ก็จะรอจนกว่าฟ้าจะเปลี่ยนใจ ฟ้าแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุขอย่างเต็มที่ จำว่าพี่รออยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน ยังไงเรื่องหมั้นของเราก็ต้องมีผลต่อไปแล้วต้องแต่งงานเท่านั้น พี่จะดูแลฟ้าอย่างดีตลอดไป ปกป้องถนอมแทนพ่อกับแม่ของฟ้า อย่าทำเหมือนอยากถอนหมั้นกับพี่เลยนะครับ ตกลงไหม?”
ทันทีที่พูดจบ ชายหนุ่มคล้ายได้ยินเสียงสะอึกสะอื้น ฟ้าพราวกำลังร้องไห้อยู่อย่างไม่ต้องสงสัย
“ฟ้า น้องเป็นอะไรครับ?”
เธอกลั้นเสียงตอบ ‘ไม่ค่ะ ฟ้าไม่เป็นอะไร แค่นี้ก่อนนะคะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะพี่เพนกวิน’
จบคำวิณณ์ก็ได้ยินเสียงตัดสายสัญญาณโทรศัพท์กะทันหัน