บทที่ 6 องค์หญิงเป็นผู้ผดุงความหล่อ

2441 คำ
ณ ลานกว้างบริเวณหน้าพระราชวังซึ่งถูกเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่ในการสำเร็จโทษตัวกู่ฉางเฟิงในครานี้ ซึ่งมีแท่นบัลลังก์หยกขนาดใหญ่ประทับอยู่ บริเวณลานกว้างนี้เป็นที่ว่าราชการภายนอกและการลงอาญาโทษของแคว้นหยูเจียง จักรพรรดิแห่งแคว้นหยูเจียงประทับอยู่บนนั้น ร่องรอยแห่งกาลเวลาปรากฏให้เห็นบนใบหน้าคม แต่นั่นไม่สามารถทำให้เขาดูแก่ชราลงเลยแม้จะย่างเข้าเลขสามปลาย ๆ แล้วก็ตาม บนพื้นลานที่ถูกปูด้วยอิฐขาวมีชายหนุ่มผู้หนึ่งถูกพันธนาการด้วยโซ่ ผมยาวสีดำขลับที่ปรกลงมานั้นไม่อาจบดบังใบหน้าคมคายของเขาได้ ร่างกายของกู่ฉางเฟิงเต็มไปด้วยบาดแผลเสื้อผ้าขาดหลุดรุ่ย หากใครมาเห็นคงคิดว่าเป็นชายจรจัดผู้หนึ่งที่ดันหลงเข้ามาในราชวังแห่งนี้ ขนาบข้างเขามีทหารเพชฌฆาตยืนประจำตำแหน่งพร้อมกับง้าวเล่มใหญ่ในมือ กู่ฉางเฟิงหาได้มีท่าทีร้อนรนแต่อย่างใด เขาใจเย็นจนน่าเหลือเชื่อพร้อมกับดวงตาเรียบนิ่งราวกับไม่หวั่งเกรงต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น “เขาหรือที่อยู่มาได้ถึง 2 ปี” จักรพรรดิจ้าวหนานเหอเบนหางตามองไปยังกู่ฉางเฟิงที่ถูกโซ่ล่ามเอาไว้ทั้งมือและเท้าในขณะที่กล่าวถามท่านรองแม่ทัพต้าชุน ผู้ที่เป็นทั้งรองแม่ทัพของแคว้นและเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ยังจงรักภักดีต่ออดีตองค์จักรพรรดิ "น่าเสียดาย" น้ำเสียงอันน่าผิดหวังของจักรพรรดิจ้าวหนานเหอ เขากำลังนึกเสียดายบุรุษผู้นี้ ทั้งร่างกายที่ถูกฝึกมาอย่างดีและความเด็ดเดี่ยวนั่นทำให้เขาถูกใจไม่ใช่น้อย “พ่ะย่ะค่ะ มีคนมารายงาน พบองค์หญิงไม่ได้สติอยู่ในที่คุมขังนอกเขตพระราชวัง" “เขาโดนโทษอะไรมา” “กู่ฉางเฟิงผู้นี้คิดปองร้ายองค์หญิงถึงสองครา เป็นเหตุให้องค์หญิงทรงประชวรเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนขอรับ” จ้าวหนานเหอมีสีหน้าครุ่นคิด หากตามนิสัยนางยามปกติแล้วคนผู้นี้ย่อมถูกนางฆ่าทิ้งไปแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่ขังคุกเช่นนี้ หมายความว่าคนผู้นี้มีความสำคัญต่อนางไม่มากก็น้อย รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าของจักรพรรดิ “สั่งประหารเขาเสีย เจ้าคิดปองร้ายคนในราชวงศ์และทำให้ราชวงศ์เกิดความเสื่อมเสีย รวมถึงสั่งโบยนางกำนัลจากตำหนักกงหยวนเนื่องจากไม่มีความสามารถในการดูแลองค์หญิงผู้สูงศักดิ์จำนวนสามสิบที” “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” คำสั่งของจักรพรรดิไม่ได้ต่างจากการประณามตัวของจ้าวลู่ชิง ผู้ที่ไม่สามารถดูแลคนในปกครองของตนได้ย่อมบ่งบอกถึงฐานอำนาจและความสามารถของคนผู้นั้น ต้าชุนเองสามารถคาดเดาได้ว่าตัวของจักรพรรดิต้องการลดทอนอำนาจของอดีตจักรพรรดิ เพราะยิ่งนางมีศักยภาพน้อยเพียงใดอำนาจในบัลลังก์และคนที่หนุนหลังเขาจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น หลายครั้งที่เขาต้องทำเป็นไม่เห็นและนิ่งเฉยต่อความผิดของนาง แต่ด้วยคำสัญญากับอดีตองค์จักรพรรดิจึงทำให้เขาเลือกที่จะติดตามนางแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม ต้าชุนได้แต่ถอนหายใจก่อนจะตอบรับด้วยความจำใจ เพื่อความถูกต้องจึงไม่อาจปฏิเสธคำตัดสินนี้ได้ แม้คนผู้นั้นจะเป็นคนที่โปรดปรานขององค์หญิงของเขาก็ตาม "เตรียมพร้อม!" ต้าชุนหันกลับไปพยักหน้าลงเล็กน้อยเป็นสัญญาณให้เริ่มการประหารได้ ทหารผู้ทำสำเร็จโทษพยักหน้ารับตามคำสั่ง พวกเขาขยับกายเข้ามาหากู่ฉางเฟิงที่ยังคงนิ่งเฉยไม่ไหวติง ก่อนจะเงื้อง้าวขึ้นจนสุดแขนเตรียมบั่นคอชายตรงหน้า กู่ฉางเฟิงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นใบหน้าขยับยิ้มร้ายกาจ ในมือกำปิ่นปักผมอันหนึ่งที่เขาลอบนำมันมาจากจ้าวลู่ชิงในตอนที่นางอยู่ในคุกกับเขา โซ่ตรวนที่รัดอยู่ตอนนี้คลายออกเป็นที่เรียบร้อย เพียงแค่ขยับเขาก็สามารถจัดการคนทั้งหมดในที่นี้ได้ ส่วนต้าชุนผู้นั้นอาจจะตึงมือไปบ้างแต่ก็มิใช่ปัญหา ไม่ทันที่ทหารผู้ถือง้าวจะทันรู้ตัวว่าคนร้ายได้ถูกปลดปล่อยแล้ว เสียงตะโกนเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “หยุดก๊อนนนนนน!!!” ตรงหน้าประตูวังปรากฏเกี้ยวสีแดงฉูดฉาดกำลังเคลื่อนมาแต่ไกลราวกับบินมา เป็นภาพนางกำนัลทั้งหกคนที่กำลังวิ่งมาแบบไม่สนความเป็นสตรีอันสำรวมของนางกำนัลในวังหลวง สี่คนวิ่งขนาบข้างแบกเกี้ยวอีกคนหนึ่งรองรับอยู่ตรงกลาง ในขณะที่อีกคนกำลังถือพัดพร้อมวิ่งตามเกี้ยวที่วิ่งมาด้วยความเร็วพร้อมกับตะโกนแข่งกับสตรีบนเกี้ยวอย่างไม่ลดละ แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนอึ้งจนตาแทบจะถลนคือสตรีผู้งดงามที่นั่งอยู่บนนั้น “องค์หญิงอย่าตะโกนเช่นนั้นเพคะ มันไม่สำรวมเพคะองค์หญิง!!” เป็นที่รู้กันว่าคนที่ใช้สีแดงสดเช่นนี้มีเพียงผู้เดียว องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นจ้าวลู่ชิง ผู้ที่ถูกเรียกว่าองค์หญิงหาได้สนใจไม่ นางยังคงร้องตะโกนผ่านสิ่งทรงกรวยที่ทำให้เสียงดังก้องออกมาอย่างไม่ลดละ ในมือของนางถือบางอย่างเป็นรูปทรงกรวย ปากร้องตะโกนผ่านสิ่งนั้นสุดเสียงจนเกิดเสียงก้องมาถึงบริเวณหน้าลานประหาร ทุกคู่สายตาจับจ้องนางเป็นตาเดียวด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ! “ห้ามผู้ใดแตะต้องเขาเป็นอันขาด!!” จ้าวลู่ชิงหันกระบอกกรวยประยุกต์ที่นางทำขึ้นมาเองหันไปออกคำสั่งยังพวกนางที่กำลังแบกเกี้ยววิ่งอย่างสุดชีวิต “เร็วกว่านี้อีก เขาจะถูกตัดคออยู่แล้ว!!” “พะ เพคะองค์หญิง พวกเจ้าเร่งฝีเท้าให้ไวกว่านี้!” สตรีทั้งหกเร่งฝีเท้าผมเผ้าที่ถูกจัดทรงมาอย่างเรียบร้อยปลิวไสวตามแรงลม เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้การประหารชะงักลง ผู้คนต่างหันมองมาทางเกี้ยวที่กำลังบินเข้ามาอย่างรวดเร็วจนเกี้ยวได้ถูกแบกมาจนถึงลานกว้างข้างใน “หยุดดดดดด วางข้าลง!!” เกี้ยวถูกหยุดแทบจะทันที สภาพของนางกำนัลแทบจะดูไม่ได้เอาเสียเลย นางแต่ละคนหอบหายใจเหนื่อยจนตัวโยน ในขณะที่จ้าวลู่ชิงค่อย ๆ ยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล อิแม่มึงเอ๊ยย ใจจะวายคอก็จะแหก นางคงต้องกลับไปนอนกินน้ำข้าวต้มอีกหลายอาทิตย์เป็นแน่! นางค่อย ๆ สูดลมหายใจเข้าปอด นำกระบอกเสียงดีไอวายของตนเองจ่อปากก่อนจะพูดเสียงดังฟังชัด แต่แอบเสียงแหบเล็กน้อยเพราะการตะโกนจากระยะร้อยเมตรเมื่อสักครู่ “เขาไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ห้ามใครบังอาจแตะต้องตัวเขาทั้งสิ้น!” เกิดเสียงฮือฮาไม่ขาดสาย เมื่อสตรีที่มาขัดการประหารครั้งนี้เป็นองค์หญิงหนึ่งผู้นั้นจริง ๆ แม้แต่ตัวของกู่ฉางเฟิงเองยังตกใจ เขาตกใจมากจริง ๆ ไม่คิดว่านางจะมาปรากฏตัวต่อหน้าเขา นางถึงขนาดเร่งรีบขึ้นเกี้ยววิ่งมาจนลืมเปลี่ยนชุดของตนเอง เมื่อตอนนี้นางยังคงใส่ชุดนอนอยู่เลย! “อะ องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ ทรงกระทำเช่นนี้ดูไม่เหมาะสมอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ ได้โปรดเสด็จกลับตำหนักเถิด” มหาอำนาจข้างกายจ้าวหนานเหอรีบกล่าวค้านขึ้น เขาคิดอยากจะเรียกผลงานความดีความชอบต่อหน้าพระพักตร์ของจักรพรรดิจึงรีบชิงกล่าวขึ้นมา จ้าวลู่ชิงหลี่ตามองชายผู้นั้นเล็กน้อยก่อนจะเมินชายผู้นั้น เดินตรงเข้าไปยืนข้างกายกู่ฉางเฟิงที่โดนคุมตัวอยู่ “เขาเป็นคนของข้า ท่านอามีสิทธิ์อะไรมาตัดสินประหารคนของข้ากัน ท่านไม่คิดว่ามันเป็นการก้าวก่ายเกินไปหน่อยรึ” จ้าวลู่ชิงกล่าวเสียงเรียบเย็น สายตาจับจ้องเขม็งไปยังองค์จักรพรรดิ จ้าวหนานเหอขยับกายเล็กน้อยเพื่อเรียกสติตนเองพยายามสะบัดภาพน่าตกใจเมื่อสักครู่ออกไป “อะแฮ่ม เขาเป็นผู้กระทำผิดคิดร้ายต่อคนในราชวงศ์สมควรได้รับโทษประหารมิใช่หรือ” “ท่านเป็นผู้ถูกกระทำรึ ถึงรู้ว่าเขาทำร้ายข้า” กู่ฉางเฟิงลอบยิ้มมุมปากเล็กน้อยคาดไม่ถึงว่านางจะใช้ไม้นี้ในการต่อกรกับองค์จักรพรรดิ จ้าวลู่ชิงตีหน้าใสซื่อกล่าวเสียงใสคล้ายว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น “ข้าได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นเรื่องจริง คำสั่งของข้าไม่อาจจะคืนคำได้หรอกนะองค์หญิงหนึ่ง” “ตัวหม่อมฉันที่ถูกกล่าวว่าเป็นผู้ถูกกระทำยังไม่คิดเช่นนั้นเลย แล้วผู้ใดถึงบังอาจคิดว่าหม่อมฉันโดนเขาทำร้ายกัน องค์จักรพรรดิท่านไม่คิดจะไต่สวนให้ดีก่อนจะออกคำสั่งกระนั้นหรือ” เกิดความเงียบขึ้นมาในทันที เมื่อไตร่ตรองดูให้ดีแล้วก็เป็นดั่งที่นางว่า ในเมื่อนางกล่าวเช่นนั้นแล้วเหตุใดถึงมีการประหารเกิดขึ้น จ้าวหนานเหอเริ่มสังเกตุเห็นบรรยากาศไม่สู้ดี เมื่อดูเหมือนว่าผู้คนจะเอนเอียงไปตามคำพูดนางจึงรีบกล่าวขัดเสียงลากต่ำ “กฎย่อมเป็นกฎ ต่อให้เจ้าไม่กล่าวโทษเขาแต่เขาได้กระทำดูหมิ่นต่อราชวงศ์และพวกนางก็ละเลยต่อหน้าที่จริง” “หม่อมฉันเข้าใจในกฎนั้นเป็นอย่างดีเพคะฝ่าบาท แต่หม่อมฉันไม่เห็นว่านั่นจะเป็นการดูหมิ่นแต่อย่างใดและเป็นตัวของหม่อมฉันเองที่ต้องการจะออกไปยังสวนในวันนั้นเองมิใช่ความผิดของพวกนาง หากเป็นเช่นนี้แล้วท่านจะกล่าวโทษว่าหม่อมดูหมิ่นและละเลยตัวหม่อมฉันเองกระนั้นหรือ” “...” “อีกอย่างหม่อมฉันอาการไม่ค่อยสู้ดีนักท่านก็ทราบดี การควบคุมคนของตนให้อยู่ภายใต้หม่อมฉันเป็นสิ่งที่หม่อมฉันพึงกระทำมิใช่เรื่องที่ผู้อื่นจะต้องมาตัดสิน” เหล่าขุนนางต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของนาง “ทูลฝ่าบาท สิ่งที่องค์หญิงตรัสมานั้นเป็นเหตุเป็นผลที่พระองค์ควรเก็บไปไตร่ตรองพ่ะย่ะค่ะ เบื้องหน้าองค์หญิงจะเข้ามาดำรงตำแหน่งจักพรรดินีสมควรให้เหตุนี้เป็นเหตุแห่งการเรียนรู้แก่องค์หญิงในอนาคตพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ผู้หนึ่งเดินออกมากล่าวกับจ้าวหนานเหออย่างนอบน้อม แต่ภายใต้คำพูดนั้นแอบแฝงไว้ด้วยการย้ำเตือนถึงสถานะของเขา นั่นจึงทำให้เขาเกิดโทสะมิใช่น้อย แต่ในเมื่อทุกอย่างเป็นไปเช่นนี้เขาจึงไม่อาจทำสิ่งใดต่อได้อีกนอกจากจำใจต้องปล่อยกู่ฉางเฟิงและนางกำนัลพวกนั้นไป “ข้าเห็นถึงความพยายามขององค์หญิงหนึ่ง ข้าจะให้เจ้าเป็นคนตัดสินคนผู้นี้เอง...-” จ้าวหนานเหอกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะประกาศเสียงก้อง “นี่เป็นเรื่องที่เกิดจากความเข้าใจผิด ถ่ายทอดคำสั่งของข้าจงปล่อยตัวเหล่านางกำนัลจากตำหนักกงหยวนและทาสผู้นี้เสีย” “พอใจเจ้าแล้วใช่หรือไม่” จ้าวหนานเหอกล่าวกับนางเสียงเย็นก่อนจะรีบลุกเดินออกไปจากตรงนั้นทันทีด้วยความฉุนเฉียว จ้าวลู่ชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางหันไปมองยังกู่ฉางเฟิงที่นั่งหน้านิ่งเลิกคิ้วมองมายังนางด้วยความยียวน เหอะ ที่แท้เขาก็เอาตัวรอดได้ต่อให้นางไม่มาช่วยเขาก็ตามเถอะ! “หมดหน้าที่ของพวกเจ้าแล้วออกไปเสีย” ทหารทั้งสองคนโน้มตัวลงรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไป นางหันซ้ายหันขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในระยะที่จะได้ยินบทสนทนาแล้วจึงกล่าวขึ้นเสียงลอดไรฟันด้วยความแค้นใจ! “เป็นอย่างไรประทับใจในตัวข้าหรือไม่เล่า! เหอะ!” “ไม่จำเป็น” กรี๊ดดด ขอหยุมหัวมันสักทีได้ไหม!! จ้าวลู่ชิงกลอกตามือเท้าสะเอวเตรียมตัวจะหาเรื่องแต่ก็พยายามข่มใจเอาไว้ ท่องเอาไว้ ๆ ว่าหากทำให้เขาไม่พอใจนางจะต้องตาย! “...” กู่ฉางเฟิงหยักไหล่ราวกับไม่สนใจก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ชวนกวนประสาทคนฟัง “สนุกดีที่เห็นเจ้าเป็นเช่นนี้” เขาปลดโซ่ตรวนออกอย่างง่ายดายท่ามกลางสายตาตกตะลึงของจ้าวลู่ชิง ใบหน้าหวานแปรเปลี่ยนเป็นโกรธจัดพร้อมกับหัวเราะออกมาราวกับคนบ้า “ฮ่า ๆ ๆ ๆ ไอ้!!!” นางโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้ มือเล็กกำหมัดแน่นใบหน้าง้ำงอแต่มันกลับเรียกเสียงหัวเราะเล็กน้อยจากกู่ฉางเฟิง “หึ” “ข้าต้องกลับไปนอนกรอกข้าวต้มเข้าปากอีกแล้วสินะ” นางกล่าวอย่างคนหมดแรง ใบหน้าสวยเริ่มซีดเซียวคล้ายจะเป็นลมแดด นางเดินโซซัดโซเซไปยังเกี้ยวที่นางนั่งมา นางนับถือจ้าวลู่ชิงคนเก่าจริง ๆ ที่รับมือกับชายผู้นี้มาตลอดสองปีโดยไม่เป็นบ้าตาย! ฟึบ! “ทำอะไร!!” แต่แล้วนางต้องตกใจจนสุดตัว เมื่ออยู่ ๆ บุรุษผู้น่าหมั่นไส้คนนั้นกลับช้อนตัวนางอุ้มขึ้นมา เขาเพียงส่งยิ้มมุมปากให้นางอย่างกวนประสาท จ้าวลู่ชิงปวดหัวตึบพยายามดิ้นให้หลุดจากแขนแกร่ง มือใหญ่จัดการผมที่ปรกรกใบหน้าออก ปรากฏใบหน้าอันงดงามจนทุกคนถึงกับตกตะลึง ใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับภาพประติมากรรมแม้จะอยู่ในสภาพซอมซ่อก็ไม่อาจปกปิดความจริงนั้นได้ บุคลิกเยือกเย็นและบาดแผลที่ประดับบนร่างเขานั้นกลับยิ่งทำให้เขาสง่างามและอันตรายยิ่งกว่าท่านรองแม่ทัพเสียอีก! “เจ้าอยู่ส่วนเจ้า ข้าอยู่ส่วนของข้า ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน” กู่ฉางเฟิงตอบอย่างไม่ใส่ใจพร้อมกับที่อุ้มนางเดินไปยังเกี้ยวที่รออยู่ก่อนแล้ว พร้อม ๆ กับที่ร่างเล็กร้องถามอย่างไม่เข้าใจ! “แล้วมันยังไงเล่า!!” เขาเป็นบ้ารึไง!! เหตุการณ์ตรงหน้าถูกทุกคนมองเป็นสายตาเดียว โดยเฉพาะเหล่าสตรีที่มองกู่ฉางเฟิงตาไม่กะพริบ พร้อมกับมีความคิดเป็นเสียงเดียวกันว่า องค์หญิงเป็นผู้ผดุงความหล่อ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม