บทที่ 3 : ตัวป่วน (1)

1493 คำ
‘กรี๊ด! นั่นเสียงอะไร’ ชนิกานต์ใจหล่นวูบเมื่อล้มตัวลงนอนแล้วได้ยินเสียงไม่คุ้นหูดังลอดผ่านช่องหน้าต่างไม้แคบๆ ทำให้บรรยากาศในค่ำคืนที่อันแสนเงียบสงัดและมืดสนิทน่ากลัวขึ้นอีกเท่าตัว มือเล็กรีบควานหาโทรศัพท์ที่วางเอาไว้ข้างตัวก่อนจะกดเปิดไฟฉายให้ความสว่างทั้งที่เพิ่งปิดมันไปไม่ถึงนาที และไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็มายืนเคาะประตูห้องนอนอีกห้องรัวๆด้วยอาการรีบรน “มีอะไรแพท ดึกแล้วทำไมยังไม่นอน” เจ้าของร่างสูงสง่าเปิดประตูออกมาพร้อมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียเล็กน้อย ด้วยความเหนื่อยล้าจากการโหมงานหนักมาตลอดทั้งวันทำให้พอหัวถึงหมอนก็นอนหลับไปอย่างง่ายดาย แต่หลับยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นปลุกคนหูไวให้รีบตื่นมาจุดตะเกียงบนหัวเตียงแล้วเดินมาเปิดประตูให้ “แพทนอนไม่หลับค่ะพี่อิท เสียงอะไรก็ไม่รู้ดังอยู่นั่นแหละ พี่อิท ลองฟังดูสิคะน่ากลัวเหมือนในหนังสยองขวัญเลย” พูดจบสาวน้อยก็ห่อไหล่ด้วยอาการขนหัวลุก พลางหุบปากเงียบเพื่อให้อีกฝ่ายได้ฟังเสียงที่ดังแว่วเข้ามาไม่หยุด “นั่นมันเสียงนกฮูก ไม่เคยได้ยินหรือไง ตอนกลางคืนมันจะออกมาหาเหยื่อ ถ้าแพทอยู่ที่นี่ก็จะได้ยินเสียงแบบนี้ทุกคืนแหละ”อิทธิฤทธิ์อธิบายพลางสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่ายสักพักก็เอ่ยต่อ “เปลี่ยนใจกลับกรุงเทพตอนนี้ก็ยังไม่สายนะแพท พรุ่งนี้พี่จะได้ไปส่งพร้อมไชยา” “ไม่เอา แพทไม่กลับ!” สาวน้อยสวนกลับทันควันด้วยน้ำเสียงรัวเร็ว ก่อนจะค่อยๆส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม และมันก็ดูมีพิรุธมากจนคนมองดูออกว่านั่นเป็นการเสแสร้งแกล้งทำเสียมากกว่าจะออกมาจากใจจริง แถมท่าทางหวาดกลัวของเธอเมื่อกี้ก็มลายหายไปสิ้นอย่างรวดเร็ว “พี่อนุญาตให้ไชยาไปนอนเป็นเพื่อนแพทนะ แพทไม่กล้านอนคนเดียว นะคะพี่อิท” ชนิกานต์ออดอ้อนเสียงใส ไม่ได้รู้สึกอึดอัดขัดเขินกับประโยคที่เอ่ยขอเลยแม้แต่น้อย หารู้ไม่ว่าอารมณ์ของคนถูกอ้อนวอนกำลังเดือดปุดขึ้นมาจนต้องขบกรามเข้าหากันแน่นเป็นสานนูน ‘อนุญาตให้ไปนอนเป็นเพื่อนงั้นเหรอ…ให้ตายเถอะ!’ อิทธิฤทธิ์ไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินประโยคอ้อนวอนเป็นเด็กน้อยไม่รู้จักโตนี้จากปากสวยๆของเธอ แม้เขาจะรู้ดีว่าเธอกับไชยาเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ตอนนี้ทั้งสองก็เติบโตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วจะให้ไปนอนห้องเดียวกันสองต่อสองได้ยังไง “ไม่อนุญาต ที่นี่ไม่ใช่คฤหาสน์ในเมืองกรุง อยู่ที่นี่แพทจะอ้อนขอทุกอย่างตามใจไม่ได้ เพราะพี่จะไม่ตามใจอะไรเราทั้งนั้น ถ้าแพทจะอยู่ในฐานะอาสาสมัครพี่ก็จะไม่ห้าม แต่บอกไว้ก่อนว่าพี่จะไม่ให้อภิสิทธิ์พิเศษใดใดกับแพททั้งสิ้น” อิทธิฤทธิ์เน้นเสียงหนักทุกประโยค จงใจย้ำให้อีกฝ่ายรู้ถึงสถานะของตัวเองและสิ่งที่ควรปฏิบัติระหว่างใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ “ยกเว้นเรื่องนี้ได้ไหมคะพี่อิท แพทไม่กล้านอนคนเดียวจริงๆ ไว้แพทปรับตัวได้เมื่อไหร่จะไม่มาขอร้องอะไรพี่อิทเลย นะคะ” ได้ยินน้ำเสียงอ้อนวอน พร้อมแววตาที่น่าสงสาร ชายหนุ่มก็ต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างอ่อนอกอ่อนใจ “แล้วคิดว่าจะปรับตัวได้เมื่อไหร่กันล่ะ” “น่าจะสักเดือนสองเดือนค่ะ” “เดือนสองเดือน! ไม่คิดว่าจะนานไปหน่อยเหรอแพท” อิทธิฤทธิ์ย้อนถามเสียงขุ่น ความไม่พอใจเริ่มก่อตัวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อสาวน้อยดื้อเกินกว่าที่เขาจะเอาอยู่ ขืนปล่อยให้ไชยาไปนอนเป็นเพื่อน หลังจากหนุ่มน้อยกลับกรุงเทพฯไป เขาไม่ต้องส่งทหารในหน่อยสับเปลี่ยนเวรไปนอนเป็นเพื่อนเธอทุกคืนจนหมดหน่วยหรอกเหรอ บ้าชะมัด! “สำหรับแพทไม่นานหรอกค่ะ แต่ถ้าพี่อิทไม่อนุญาตแพทขอนอนห้องนี้ด้วยคนเลยแล้วกันนะคะ” พูดจบร่างอรชรก็เดินแทรกตัวเข้าไปในห้องนอนอย่างถือวิสาสะโดยที่ไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต ท่ามกลางความตกใจของอิทธิฤทธิ์ต้องรีบหันมาดึงร่างอรชรเอาไว้ “ทำบ้าอะไรแพท ไม่เห็นหรือไงว่าห้องพี่มีแค่เตียงเดียว และข้างล่างไชยาก็นอนอยู่ แล้วแบบนี้แพทจะนอนได้ยังไง” “ได้สิ แพทนอนที่ไหนก็ได้ นอนข้างไชยาก็ได้ หรือจะให้นอนบนเตียงกับพี่อิทก็ได้แพทไม่เรื่องมากหรอก” พูดขณะที่ดวงตากลมโตกวาดมองไปที่บริเวณพื้นห้องซึ่งมีไชยานอนหลับสนิทท่าทางอ้าซ่าไม่คิดจะเผื่อแผ่ที่นอนให้ใคร ยากที่จะเบียดตัวลงไปนอนด้วยได้ ส่วนบนเตียงก็คับแคบเหมาะที่จะนอนคนเดียวเสียมากกว่า แต่กระนั้นสาวน้อยก็สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว “แพทจะนอนบนเตียงกับพี่อิท สัญญาว่าจะไม่นอนดิ้นค่ะ” พูดจบสาวน้อยก็ตรงดิ่งไปที่เตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนพลางระบายยิ้มกว้างเมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ “ให้ตายเถอะ! หวังว่าจะทำได้อย่างที่ปากพูดไว้นะ” อิทธิฤทธิ์สบถออกมาอย่างหงุดหงิดและหัวเสีย เขาไม่อยากต่อปากต่อคำอะไรกับเธอเพราะนี่ก็ดึกมาแล้ว ชายหนุ่มจำใจต้องพาร่างสูงสง่าของตัวเองมาที่เตียงก่อนจะล้มตัวลงข้างๆร่างอรชรที่ขยับเหลือที่ให้เขาเบียดลงไปนอนได้พอดี แต่พอจะดึงผ้าห่มมาคลุมตัวก็ถูกมือเล็กแย่งไปห่มให้ตัวเองน่าตาเฉย “แพท! นี่ผ้าห่มของพี่นะ” อิทธิฤทธิ์ว่าเสียงดุ หันมามองสาวน้อยด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย เมื่อถูกแย่งผ้าห่มผืนเดียวไป นี่ใจคอจะเอาชนะให้ได้ทุกเรื่องเลยสินะ! “ผ้าห่มมีผืนเดียวพี่เป็นทหารก็ต้องเสียสละสิ” ชนิกานต์บอกอย่างเอาแต่ใจ เพราะเป็นลูกคนเล็กของบ้าน แถมยังเป็นลูกสาวเลยได้รับการตามใจมาแต่เด็กๆ เพราะฉะนั้นไม่ว่าเธออยากได้อะไรก็จะต้องได้ แต่กระนั้นก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องและมีเหตุผลเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เพราะเธอคิดว่ายังไงเสียอิทธิฤทธิ์ก็ต้องเสียสละให้กับเธอ เนื่องจากเธอเป็นผู้หญิง ส่วนเขาเป็นผู้ชายอีกทั้งยังเป็นทหารที่ขึ้นชื่อเรื่อเสียสละเป็นที่หนึ่ง แต่ดูเหมือนเธอจะคิดผิด “ถ้าแพทอยากห่มผ้าก็ต้องแบ่งกันคนละครึ่ง เพราะถ้าพี่ไม่ห่มผ้าพี่นอนไม่หลับ” เสียงทุ้มต่ำของอิทธิฤทธิ์จริงจังทำให้สาวน้อยต้องขมวดคิ้วคิดหนักไม่น้อย จริงอยู่ว่าเธอเป็นคนขอมานอนกับเขาเอง แต่ทว่าพอจะให้ใช้ผ้าห่มผืนเดียวกันก็เกิดความลังเลใจเล็กน้อย เพราะเธอไม่ชอบแบ่งของใช้ส่วนตัวให้ใครโดยเฉพาะผ้าห่มที่ชีวิตนี้เธอคิดว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรใช้ร่วมกัน เมื่อเห็นว่าสาวน้อยเงียบไปอิทธิฤทธิ์ก็เลยต้องเอ่ยถามซ้ำ “ว่าไงแพท จะแบ่งผ้าห่มให้พี่ได้หรือเปล่า” สาวน้อยหรี่ตาลงพร้อมกับจ้องใบหน้าหล่อเหลาในความสว่างเพียงรำไรจากแสงตะเกียงบนหัวเตียงราวกับใช้ความคิด แต่เพียงครู่เดียวก็พูดขึ้น “ก็ได้ค่ะ แพทจะแบ่งผ้าห่มให้พี่ครึ่งหนึ่ง แต่มีข้อแม้ว่าตอนแพท นอนหลับห้ามดึงผ้าห่มของแพทไปจนหมดนะ ไม่งั้นแพทโกรธพี่จริงๆด้วย” ‘กลัวตายละ!’ อิทธิฤทธิ์สวนกลับในใจ แต่ก็ไม่คิดจะพูดมันออกมา เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่เกินกว่าที่จะมาเถียงกับใครเป็นเด็กๆ ชายหนุ่มขยับไปเป่าตะเกียงให้ดับ จากนั้นก็ล้มตัวนอนลงพร้อมดึงผ้าห่มผืนบางมาคลุมตัวเอาไว้ครึ่งตัวก่อนที่จะปิดเปลือกตาลง “ฝันดีค่ะพี่อิท” เสียงหวานบอกพร้อมกับขยับมาจุ๊บแก้มสากๆไปทีหนึ่งเป็นการลาด้วยความเคยชินเวลาที่ได้ไปขอนอนกับมารดา โดยที่ไม่รู้เลยว่าการกระทำของตัวเองกำลังทำให้คนที่ตั้งใจจะหลับตาต้องเปลี่ยนมาเป็นลืมตาโพล่งในความมืด พร้อมกับร่างกายที่ตื่นตัวขึ้นมาอย่างเงียบๆ ‘ให้ตายเถอะ!’ อิทธิฤทธิ์สบถในใจอยากจะกลั้นใจตายกับความเป็นเด็กไม่รู้จักโตของสาวน้อยให้รู้แล้วรู้รอด นี่เธอจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าการกระทำแบบนี้มันไม่ควร…ชนิกานต์! ……………………………………………….
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม