ตอนที่4 คู่ปรับ
เสียงดนตรีไทยเดิมดังแว่วกระทบโสตประสาทตั้งแต่น่ารักก้าวลงจากรถ บ้านเรือนไทยหลังใหญ่ซึ่งปลูกสร้างอยู่ท่ามกลางต้นไม้หนาทึบดูเข้มขลังน่ากลัวขึ้นไปอีกหลายเท่าสำหรับหญิงสาว เมื่อได้ยินเสียงเพลงเปิดคลอขึ้นแบบนี้ ใต้ถุนบ้านหลังใหญ่ยกสูงเต็มไปด้วยสาวน้อยหลายคนกำลังร่ายรำตามจังหวะดนตรี โดยมีหญิงสูงวัยหน้าตาดุดันยืนคุมอยู่ไม่ห่าง ชื่อของหล่อนก็คืออาจารย์ศิราณีบุญยพันธ์ อาจารย์สอนศิลปะการแสดงของมหาวิทยาลัยที่หญิงสาวกำลังศึกษาอยู่
“เอ้ายืนทำอะไรอยู่ละน่ารัก มาช่วยแม่หิ้วกระเช้าผลไม้สิลูก” เสียงมารดาเรียกดึงสติของหญิงสาวให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว
“ค๊า คุณนายแม่”
น่ารักเดินปรี่ไปแย่งกระเช้าซึ่งเป็นของฝากมาถือเอาไว้แทน หญิงสาวรู้สึกไม่ค่อยชอบบรรยากาศในบ้านทรงไทยสักเท่าไหร่นัก ในความรู้สึกของเธอมันชวนขนลุกไม่น้อยยามได้เห็นบ้านทรงไทยเก่าๆ นั่นอาจเพราะหนังละครแนวภูตผีปีศาจของไทยมักจะมีฉากที่วิญญาณร้ายอาศัยอยู่ในเรือนไทยแบบนี้
“สวัสดีค่ะพี่ณี”
“อ้าว สวัสดีค่ะคุณภา สวัสดีจ๊ะหนูน่ารัก”
อาจารย์ศิราณียกมือรับไหว้แขกทั้งสองนางสาวิภาเป็นรุ่นน้องของคณะขณะที่อาจารย์สูงวัยเคยศึกษาอยู่ อีกทั้งยังเป็นเพื่อนรักของน้องสาวนาง ครอบครัวของทั้งสองก็ไปมาหาสู่กันประจำตั้งแต่คราที่น้องสาวของอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่กระทั้งปัจจุบัน
“กำลังยุ่งสอนเด็กๆ อยู่หรือเปล่าคะพี่ณี”
“ไม่ได้ยุ่งหรอกค่ะ เด็กพวกนี้เก่งๆ กันทั้งนั้นเพียงแต่ต้องคุมบ้างไม่งั้นชอบอู้ มาค่ะมาแคร่ใต้ต้นไม้ด้านโน้นกันดีกว่าบรรยากาศร่มรื่นดี หนูเดียร์เดี๋ยวช่วยยกน้ำไปเลี้ยงแขกอาจารย์ด้านโน้นหน่อยนะ”
เจ้าของบ้านร้องสั่งงานเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกสาวของคนงานในสวนพ่วงด้วยเป็นลูกศิษย์ที่อาจารย์ศิราณีรับอุปการะด้วยความสงสาร เนื่องจากครอบครัวของเด็กสาวมีฐานะยากจน เดียร์อายุไล่เลี่ยกับน่ารักเป็นเด็กสาวผมสั้นหน้าตาดีบุคลิกเรียบร้อยยิ้มเก่ง ก่อนจะเดินนำหน้าผู้มาเยือนไปยังแคร่ใต้ต้นไม้ที่นางเอ่ยถึง
“เป็นไงบ้างน่ารักคิดเอาไว้หรือยังลูกว่าจะต่อโทหรือออกมาช่วยกิจการของคุณพ่อ”
“น่ารักยังคิดว่าจะต่อโทน่าค่ะอาจารย์ป้า คนบางคนแถวนี้ยังไม่อยากให้ออกไปทำงานคงกลัวว่าลูกสาวจะไม่อยู่ในสายตาแน่ๆ” น่ารักหันไปมองหน้ามารดาที่กำลังขว้างค้อนใส่
“คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็แบบนี้ล่ะลูก อยากให้ลูกๆ อยู่ใกล้ๆ จะได้คอยดูแลกัน”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะคุณพี่ว่าใครจะดูแลใคร โตจนป่านนี้ยังทำตัวเหมือนเด็กเล็กๆ อยู่เลย”
“คุณนายแม่เอาลูกสาวมาขายอีกแล้ว” น่ารักเปรยออกมาเบาๆ สองสาวสูงวัยพากันหัวเราะร่วนกับสีหน้าเง้างอนของเด็กสาว
“จริงสิคะคุณพี่ตาศิวะไม่อยู่บ้านเหรอคะวันนี้ เมื่อคืนเห็นข่าวที่นักข่าวสัมภาษณ์หลานแล้วภูมิใจแทนปานวาดจริงๆ นี่ถ้ายังอยู่คงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทีเดียว”
“ง่วนอยู่ในเรือนหลังเล็กตั้งแต่เช้าค่ะ นี่ขนาดวันหยุดยังอุตส่าห์หอบงานกลับมาทำที่บ้าน จนป้าอย่างดิฉันอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าชาตินี้ตาศิวะคงได้แต่งกับงานแน่ๆ โตกระทั่งป่านนี้ยังไม่เคยได้ยินข่าวคราวเรื่องผู้หญิงสักหน” เจ้าของบ้านพูดถึงด็อกเตอร์ศิวะหลานชาย
“ต้องเป็นเกรย์แน่ๆ โอ้ยย”
น่ารักกระซิบกระซาบกับมารดาแล้วถูกหยิกแขนเล็กๆ กลับมาเป็นรางวัลของคำพูดไม่เข้าหูอีกฝ่าย จนยกมือถูกรอยที่หยิกป้อยๆ
“คนหนุ่มก็อย่างนี้ล่ะค่ะคุณพี่ ดีซะอีกที่เอาดีทางเรื่องงานแบบนี้ไม่ทำตัวเหลวไหลเที่ยวเตร่ไร้สาระไปวันๆ เหมือนพวกวัยรุ่นทั่วไป”
อาจารย์ศิราณีพยักหน้าเห็นด้วย
“น่ารักช่วยเอาผลไม้นี่ไปให้พี่เขาหน่อยสิลูก มีผลไม้หลายอย่างที่พี่เขาชอบทั้งนั้นเลย” มารดาหันไปหาบุตรสาวที่ทำตาโตเท่าไข่ห่าน
“ห๊า หนู…” น่ารักหุบปากฉับเมื่อเห็นสายตาดุๆ ส่งมาจากมารดา
“ไปเถอะลูกมานั่งฟังคนแก่คุยกันแบบนี้เบื่อแย่เลย” อาจารย์สูงวัยช่วยเสริมอีกแรง
“ได้ค่ะ” หญิงสาวรับคำเสียงอ่อยเมื่อหมดหนทางปฏิเสธได้อีก ดูเหมือนว่าใครๆ ก็อยากให้เธอไปหาหมอนั่นซะเหลือเกิน
ได๊… น่ารักยิ้มกริ่มอย่างมีแผนร้าย