บทที่ 4 : แอบหวงแบบไม่รู้ตัว (2)

2419 คำ
เกือบชั่วโมงต่อมา สองแสบถูกพามายังตัวอำเภอเพื่อส่งตัวกลับไปยังกรุงเทพฯด้วยรถประจำทาง แต่ระหว่างที่รอขึ้นรถก็มิวายขอตัวไปซื้อของฝากที่ร้านขายของที่ระลึกของอำเภอผาตะวันซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆบริเวณนั้น “อ้าว…อิง!”ชนิกานต์เบิกตากว้างเรียกสาวน้อยเจ้าของชื่อด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เมื่อบังเอิญเจอกันอีกครั้ง “แพท! ใช่แพทจริงๆด้วย” อิงครัตระบายยิ้มกว้างด้วยความดีใจเมื่อหันมาตามเสียงหวานแล้วเห็นว่าเป็นใคร จากนั้นก็รีบหมุนตัวก้าวยาวๆเดินเข้ามาด้วยความรวดเร็ว “นายอำเภอคะนี่แพทคนที่ฉันเล่าให้ฟังเมื่อคืนไงคะ พอดีเมื่อวานเราสองคนเจอกันที่นี่และบังเอิญหยิบผ้าผืนเดียวกันก็เลยมีโอกาสได้ทำความรู้จักกันนิดหน่อย ไม่อยากจะเชื่อว่าเราจะได้เจอกันที่นี่อีกครั้ง” อิงครัตบอกกับสามีที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น รอยยิ้มระบายเต็มใบหน้างามตลอดเวลา เพราะทั้งคืนมานี้เธอได้ภาวนาให้เจอกันอีกครั้ง เพื่อไหว้วานให้เธอมาช่วยออกแบบผ้าทอของชาวบ้านผาตะวันให้มีความทันสมัย โดดเด่น เนื่องจากเมื่อวานที่ได้พูดคุยกันชนิกานต์บอกว่าตัวเองนั้นเรียนจบดีไซน์เนอร์มา “นายอำเภอศรัณ สวัสดีค่ะ” เมื่อเห็นนายอำเภอหนุ่ม ชนิกานต์ก็ต้องยกมือไหว้ทักทายอย่างที่เคยทำ เธอไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่เจอเพื่อนของพี่ชายที่นี่ เพราะศรัณเป็นนายอำเภอประจำการอยู่ที่อำเภอผาตะวันแห่งนี้ ทว่าแปลกใจเรื่องอื่นเสียมากกว่า “อย่าบอกนะคะว่าอิงเป็นภรรยาของนายอำเภอ” “ใช่ครับ นี่อิงครัตภรรยาของพี่ เราเพิ่งจะเดินทางกลับจากกรุงเทพเมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลังจากงานแต่งเสร็จสิ้น เสียดายที่แพทยังไม่ได้กลับจากเมืองนอกเลยไม่ได้ไปร่วมงานแต่งพี่ ไม่อย่างนั้นแพทกับอิงคงได้รู้จักกันตั้งแต่กรุงเทพฯแล้ว” “อ้าว…นี่สองคนรู้จักกันด้วยเหรอคะ” อิงครัตร้องถามด้วยความแปลกใจ มองหน้าสามีสลับกับเพื่อนสาวคนใหม่แล้วทำหน้างงๆ แต่ไม่นานก็ได้รับความกระจ่างเมื่อเสียงทุ้มนุ่มของสามีอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟัง “อืม…แพทเป็นน้องสาวของไอ้ผู้กองอิท เวลาไปเยี่ยมมันก็จะได้เจอกับน้องแพทบ่อยๆ เห็นกันมาตั้งแต่เป็นเด็กๆแล้ว” “โลกกลมจังเลยนะคะ ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ฉันกำลังตามหาจะเป็นน้องสาวของผู้กองอิทนี่เอง” “อิงตามหาแพททำไมเหรอ”ชนิกานต์เลิกคิ้วถามด้วยความแปลกใจ เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังตามหาเธอ “พอดีอิงว่าจะชวนแพทให้มาช่วยออกแบบผ้าทอของชาวบ้านผาตะวันให้มีความโดดเด่น และทันสมัย เป็นการเพิ่มมูลค่าของสินค้าให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่จะช่วยแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควันของอำเภอผาตะวัน แพทสนใจจะมาเป็นอาสาสมัครในฐานควบคุมไฟป่าด้วยไหมล่ะ” เมื่อได้ฟังช่องทางที่จะได้อยู่ผาตะวันต่อ ชนิกานต์ก็หูผึ่งทันที ใบหน้างามระบายยิ้มออกมาแต่แล้วก็ต้องหุบลงพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อย “สนใจสิ แต่น่าเสียดายที่แพทคงอยู่ช่วยไม่ได้“ “อ้าว…ทำไมล่ะ” “ก็พี่อิทนะสิจะส่งตัวแพทกลับกรุงเทพฯท่าเดียวเลย นี่ก็เพิ่งมาถึงเมื่อวานก็ให้กลับแล้ว ขอร้องยังไงก็ไม่ยอม” สาวน้อยทำหน้างอเมื่อพี่ชายบุญธรรมไม่ยอมให้อยู่ มีแต่จะตั้งท่าให้กลับบ้านทั้งที่เธออุตส่าห์ดั้นด้นมาหาเขาถึงที่นี่ ซึ่งแน่นอนว่าสีหน้าเศร้าๆของเธอนั้นได้รับความเห็นอกเห็นใจจากเพื่อนสาวคนใหม่ของเธอแถมยังมีดีกรีเป็นถึงคุณนายของนายอำเภอผาตะวันเป็นอย่างมาก จนอดไม่ได้ต้องหันมาอ้อนสามี “นายอำเภอช่วยคุยกับผู้กองอิทให้ทีสิคะ ฉันอยากจะให้แพทเป็นอาสาสมัครอยู่ที่นี่ก่อน ถ้าผู้กองไม่สะดวกให้แพทอยู่ที่หน่วยทหารก็ไม่เป็นไร ให้แพทไปพักอยู่กับเราที่บ้านพักนายอำเภอก็ได้ ที่บ้านมีตั้งสองห้องนอน” อิงครัตไม่พูดเปล่า แต่เธอยังเดินมาประชิดตัวร่างใหญ่ของสามีแล้วถูใบหน้าเนียนกับแขนล่ำของอีกฝ่ายไปมาเป็นการออดอ้อนที่ศรัณไม่สามารถต้านทานได้ “เอาละๆ…เดี๋ยวผมจะลองคุยกับไอ้ผู้กองให้ก็แล้วกัน” ศรัณยอมแพ้พร้อมตกปากรับคำ เมื่อเจอลูกอ้อนของภรรยาคนสวย สาบานได้ว่าถ้าอยู่ด้วยกันตามลำพังจะจับมาหอมสักฟอดสองฟอดกับความน่ารักของเธอ หากแต่ตอนนี้ต้องสงวนท่าทีเอาไว้เพราะนอกจากสองสาวแล้วบริเวณนี้ยังมีชาวบ้านอีกหลายคนที่เดินไปเดินมา “ขอบคุณค่ะนายอำเภอ” อิงครัตกล่าวขอบคุณสามีเสียหวาน ก่อนจะหันมาจับมือเพื่อนใหม่บีบไว้แน่นด้วยความดีใจ “ถ้านายอำเภอคุยให้ ผู้กองต้องยอมให้แพทอยู่ต่อแน่ๆ” อิงครัตบอกด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ เพราะทั้งสองเป็นเพื่อนอยู่ในแก๊งเดียวกัน ทำให้คนที่รอลุ้นอยู่ถึงกับต้องฉีกยิ้มกว้างออกมาทันที จากนั้นก็ขยับมากระซิบบอกอีกฝ่ายให้ได้ยินกันเพียงสองคน “ขอบใจมากนะอิง ที่ช่วยขอร้องนายอำเภอให้ไปพูดกับพี่อิท” “เราต่างหากที่ต้องขอบใจแพท ที่อุตส่าห์จะมาเป็นอาสาสมัครช่วยชาวบ้านออกแบบสินค้า เพราะถ้าเราจ้างดีไซน์เนอร์มืออาชีพมาชาวบ้านคงสู้ค่าตัวไม่ไหวแน่” “ยินดีมาก ไว้จะออกแบบให้หลากหลายคอลเลคชั่นเลย” “งั้นเราเข้าไปดูผ้าข้างในร้านกันก่อนดีกว่า” “ดีเหมือนกัน” ชนิกานต์พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่สองสาวจะจูงมือเดินเข้าไปในร้านโดยไม่สนใจนายอำเภอหนุ่มอีก ปล่อยให้นัยน์ตาคมกริบมองตามพลางส่ายหน้าเบาๆ …………………………..………………. เมื่อใกล้เวลาที่รถประจำทางจะออกเดินทาง อิทธิฤทธิ์ก็ต้องขมวดคิ้วยุ่ง เมื่อเห็นว่าสาวน้อยที่ขอตัวไปซื้อของฝากยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาเตรียมตัวขึ้นรถ ร่างสูงสง่าลุกจากเก้าอี้ของท่ารถ ก่อนจะเดินตามหาสาวน้อยในที่ที่คาดว่าเธอจะไป แล้วก็มาหยุดอยู่ที่หน้าร้านขายของที่ระลึก เมื่อเห็นร่างสูงสง่าของนายอำเภอหนุ่มผาตะวันยืนพิงผนังร้านอยู่ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามาเฝ้าภรรยาป้ายแดง เพราะเพื่อนของเขาเพิ่งจะแต่งงานกับภรรยาคนสวยที่แอบรักมาตั้งแต่วัยเด็ก และช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน ไปไหนมาไหนก็มักจะเห็นสองสามีภรรยาตัวติดกันเป็นเงา เห็นคนกำลังคลั่งรักแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ “ไอ้ศรัณ เห็นน้องแพทเดินมาแถวนี้หรือเปล่า”อิทธิฤทธิ์เอ่ยถามนายอำเภอหนุ่มก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้า “อยู่ข้างในร้าน กำลังคุยกับอิง” “นายหมายถึงคุณอิง คุณนายของนายงั้นเหรอ” “อืม…ใช่” “ไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” อิทธิฤทธิ์ย้อนถามพลางเลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจ ดวงตาคมกริบหรี่แคบลงขณะรอฟังคำตอบ “มันเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า เมื่อวานสองสาวเจอกันที่ร้านขายของที่ระลึกเลยได้ทำความรู้จักกัน เห็นอิงชวนน้องแพทมาเป็นอาสาสมัครช่วยดีไซน์เครื่องแต่งกายชนเผ่าให้โดดเด่น ทันสมัย เป็นการเพิ่มมูลค่าและดึงดูดลูกค้าให้สนใจสินค้าของชาวบ้านอำเภอผาตะวัน ถ้าเกิดฉันจะขออนุญาตนายให้น้องแพทอยู่ผาตะวันต่ออีกสักพักนายคงไม่ว่าอะไรหรอกใช่ไหมเพื่อน” “เฮ้ย… ไม่ได้นะโว้ย! ฉันกำลังจะส่งยายตัวป่วนกลับกรุงเทพวันนี้” “ทำไมต้องรีบส่งตัวกลับนักวะ น้องแพทก็เพิ่งจะมาถึงเมื่อวานไม่ใช่เหรอ” “ก็เพราะเพิ่งมาถึงเมื่อวานไงถึงต้องรีบส่งกลับด่วน นายรู้อะไรไหม ตั้งแต่เธอมาถึงรถทั้งหน่วยถูกปล่อยลมยาง โรงอาหารถูกไฟไหม้ทั้งหลัง ฉันไม่บอกนายก็คงรู้ใช่ไหมว่าเป็นฝีมือใคร” อิทธิฤทธิ์เล่าด้วยน้ำเสียงที่มีอารมณ์ ทำเอานายอำเภอหนุ่มถึงกับอึ้งไปเล็กน้อยกับวีรกรรมแสบๆของเจ้าหล่อน เพราะได้รู้จักกับชนิกานต์มาตั้งแต่เด็กจึงไม่คิดว่าเพื่อนนั้นจะพูดเกินจริง “เอาน่า คิดเสียว่าเป็นอุบัติเหตุก็แล้วกัน เอาเป็นว่าเรื่องส่งตัวกลับกรุงเทพเอาไว้ก่อน ตอนนี้ขอให้น้องแพทอยู่ช่วยชาวบ้านก่อน” นายอำเภอหนุ่มคิดบวกกับเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมสรุปให้เสร็จสับ ทว่าอิทธิฤทธิ์ยังคงส่ายหน้าไปมาไม่เห็นด้วย “จะอยู่ช่วย หรืออยู่ป่วนกันแน่” “นายก็มองน้องสาวในแง่ร้ายเกินไป ยังไงก็ลองให้โอกาสเธอหน่อยแล้วกัน” “แล้วถ้าเกิดเธอสร้างความเสียหายอีก นายจะรับผิดชอบไหมล่ะ” อิทธิฤทธิ์ย้อนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เขากลัวที่สุด ซึ่งนายอำเภอหนุ่มก็ให้ความสบายใจโดยการขอรับผิดชอบแทนโดยการเอ่ยกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเช่นกัน “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก เพราะน้องแพทจะมาพักกับเราที่บ้านพัก เดี๋ยวฉันจะดูแลเธอเอง” “ฉันขอเตือนไว้เลยว่าอย่าให้เธอเข้าครัวเป็นอันขาด! ไม่อย่างนั้นบ้านพักของนายวอดไปทั้งหลังแน่” ศรัณระบายยิ้มอ่อนกับคำเตือนของเพื่อน เพราะหากว่าผู้กองหนุ่มพูดแบบนี้แล้วก็แสดงว่าเขานั้นยอมให้สาวน้อยอยู่ต่อ “รู้แล้วน่า ไว้ฉันจะระวังเป็นพิเศษก็แล้วกัน” ศรัณตบไหล่เพื่อนหนักๆเป็นการแสดงความขอบคุณโดยไม่ต้องพูดมันออกมา จากนั้นสองหนุ่มก็พูดคุยกันอีกพักใหญ่ ก่อนจะวนกลับมาที่เรื่องเดิม ซึ่งก็หนีไม่พ้นสาวน้อยตัวป่วนอีกจนได้ “ว่าแต่ให้น้องแพทพักอยู่ที่บ้านพักฉัน นายจะโอเคจริงเหรอวะ” คำถามพร้อมแววตาล้อเลียนนี่สิ ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของผู้กองหนุ่มเปลี่ยนไปทันที “นายถามแบบนี้หมายความว่าไงวะไอ้ศรัณ” “ก็ถามไว้ก่อนเผื่อนายหวงน้องแพทไม่ยอมให้เอาไปห่างกาย” “พูดบ้าอะไร!” อิทธิฤทธิ์ย้อนเสียงขุ่น! เมื่อเหตุการณ์เมื่อสี่ปีผุดขึ้นมาในห้วงความจำอีกครั้ง เพราะประโยคของสาวน้อยในวันนั้นแท้ๆเลยถูกเพื่อนในแก้งแซวไม่เลิกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ‘แพทอยากได้ตัวและหัวใจของพี่อิทค่ะ’ “จะว่าไปแล้ว กลับมาคราวนี้น้องแพทโตเป็นสาวและสวยกว่าแต่ก่อนมากนะ ไม่คิดจะเปลี่ยนใจหน่อยเหรอวะไอ้ผู้กอง” ประโยคนี้เขาเพิ่งเจอภูมินทร์แซวมาเมื่อเช้า และตอนนี้ก็มาเจอศรัณแซวอีก เลยทำให้ผู้กองหนุ่มโกรธจนแทบจะลุกเป็นไฟ “ถ้าไม่อยากโดนถีบต่อหน้าชาวบ้านละก็เลิกแซวฉันได้แล้วไอ้นายอำเภอ” อิทธิฤทธิ์ว่าเสียงลอดไรฟัน ทว่าคนแซวกลับหัวเราะชอบใจราวกับเห็นอารมณ์ขุ่นๆของเพื่อนเป็นเรื่องสนุก และก่อนที่สองหนุ่มจะได้วางมวยกัน เสียงใสๆของคุณนายป้ายแดงก็ดังขึ้นมาเสียก่อน “ผู้กอง…สวัสดีค่ะ” อิงครัตเอ่ยทักชายหนุ่มพร้อมกับยกมือไว้ด้วยกิริยาอ่อนช้อย ก่อนจะเดินมาหาสองหนุ่ม โดยมีเพื่อนสาวคนใหม่ที่เดินตามมาติดๆ “สวัสดีครับคุณอิง” อิทธิฤทธิ์รีบปรับอารมณ์ก่อนจะรับไหว้พร้อมเอ่ยทักทาย แต่ทว่าสายตาคมกริบของเขากลับมองข้ามไหล่มนไปทางคนที่เดินตามหลังมา “พอดีอิงอยากจะขอยืมตัวน้องสาวของผู้กองอยู่ช่วยงานเราที่ผาตะวันสักพัก และก็อยากให้อิงพักกับเราที่นี่ ผู้กองคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ” “นะคะพี่อิท แพทอยากจะเป็นอาสาสมัครที่นี่จริงๆ ให้แพทอยู่ต่อที่ผาตะวันเถอะนะ” ชนิกานต์เสริมขึ้นอีกคน พร้อมกับเดินมาเขย่าแขนผู้กอหนุ่มแรงๆเป็นการออดอ้อนราวกับเด็กน้อย เช่นทุกครั้งอย่างเคยชิน “ถ้าพี่อนุญาตก็อย่าไปก่อเรื่องให้ใครเขาเดือดร้อนอีกก็แล้วกัน” อิทธิฤทธิ์ยอมแพ้พร้อมกับแกะมือเล็กให้ออกจากแขน เพราะตอนนี้สองสามีภรรยาป้ายแดงกำลังมองมาทางเขาด้วยสายตาแปลกๆ ขืนปล่อยให้สาวน้อยแสดงกิริยาแบบนี้กับเขานานๆเกรงจะถูกเพื่อนแซวไม่เลิก “แพทสัญญาค่ะพี่อิท ขอบคุณมากนะคะ พี่อิทน่ารักที่สุดเลย” ชนิกานต์กล่าวขอบคุณเสียงใสขณะที่รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้างามทันที สาวน้อยผละจากแขนใหญ่แล้วก็ทำในสิ่งที่เคยชินโดยการจุ๊บไปที่แก้มสากของชายหนุ่มแทนคำขอบคุณ ด้วยความรู้สึกดีใจสุดขีด เพราะการอนุญาตของเขาทำให้เธอไม่ต้องถูกส่งตัวกลับกรุงเทพแล้ว ทว่าคนถูกกระทำถึงกับชะงักนิ่ง หัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน แต่แล้วเสียงหวานก็ทำให้เขาได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว “งั้นรอแพทสักครู่นะ เดี๋ยวไปเอากระเป๋าที่รถพี่อิทก่อน”พูดจบชนิกานต์ก็วิ่งหายไป “ไงไอ้อิท หวั่นไหวบ้างหรือยังวะเพื่อน” นายอำเภอหนุ่มตบไหล่เพื่อนเบาๆ พร้อมกับยักคิ้วล้อเลียนปิดท้ายก่อนจะเดินไปโอบเอวภรรยา ปล่อยให้อิทธิฤทธิ์มองตามร่างสูงๆของเพื่อนพลางคำรามตามหลังเมื่อไม่สามารถทำอะไรได้ “ไอ้นายอำเภอ!” และในวันนั้นคนที่ถูกส่งตัวกลับกรุงเทพฯก็มีเพียงไชยาคนเดียว ก่อนขึ้นรถอิทธิฤทธิ์กำชับเด็กหนุ่มให้ช่วยรายงานเรื่องที่ชนิกานต์เดินทางมาหาเขาที่นี่เพื่อที่พ่อแม่ของเธอจะได้ไม่ต้องวุ่นวายใจ ส่งคนตามหาและเป็นห่วงมากจนเกินไป ……………………………………………….
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม