บทที่ 9 เค้นคำตอบ NC

2353 คำ
นางถูกลากตัวมายังตำหนักที่อยู่ลึกเข้าไปจากตำหนักหลักของนาง ผ่านสวนและลานพักผ่อนด้านหน้าเข้ามาเจอตำหนักขนาดใหญ่ ภายในมีข้าวของครบครันและยังดูราคาแพงอีกด้วย นี่คงเป็นตำหนักที่จ้าวลู่ชิงมอบให้แก่เขา ตุ้บ “โอ๊ย!” ไอ้คนป่าเถื่อนโยนนางลงพื้นอย่างไม่นึกกลัวว่าร่างกายนางจะบอบช้ำ กู่ฉางเฟิงยืนกอดอกมองนางที่นั่งโอดโอยอยู่ที่พื้นก่อนจะออกคำสั่งเสียงเข้ม “ดูท่าเจ้าไม่อยากอยู่อย่างสงบดั่งที่เจ้าเคยพูดไว้” “ท่านหมายความว่าเช่นไร” นางกล่าวเสียงอ่อนทั้งเจ็บทั้งปวดแต่เมื่อเห็นสายตาเฉียบคมจากกู่ฉางเฟิงจึงทำให้นางต้องรีบอธิบายโดยทันที “..จะให้ข้าทำเยี่ยงไรต่อความกดดันตรงหน้า ยิ่งพักนี้คนเริ่มระแคะระคายในความสัมพันธ์ของท่านกับข้าที่ราวกับสลับบทบาทกันเช่นนั้น” “นอกจากให้ข้ากลายเป็นบุรุษของเจ้าแล้ว คงไม่มีสิ่งใดที่แย่ไปกว่านี้แล้วจ้าวลู่ชิง!” “แสร้งเป็นคนรักของข้าไม่ดีเช่นไร ข้าทั้งรวย ทั้งสวย ทั้งฉลาด แถมอึ๋มมากด้วย!” “หึ เป็นเช่นนั้นรึ” “!!” ใบหน้าคมกระตุกยิ้มร้ายกาจ ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาอย่างช้า ๆ นางรู้สึกได้ว่านางกำลังถูกคุกคามทางสายตา “จะทำอะไรน่ะ!” จ้าวลู่ชิงถอยร่นจนชิดกำแพง หันซ้ายขวาก็ไร้ทางรอด มองกลับมาตรงหน้าก็พบกับเสือร้ายที่จ้องจะตะครุบนาง กู่ฉางเฟิงยิ้มเยาะ นางกำลังแสร้งจำไม่ได้หรือว่านางเป็นผู้มอบพรหมจรรย์ให้กับเขา “ก็เมียข้าทั้งสวย ทั้งร่ำรวย และ..” ตาก้มลงมองต่ำลงไปถึงหน้าอกคู่อวบ “คนลามกใครเมียท่าน!” นางรีบยกมือขึ้นมาปิดส่วนอกที่ใหญ่เกินตัวของนาง เบี่ยงหลบสายตาเจ้าชู้ที่มองมา แต่แล้วมือของนางกลับถูกกระชากออกอย่างแรง “ข้าเจ็บนะ!” “จะปิดไปไยในเมื่อข้าก็เคยเห็นมาหมดแล้ว สัมผัสตัวเจ้าทุกส่วนแล้ว” เสียงกระซิบนุ่มลึกพานพาให้ใจสั่นไหว ใบหน้าหล่อคมคายเขยิบเข้ามาหา สองมือยังคงถูกเขาตรึงเอาไว้ ร่างหนาประกบชิดใกล้จนได้กลิ่นบุรุษที่ปลุกเร้าให้ใจเต้นผิดจังหวะ อีกทั้งคำพูดที่ราวกับเป็นฟ้าผ่าลงกลางใจ นางไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะพูดเรื่องจริง นางกับเขาเราเคยร่วมเตียงกันมาก่อน! “...” “เจ้าใช้ข้าเป็นเครื่องมือในการยกเลิกงานหมั้น ครั้งนี้เจ้าคิดจะทำการสิ่งใดอีกกัน จ้าวลู่ชิง!” ข้อมือของนางถูกบีบจนปวด “กรี๊ด!! ข้าเจ็บปล่อยนะ!!” ยิ่งนางร้องเท่าไหร่ข้อมือของนางยิ่งถูกบีบแรงเท่านั้น “ปล่อยนะมันเจ็บ!!!” นางพยายามตะเกียกตะกายออกให้ห่างจากเขา แต่เขากลับกดนางไว้ใต้ร่างพร้อมกับกระชากเสื้อของนางออก เต้าอวบสองข้างโผล่สู่สายตา เรือนร่างที่เขาได้เคยลิ้มลองมันช่างยั่วยวนเขาเหลือเกิน “กู่ฉางเฟิง อ๊าไม่!” หน้าอกของนางถูกเขาดูดอย่างรุนแรง ยอดอกถูกดูดเลียจนเปียกชื้น เขาทั้งดูดทั้งกัดจนหน้าอกเกิดรอยช้ำแดง มือหยาบตรึงแขนนางไว้บนหัวด้วยมือเดียว ในขณะที่หน้าอกอีกข้างของนางถูกเขาบีบเคล้นเล่นอย่างแรงจนนางเจ็บ “อื้อ หยุดนะ!” นางพยายามร้องขอให้เขาหยุด แต่มันกลับยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ของคนบนร่าง ลิ้นร้อนไล้เลียสลับหน้าอกทั้งสองข้าง เสียงดูดดังเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน ร่างกายบิดเร้าด้วยความเสียวซ่าน ยอดอกของนางเปียกชุ่มและแข็งเป็นไตยามถูกเขาโลมเลียอย่างไม่หยุดพัก ร่างกายอ่อนระทวยจนไม่อาจจะขัดขืน ใบหน้าหล่อเหลาผละออกจากอกคู่งาม มองใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อของสตรีตรงหน้า เขากระตุกยิ้มด้วยความพอใจ “เจ้าวางแผนอะไรไว้ ข้าจะให้โอกาสเจ้าตอบอีกครั้ง” มือใหญ่ลูบไล้หน้าอกนุ่มนิ่ม นิ้วเขี่ยเล่นที่ยอดอกในขณะที่ถามสตรีใต้ร่าง ร่างเล็กบิดเกร็งด้วยความเสียว พยายามผลักเขาออกให้ห่างจากกาย “อื้อ มะ ไม่ อ้ะ ข้าไม่มีแผนอะไรทั้งนั้น อ๊า! ข้าหาได้โป้ปด.. อื้อ!” ร่างกายถูกกระตุ้นจนร้อนไปทั่วทั้งตัว มันคล้ายกับนางถูกสูบวิญญาณออกจากร่าง เสียงหายใจของนางเริ่มหอบและถี่จนกู่ฉางเฟิงต้องหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่เพื่อดูนาง “จ้าวลู่ชิงเกิดอะไรขึ้น” “โครกก แค่ก แค่ก” นางไอจนตัวโยนและพยายามชันตัวลุกขึ้นเพราะรู้สึกแน่นหน้าอกจนหายใจไม่ออก กู่ฉางเฟิงพยุงนางขึ้นนั่งก่อนจะสวมใส่เสื้อผ้าให้นาง แววตามีความรู้สึกผิดชั่วครู่หนึ่ง “หายใจเข้าออกช้า ๆ แบบนั้นเก่งมาก” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเสียจนนางแปลกใจ แต่ยังไม่ทันที่จะได้สงสัยนางก็สำลักออกมาอีกครั้ง “แค่ก แค่ก” “นั่นเลือด! เจ้าเป็นหนักขนาดนี้เชียวรึ” // ค่ะ ใช่ค่ะ!! ตอบแบบร้องตะโกน สีหน้าของเขาไม่สู้ดีและตกใจเป็นอย่างมาก รีบหยิบผ้าผืนหนึ่งเช็ดริมฝีปากนางอย่างแผ่วเบา “สตรีโง่เง่า ไยไม่รู้จักทำให้ร่างกายของตนเองแข็งแรง ...ผ้าผืนนี้ข้าไม่เคยได้ใช้มันยังสะอาด” “ข้าขอโทษที่เคยบังคับท่านร่วมเตียงกับข้า...” “ไม่ต้องพูดแล้ว” “...” “ข้าจะพาเจ้าไปพบหมอหลวง” นางมองใบหน้าที่มีความกังวลของเขาอยู่เล็กน้อย แอบโล่งใจที่เขาไม่ได้ใจจืดใจดำอำมหิตขนาดนั้น ยิ่งนางทำตัวให้ดูน่าสงสารจะได้ความอ่อนโยนจากเขามาบ้างสักนิดใช่หรือไม่ “ร่างกายข้าอ่อนแอตั้งแต่เด็ก ข้าเองทำได้เพียงประคับประคองอาการเท่านั้น …ข้ารู้ตัวดีว่าข้าอาจอยู่ได้อีกไม่นาน” // ไม่ค่ะฉันจะแข็งแรงและไปใช้ตัง! “…” ร่างสูงรับฟังนางเงียบ ๆ ในขณะที่ยังคงเดินต่อไป จ้าวลู่ชิงเห็นท่าทีที่รับฟัง นางจึงเริ่มพูดต่อ “ข้าเป็นเพียงสตรีไม่รู้ความ หาได้มีผู้ใดมาคอยสั่งสอนไม่ สิ่งที่ข้าเคยผิดพลาดหวังว่าท่านจะให้อภัย” นางซบลงบนไหล่กว้าง หึหึ ใบหน้างดงามลอบรอยยิ้มอย่างชั่วร้าย เรื่องเคยเสียซิงนางไม่เสียใจสักนิด ยามอยู่ในโลกก่อนมันเป็นเรื่องปรกติไปแล้ว แค่เสียซิงครั้งเดียวมันไม่ใช่ปัญหาเลย ดีเสียอีกที่มีผู้ชายตกถึงท้องบ้างแล้วยังหล่อแซ่บซิกแพคแน่นขนาดนี้ “ไม่” อ้าว…!! “ทะ ท่านไม่ได้กำลังรู้สึกผิดหรือรู้สึกเสียใจกับข้าอยู่หรอกรึ” “ทำไมข้าต้องรู้สึกเช่นนั้น” “แต่ท่านกำลังรับฟังเรื่องของข้าอย่างตั้งใจมิใช่หรือ!" จ้าวลู่ชิงร้องเสียงหลง ตัวกระเด้งขึ้นตรงอย่างคนตกใจ “ข้ากำลังคิดว่าตัวเจ้ามันหนัก” “!” ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้!!! “หมดคำจะพูด!” นางร้องตะโกนพร้อมกับเกี่ยวขาเอาไว้ที่เอวเขาแน่น กู่ฉางเฟิงเลิกคิ้วมองหน้านางอย่างเอาเรื่อง “ข้าไม่เชื่อว่าสตรีเช่นเจ้าจะรู้สึกผิดจริง” “ข้ารู้สึกผิดจริง ๆ นะ!” “เสด็จพี่ลู่ชิง ข้าตามหาท่านเสียทั่ว” เสียงหวานแสบหูดังมาแต่ไกล ทั้งสองหันไปมองผู้ที่มาใหม่เป็นจ้าวหนิงเจียงนั่นเองและข้าง ๆ นางนั้นก็เป็นใครอื่นใดไม่ได้นอกจากหยางตงซือนั่นเอง ตัวติดกันยิ่งกว่าปลิงจนดูไม่ออกเลยค่ะว่าใครเป็นว่าที่คู่หมั้นกันแน่ เหอะ ๆ ! จ้าวหนิงเจียงเดินเข้ามาใกล้ใบหน้าของนางดูตกใจที่เห็นเสด็จพี่อยู่ในสภาพหมิ่นเหม่เช่นนี้ นางลอบมองชายหนุ่มตรงหน้า เขามีใบหน้าที่หล่อเหลาทั้งรูปร่างสูงกำยำสะกดให้นางไม่อาจละสายตาจากเขาได้ “อะแฮ่ม!” นางสะดุ้งหลุดจากภวังค์เมื่อเสียงของจ้าวลู่ชิงดังขัดขึ้น ใบหน้างามขึ้นสีเล็กน้อยก่อนจะตรงเข้ามากล่าวเสียงหวาน ในขณะที่จ้าวลู่ชิงปล่อยตัวลงจากกู่ฉางเฟิงช้า ๆ “เสด็จพี่เจ็บป่วยตรงไหนอีกรึเพคะ ท่านไม่ควรออกมาตากลมเช่นนี้เลย…” นางรีบตรงปรี่เข้ามาถือแขนนางเอาไว้ สำรวจใบหน้าของจ้าวลู่ชิงที่ซีดเซียวก่อนจะถามด้วยความเป็นห่วง “ท่านหมอบอกให้ข้าควรออกมายืดเส้นยืดสายบ้าง” นางตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก นางรู้สึกอึดอัดใจทุกครั้งยามอยู่ต่อหน้านางเอกผู้นี้ ทั้งยังหน้าแดงยามที่มองกู่ฉางเฟิงอีก! “เพคะ” “ออกกำลัง” “เหอะ ออกกำลังหรือกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ไม่รู้จักอายฟ้าอายดิน” เสียงเย้ยหยันของหยางตงซือดังขึ้น ใบหน้าคมเข้มกอดอกมองชายหนุ่มแปลกหน้าที่กำลังอุ้มจ้าวลู่ชิงอยู่อย่างท้าทาย ทำเอานางอยากจะกลอกตาบนพร้อมกับไล่ไปไกล ๆ เสียให้จบ ๆ “ไม่เชื่อก็ตามใจ” “จ้าวลู่ชิง! น้องสาวของเจ้าตามหาเจ้าเสียทั่วด้วยความเป็นห่วง แต่เจ้ากลับมาทำเรื่องไร้ยางอายในที่ลับตาคนเช่นนี้ สตรีแพศยา!” “เสด็จพี่ตงซือ” จ้าวหนิงเจียงหน้าเสียในทันทีนางพยายามห้ามปรามตงซือไม่ให้เข้าไปหากู่ฉางเฟิง ในขณะที่กู่ฉางเฟิงเพียงมองนิ่งนั่นยิ่งทำให้โทสะของเขาเพิ่มมากขึ้น เพียะ! หยางตงซือนิ่งงันไปในทันที เขาเหลือบสายตากลับมามองจ้าวลู่ชิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ เมื่อสักครู่นางตบหน้าเขางั้นรึ นางกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร! “ข้าจะทำบนต้นไม้ ข้างระเบียงหรือแม้แต่บนพื้นแล้วมันเรื่องอะไรของเจ้าไม่ทราบ!” “อะ อะไรนะ!” “ส่วนเจ้า…” จ้าวลู่ชิงหาได้สนใจแววตาที่เดือดดาลของหยางตงซือไม่ ดวงตากลมโตตวัดหันมามองยังจ้าวหนิงเจียงที่ยืนตัวสั่นทำอะไรไม่ถูกอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะกล่าวเสียงเข้ม “ควบคุมคนของตนเองให้ได้อย่าให้มาระรานคนของผู้อื่น!” “คนของผู้อื่น… ท่านพี่หมายความว่าเช่นไร” “เขาเป็นคนของข้าเป็นของของข้า อย่าคิดว่าข้าจะไม่รู้ถึงความคิดเจ้า ผู้อื่นไม่รู้แต่ข้ารู้" “ขะ ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น…” ตัวนางสั่นระริก ดวงตาวาวมีน้ำใสคลอระเรื่อ “เจ้ากลั่นแกล้งอะไรนาง” หยางตงซือดึงร่างเล็กของจ้าวหนิงเจียงเข้ามาใกล้ก่อนจะตวาดนางเสียงดังลั่น ชิส์ ขอฮาวทูร้องไห้แบบดัดจริตหน่อยเถอะ! จ้าวลู่ชิงยักไหล่ ดวงหน้างดงามยกยิ้มมุมปากคล้ายเยาะเย้ยตน “เจ้ามีตาหรือไม่ว่าข้ายังไม่ได้ทำสิ่งใดทั้งนั้น แล้วนางก็บีบน้ำตาของนางเอง” “มันจะมากเกินไปแล้วจ้าวลู่ชิง!” หยางตงซือเลือดขึ้นหน้าเขาตรงปรี่เข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว เขากำหมัดแน่นแววตามีแต่ความโกรธถึงขีดสุดที่สตรีตรงหน้าพูดจาดูหมิ่นและหยาบคายต่อเขาเช่นนี้ ชึบ นางรีบหลบไปด้านหลังของคนที่ตัวสูงกว่าพร้อมกับดึงชายเสื้อของกู่ฉางเฟิงไว้แน่นพร้อมทำหน้าตาออดอ้อนก่อนจะฟ้อง “เขาจะทำร้ายข้า…ที่รัก” นางพูดคำว่าที่รักอย่างชัดถ้อยชัดคำพลางมองไปยังจ้าวหนิงเจียงที่ยืนมองมา นางแอบเห็นนางชักสีหน้าด้วย หึ สะใจ! กู่ฉางเฟิงมองคนตัวเล็กที่อยู่ข้างตัวด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ทาสชั้นต่ำคิดจะจับหงส์งั้นรึ น่าขำ!” ไอ้หยางตงซือนี่ปากดีมากนักระวังแกจะตุยไม่รู้ตัว แกกลายมาเป็นพระเอกของนิยายได้ไงไม่อยากจะเชื่อ! หยางตงซือสวนหมัดเข้ามาอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่แคว้นของเขาขึ้นชื่อว่าเป็นแคว้นแห่งปราชญ์ มีผู้เชี่ยวชาญอยู่ทุกแขนง ยิ่งตัวเขาที่เป็นถึงองค์ชายของแคว้นฉินจึงได้รับการสั่งสอนมาอย่างดี วิชาต่อสู้และการฟันดาบเขานั้นไม่เป็นรองใครเขาจึงมั่นใจมากว่าบุรุษตรงหน้านี้ไม่มีทางที่จะหลบได้อย่างแน่นอน หมัดนั้นถูกหยุดลงอย่างง่ายดาย สร้างความตื่นตระหนกให้แก่หยางตงซือเป็นอย่างมาก กู่ฉางเฟิงปรายตามองคนตรงหน้าที่มีสีหน้าตื่นตระหนก ใบหน้าเฉยเมยราวกับว่าสิ่งที่หยางตงซือทำเป็นเพียงการละเล่นของเด็กน้อยหาได้อยู่ในสายตาเขาไม่ หยางตงซือมีสีหน้าโกรธจัด เขาพยายามดึงมือออกแต่กลับสู้แรงของคนตรงหน้าไม่ได้เลย "เป็นการกระทำที่สิ้นคิดสิ้นดี” หยางตงซือขบเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกอับอายอย่างยิ่ง อันที่จริงตัวเขาไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเท่าใดนักถ้าหากมันไม่ได้ลามมาถึงตัวเขาเพราะสตรีตัวร้ายข้างหลังเขานี่ กู่ฉางเฟิงสะบัดมือออกใบหน้านิ่งขรึมเปรยตามองทั้งสองคนเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นโดยไม่ลืมดึงจ้าวลู่ชิงมาด้วย “จะ เจ็บนะ!” จ้าวลู่ชิงที่กำลังเยาะยิ้มอยู่ข้างหลังถึงกับตัวปลิวไปตามแรง เจ็บแปล๊บที่ข้อมือที่เขาจับ “ขะ ขออภัยเจ้าด้วย…” เสียงหวานกระซิบมาจากจ้าวหนิงเจียงในขณะที่กู่ฉางเฟิงกำลังเดินผ่าน “…” กู่ฉางเฟิงนั้นได้ยินแต่ไม่ได้สนใจนางเลยแม้แต่น้อย เขาไม่แม้แต่ชายตามองจ้าวหนิงเจียงด้วยซ้ำ จ้าวลู่ชิงพยายามสะบัดมือออกแต่ก็ไม่เป็นผลจึงล้มเลิกความคิดนั้นเสีย ก่อนจะฉุกคิดขึ้นได้หันไปยังทั้งสองคนที่ยืนหน้าเจื่อนอยู่ไม่ไกล นางยกยิ้มอย่างงดงามส่งไปยังทั้งสองราวกับต้องการจะขอโทษแต่สายตาของนางกลับหาเป็นเช่นนั้นไม่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม