“นี่แกล้งกันเหรอคะ” ทอดาวตกใจมาก เพราะไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่
“เปล่าแกล้งสักหน่อยครับ แต่เห็นคุณพี่สะใภ้เดินไม่มองทางเอาเสียเลยนี่ ก้มหน้าก้มตากำลังซ่อนอะไรเอาไว้หรือครับ”
“แหม... ทำมาเป็นหยอกนะคะ”
“แล้วคุณพี่สะใภ้มาทำอะไรที่นี่หรือครับ” ปกป้องยิ้มกว้างให้กับทอดาว เขาก็เงยหน้าขึ้นไปมองร้านขายยาที่ทอดาวเพิ่งเดินออกมา
“มาร้านขายยา ก็มาซื้อยาสิคะ ทอดาวมาซื้อยากับอาหารเสริมน่ะค่ะ”
“มาคนเดียวหรือครับ” ปกป้องมองไปรอบ ๆ ไม่เห็นใครสักคน และคนที่เขาหมายจะเจอก็คือพี่ชายของเขา
ทอดาวพยักหน้า และอมยิ้มนิด ๆ
“ดีแล้วแหละครับ ผมเองก็ไม่อยากเห็นหน้าใครบางคนเหมือนกัน”
ใครบางคนที่เขาหมายถึงก็คือ พี่ชายแท้ ๆ ของเขานั่นเอง ปริญเป็นพี่ชายต่างพ่อของเขา
“คุณปริญไปทำงานน่ะค่ะ”
“ทำงานหรือทำอย่างอื่นกันแน่”
“เอ๊ะ! ทำไมพูดแบบนี้ล่ะคะ ทอดาวบอกเอาไว้ก่อนนะคะ ทอดาวก็ไม่คล้อยตามคุณป้องแน่นอนค่ะ”
“เฮ้อ... ผมชักจะอิจฉาพี่ปริญเพิ่มขึ้นเสียแล้วสิ ได้ภรรยาที่ไม่หูเบา แล้วก็รักเขามาก ๆ แบบนี้ แหม... ถึงผมจะเกลียดขี้หน้าพี่ชายปานไหน แต่ผมก็ไม่อยากให้เขาเลิกกับคุณหรอกครับ ทั้ง ๆ ที่ผมก็แอบชอบคุณพี่สะใภ้อยู่เหมือนกัน ทั้งแสนดี น่ารัก ไม่มีปากมีเสียง”
ทอดาวรีบยกมือไหว้เขาปลก ๆ ถึงแม้เธอจะมีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ของเขา แต่เขาก็แก่กว่าเธอสองปี
“ขอร้องคุณป้องนะคะ คุณอย่าพูดแบบนี้ให้คุณปริญได้ยินนะคะ มันไม่ดีแน่ ๆ ถึงแม้จะเป็นการพูดเล่นก็ตาม”
“ฮือ ผมเปล่าพูดเล่นนะครับ ผมชอบพี่สะใภ้จริง ๆ”
ทอดาวยิ้มระบายเต็มหน้า “มีคนชอบ ก็ดีกว่ามีคนเกลียดน่ะค่ะ”
ปกป้องถอนหายใจ และทำสีหน้าหน่าย ๆ “ผมคงตีกองทัพของพี่ปริญไม่แตกแน่ ๆ ถ้ามีภรรยาที่รักเขามากจนเหนียวแน่นแบบนี้ ว่าแต่ตอนนี้ ถ้าไม่อยากให้ผมรังแกพี่ชายของผมละก็ คุณพี่สะใภ้ช่วยไปกินข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อยได้ไหมครับ” ทอดาวยกมือถือขึ้นมาดู
“กินตอนนี้นะเหรอคะ เพิ่งจะบ่ายสี่โมงเองค่ะ”
“ไปเหอะนะครับ เพราะว่าผมยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย”
“ทำไมทำแบบนี้คะ ไม่ควรแขวนท้องอย่างนี้นะคะ เดี๋ยวเถอะ ระวังจะเป็นโรคกระเพาะค่ะ”
“ขอบคุณมากนะครับคุณพี่สะใภ้ที่เป็นห่วงผม”
“แล้วคุณป้องอยากกินอะไรล่ะคะ ทอดาวเลี้ยงเองค่ะ”
“ได้ยังไงล่ะครับ ให้ผมเลี้ยงพี่สะใภ้ดีกว่า พอดีผมได้โบนัสมานะครับ”
“โบนัสจากไหนล่ะคะ นี่ยังไม่สิ้นปีเลย” เขาหัวเราะร่า
“จากคุณแม่น่ะสิครับ” ปกป้องเอ่ยถึงคุณรัตมา
“เหรอคะ แล้วคุณแม่สบายดีหรือเปล่าคะ”
“สบายดีครับ เอ่อนี่... คุณพี่สะใภ้ช่วยบอกพี่ปริญให้ไปเยี่ยมคุณแม่ด้วยสิครับ คุณแม่บ่นคิดถึงพี่ปริญไม่เว้นแต่ละวัน”
“โธ่! จะให้ทอดาวไปพูดแบบไหนล่ะคะ ให้คุณแม่ส่งข้อความมาหาคุณปริญเถอะค่ะ ทอดาวไม่กล้าพูดกับคุณปริญหรอกค่ะ”
“เฮ้อ... แล้วจะมีใครกล้าพูดกับเขาบ้าง เขาทำตัวเหมือนไม่ใช่ลูกของคุณแม่” บ่นความน้อยใจของมารดาออกมา
ทอดาวได้แต่หนักใจ ปริญเป็นคนที่แข็งมากเกินไป ที่เขาเย็นชานั้น มันเป็นโดยพื้นฐานของปริญจริง ๆ และเขาเป็นคนเก็บความรู้สึกไม่เก่ง ไม่ชอบ ไม่พอใจก็ตีสีหน้าออกมาแบบนั้น
ทอดาวรู้ดีว่าปริญกับปกป้องมีแม่คนเดียวกัน แต่ประเด็นความแตกแยกนั้น เกิดจากพอพ่อของปริญเสีย คุณแม่ก็แต่งงานใหม่กับพ่อของปกป้อง
นั่นทำให้ปริญโกรธและเกลียดแม่มากจนไม่คิดให้อภัย แม้ลึก ๆ เขาจะรักแม่มากก็ตาม แต่ความอิจฉาในก้นบึ้งของหัวใจมีมากกว่า แม้คุณแม่จะชวนไปอยู่ด้วย เขาก็ไม่ยอมไป ปริญขออยู่กับปู่และย่ามากกว่า เขาอยากจะเป็นตัวแทนของพ่อเพื่อทำให้ปู่และย่ามีความสุขมากกว่า
ปกป้องพาทอดาวเข้าไปนั่งในร้านอาหารญี่ปุ่น ปกป้องเริ่มเรื่องของแม่อีกครั้ง
“แม่ก็แก่แล้วนะครับ จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ และช่วงนี้ก็เจ็บออด ๆ แอด ๆ”
“คุณป้องพาคุณแม่หาหมอบ้างหรือยังคะ ไปตรวจสุขภาพบ้างหรือเปล่า”
“ก็เพิ่งไปมาครับ ผมพาแม่ไปหาหมอตรวจอยู่เป็นประจำ แต่ก็นั่นแหละ โรคทางกายไม่เท่าไหร่หรอก แต่โรคทางใจมากกว่า พี่สะใภ้รู้ไหมครับ แม่น่ะรักพี่ปริญมากกว่าผมเสียอีก”
“แต่ทอดาวคิดว่า คนเป็นแม่ เป็นพ่อ ก็รักลูกเท่า ๆ กันนั่นแหละค่ะ”
“แหม... พูดเหมือนเคยมีลูกแล้วอย่างนั้นแหละ”
ทอดาวยิ้มระรื่น ความสุขบังเกิดขึ้นมาอยู่ในใจของเธอ ตอนนี้เธอท้องแล้ว เธอกำลังจะเป็นแม่คน ความรู้สึกรักและหวงแหนลูกในท้องมันปะทุขึ้นมาอย่างมากมายแบบบอกไม่ถูกความรู้สึกทั้งอิ่มเอมเปรมปรีดิ์อยู่ในหัวใจของเธอ
“สั่งสิคะ ไหนคุณป้องบอกว่าหิว”
“โอเคครับ” เขาไล่สายตาไปยังรายการอาหารในเมนู
“อย่าสั่งเยอะนะคะ ทอดาวกินได้นิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเอง”
“อ้อ ผมรู้แล้วครับ คุณพี่สะใภ้ก็ต้องกลับไปกินข้าวกับพี่ปริญใช่ไหมครับ”
ทอดาวได้แต่ระบายยิ้ม ตั้งแต่กลับมาจากปีนัง เขาก็กลับบ้านไวกว่าแต่ก่อนมาก และก็มากินข้าวเย็นกับเธอ
“ผมเอา...” แล้วเขาก็สั่งอาหารไปตั้งหลายรายการ
“คุณป้องคะ” เธอปรามเขา
“ครับผมรู้แล้วครับคุณพี่สะใภ้ ผมจะรับผิดชอบในสิ่งที่ผมสั่งมาก็แล้วกัน”
++++++++++
ช่วยแนะนำ และป้ายยาให้ด้วยนะคะในกลุ่มนักอ่าน _/_