วันนั้นราดาจึงย้ายของเขาไปนั่งทำงานที่โต๊ะของเปรมรตีด้านในตามที่เมฆีบอก หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลายมากกว่านั่งเจ่าอยู่ข้างนอกจริงๆ เนื่องจากวันนี้เปรมรตีซึ่งสนิทกับหล่อนไม่อยู่ด้วย และมีบางอย่างที่หล่อนได้เรียนรู้เกี่ยวกับเมฆี นั่นคือเขาไม่ได้เป็นผู้ชายที่วางตัวอยู่เหนือคนอื่นเพราะตำมีตำแหน่งใหญ่อย่างที่หล่อนเข้าใจในตอนแรกๆ
เขาค่อนข้างสบายๆ และเป็นกันเองมากเลยทีเดียว
“ช่วงนี้พี่ต้องไปติดต่องานข้างนอกแทนบอสบ่อยๆ เพราะบอสเองก็ไม่ว่าง เดชก็ต้องตามไปช่วยพี่ด้วย แต่งานที่พี่ให้ทำก็ไม่ได้อยาก แค่ช่วยดูคำผิดคำตกหล่นในสัญญาแต่ละฉบับก็พอนะจ๊ะ”
“ค่ะพี่เปรม...เอ่อ บอสให้ช่อเข้าไปนั่งทำงานข้างในค่ะ แล้วบอสก็ช่วยสอนงานให้ช่อด้วยบางครั้ง” หล่อนบอกเลขาสาว ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังสาละวนอยู่กับการเตรียมเอกสารเพื่อออกไปพบลูกค้า
“ดีแล้วล่ะ...บอสเขาเป็นคนใจดีนะ เขาชอบคนขยันแล้วก็มีความรับผิดชอบ เด็กฝึกงานรุ่นก่อนๆ ใครทำตัวดีจบออกไปโบนัสในซองขาวนี่เป็นปึกเชียว แต่ถ้าไม่ได้เรื่องล่ะก็โดนตะเพิดกลับบ้านแทบไม่ทันเลยล่ะ”
“จริงเหรอคะ...” หล่อนถลึงตาโตเหมือนไม่ค่อยเชื่อ เพราะที่ผ่านมาถึงแม้เมฆีจะค่อนข้างเงียบขรึมไปบ้างแต่หล่อนก็เห็นด้วยว่าเขาเป็นคนใจดีมากๆ
“ไม่เชื่อก็ลองดูสิ...เสร็จซะที เฮ้อ...”
“วันนี้พี่เปรมจะเข้ามาบริษัทอีกหรือเปล่าคะ”
“ไม่แล้วล่ะ เป็นไรเรา...เหงาล่ะสิ หืม”
“ก็...นิดหน่อยค่ะ ไม่มีเพื่อนคุยเลย บอสก็คุยแต่เรื่องงาน”
“ปกติของเขานะ รายนั้นเขาบ้างาน ไม่งานก็ครอบครัว”
“ครอบครัวเหรอคะ...”
“ใช่จ้ะ...อย่าไปหลงเสน่ห์เข้าล่ะ ลูกหนึ่งแล้ว” ตอบพร้อมรอยยิ้ม
“แหม...ไม่หรอกค่ะพี่เปรม แค่แปลกใจเพราะไม่เคยเห็นเท่านั้นเอง” ราดารู้สึกชาวาบหน่อยๆ เมื่อได้ทราบเรื่องนั้น ใจของหล่อนเต้นผิดจังหวะแต่ก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หล่อนไม่เข้าใจมากนักว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเมฆีเองก็เอ่ยถึงภรรยาในคืนนั้น มันคล้ายกับผิดหวังอยู่ลึกๆ แต่ก็ไม่เชิงเสียทีเดียว เพราะหล่อนไม่รู้ว่าจะไปคาดหวังอะไรจากเขาทำไม
“บอสเขารักเขาหวงลูกเมียจะตายไป ทำงานงกๆ ให้ลูกให้เมียอยู่สุขสบาย ไม่ดื่มไม่เที่ยว กลับบ้านตรงเวลาเป๊ะๆ ไม่เคยเถลไถล แล้วลูกสาวบอสนะน่ารักมากๆ นานๆ จะพามาเล่นสักทีเวลาไม่ค่อยมีงานเยอะๆ จ้ะ” เลขาสาวร่ายยาว น้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นชม
“เป็นครอบครัวที่น่ารักมากเลยนะคะ ลูกสาวของบอสก็คงรักพ่อมาก”
“ใช่...บ้านนี้เขารัก เขาดูแลกันดีมากๆ เอาล่ะ ได้เวลาแล้วพี่ไปก่อนนะ มีอะไรก็โทรฯ หานะ”
เปรมรตีเดินออกไปกับผู้ช่วยจนลับตา คนยืนมองมองตามแล้วลอบถอนหายใจแรง วันนี้หล่อนคงต้องหมกตัวอยู่แต่ในห้องของเมฆีทั้งวันอีกแล้ว เนื่องจากรู้สึกขัดเขินเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพนักงานคนอื่นๆ ในแผนก นอกจากเปรมรตีแล้วหล่อนก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกับใคร หล่อนจึงไม่แน่ใจว่าสายตาของแต่ละคนที่มองหล่อนนั้นพวกเขาคิดอะไรอยู่
การฝึกงานดำเนินไปเรื่อยๆ เด็กสาวเริ่มคุ้นเคยกับสถานที่และงานที่ได้รับมอบหมายมากขึ้น บางครั้งหล่อนได้รับโอกาสติดตามเมฆีและเปรมรตีออกไปดูงานข้างนอกบ้างตามวาระ หรือหากช่วงไหนที่เลขาสาวต้องออกไปติดต่องาน หล่อนก็สามารถทำหน้าที่เลขาชั่วคราวได้ในบางส่วน ความรู้สึกตึงเครียดแทบจะไม่มีเลย และหล่อนก็ชอบที่จะมาทำงานเอามากๆ
“ช่อ...เป็นอะไรทำไมมายืนอยู่ตรงนี้”
“บอส” ร่างเล็กสะดุ้งแล้วรีบหันหลังชนตู้เอกสาร สองมือจับกระโปรงแน่น
“ตกใจอะไร...ดูทำหน้าเข้า” ยิ่งเห็นก็ยิ่งทำให้สงสัย เมฆีขมวดคิ้วเข้ม
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะบอส...ช่อปวดหัวนิดหน่อย”
“ปวดหัวก็ไปพักสิ มายืนทำอะไรตรงนี้เดี๋ยวก็เป็นลมหกล้มหัวฟาดหัวเหวี่ยงเอาหรอก” ร่างใหญ่เดินผ่านหน้าหล่อนไปยังโต๊ะวางเครื่องดื่ม แล้วจัดการหยิบแก้วบนชั้นวางพร้อมกาแฟสำเร็จรูปมาวางไว้ตรงกระติกน้ำร้อนไฟฟ้า
“ช่อกำลังรอพี่เปรมอยู่ค่ะ”
“เปรมไปกินข้าวไม่ใช่เหรอ เมื่อกี้ก็ชวนผมอยู่” เขายกกาแฟที่ปรุงเรียบร้อยแล้วขึ้นจิบเพื่อวัดระดับความร้อน
“ค่ะ...เดี๋ยวคงมา”
“คุณมีอะไรหรือเปล่า...ไหนเดินออกมาจากตรงนั้นซิ” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันดวงตาคมปลาบจ้องหล่อนด้วยความสงสัย
“ไม่ค่ะ...ช่อจะยืนตรงนี้”
“มีอะไรอยู่ตรงนั้น คุณปิดบังอะไร” ยิ่งเห็นท่าทีเลิ่กลั่กของหล่อนก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกคลางแคลงใจ เขาหันไปวางแก้วบนโต๊ะชงกาแฟแล้วกลับมาดึงมือหล่อนแรงๆ ทำให้ร่างเล็กถลาออกมาจากตู้เก็บเอกสาร
“ว้าย!” ราดารีบดึงมือกลับแล้วใช้มือปิดไปด้านหลังของตัวเองทันที
“เกิดอะไรขึ้น...คุณเป็นบ้าหรือไงผมถามก็ตอบสิจะได้ช่วยถูก”
“ช่อดูแลตัวเองได้ค่ะบอส”
“มานี่...ไหนดูสิว่าเป็นอะไร”
“ไม่ค่ะไม่! ว้าย! บอส!” หล่อนถูกเขาจับหมุนตัวโดยไม่อาจขัดขืนได้เพราะกำลังแรงของอีกฝ่ายนั้นเหนือกว่า
“เฮ้ย!!” เสียงทุ้มอุทานแล้วรีบก้าวเท้าถอยออกมา เขาหลับตาแล้วหันหลังให้หล่อน
“ทำไมไม่บอก”
“ช่อบอกแล้วนี่คะ...” ราดาเสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้ หล่อนอายหน้าแดงก่ำพลิกตัวหลบเลี่ยงหันหลังชนตู้หนังสือดังเดิม
“ผมขอโทษ...ผมไม่คิดว่ากระโปรงคุณมันจะ เอ่อ...แล้วทำไมมันถึงขาดแบบนั้น” เมฆีถอนหายใจเฮือกแล้วถามทั้งที่ยังหันหลังให้หล่อน ภาพกระโปรงนักศึกษาทรงเอสีดำสนิทแหวกฉีกออกจากกันตรงด้านหลังยังติดตาไม่หาย ที่สำคัญมันขาดเป็นทางยาวตั้งแต่เหนือสะโพกยาวไปจนถึงต้นขา ทำให้เขาเห็นชั้นในของหล่อนโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง
สะโพกผายอวบขาวลออขับกับชั้นในสีดำทำให้สัดส่วนยิ่งอวดตา
“ช่อก็ไม่รู้...”
“แล้วเปรมรู้แล้วเหรอ”
“ยังค่ะ ช่อรออยู่คิดว่าเดี๋ยวพี่เปรมคงเข้ามา”
“เอางี้...เอาเสื้อผมไปใช้ก่อนนะ พักเที่ยงเปรมอาจจะออกไปข้างนอกก็ได้” ชายหนุ่มพูดพลางถอดเสื้อสูดส่งให้หล่อนโดยไม่ได้หันมอง
ราดาไม่มีทางเลือกมากนัก หากหล่อนไม่ยอมรับความช่วยเหลือของเมฆีหล่อนก็คงต้องอยู่ในสภาพนี้ไปจนกว่าจะเจอตัวเปรมรตี เพราะคนอื่นๆ หล่อนไม่สนิทด้วย อีกอย่างหากมีใครอื่นที่เป็นผู้ชายเข้ามาในห้องนี้อีก หล่อนจะทำอย่างไร...
“ขอบคุณค่ะบอส...” หล่อนรับไว้แล้วรีบนำมาพันตัว
“ให้ผมช่วยไหม” เขาหันกลับมาในขณะที่เด็กสาวกำลังงุ่นง่านอยู่กับการใช้เสื้อตัวสูทของเขาคลุมร่างเอาไว้
“...”
“คลุมไว้แบบนี้...เสื้อผมตัวใหญ่กว่าคุณตั้งเยอะ ปิดหมดมองไม่เห็นหรอก” ร่างใหญ่เดินเข้าหาหล่อนแล้วจับเสื้อสูทขยับให้เข้าที่เข้าทาง ความยาวของเสื้อปกปิดเกือบถึงเข่าทำให้มองไม่เห็นรอยขาดของกระโปรงได้จริงๆ
กลิ่นน้ำหอมและกลิ่นกายอ่อนๆ ของเขาโชยเข้าจมูก หล่อนรู้สึกร้อนวูบวาบประหลาดใบหน้าผ่าวไปหมด ยิ่งเขาเข้าใกล้เท่าไหร่...หัวใจก็ยิ่งเต้นสั่น
“จะกลับบ้านก่อนก็ได้นะ” เขาถอยออกห่างแล้วบอก
“ไม่ค่ะ! ช่อไม่อยากกลับ ให้ช่อทำอะไรก็ได้แต่อย่าให้ช่อกลับบ้านเลย” สีหน้าของหล่อนจริงจังและเคร่งเครียดอัตโนมัติ ก่อนจะรีบปรับให้เป็นปกติเมื่อรู้สึกตัวได้ หล่อนไม่อยากแสดงออกถึงขนาดนั้นหรอก แต่บ้านสำหรับหล่อนก็เหมือนคุกเหมือนตะรางดีๆ นี่เอง หล่อนจึงยังอยากใช้เวลาอยู่ข้างนอกให้นานเท่าที่จะทำได้ก็แค่นั้นเอง
“อืม...งั้นเอาอย่างนี้ เดี๋ยวเราไปซื้อกระโปรงตัวใหม่ดีกว่า ถ้าคุณยังไม่อยากกลับผมก็เข้าใจ ผมจะไปรอด้านนอก คุณก็เดินตามไปที่รถนะ ถ้าเราเดินออกไปพร้อมกันเดี๋ยวคนอื่นเห็นจะเข้าใจผิดเพราะคุณก็ใช้เสื้อผมอยู่” เมฆีเสนอ เขาไม่ได้รอให้หล่อนตอบรับก็รีบเดินออกไปเลย
สาเหตุที่ไม่ใช้คนอื่นไปก็เพราะกลัวเด็กสาวจะอาย และหากฝากใครซื้อมาให้ก็กลัวขนาดจะไม่พอดีกันอีก อย่างไรเสียตอนนี้ก็เป็นช่วงพักกลางวัน เขายังมีเวลาสำหรับพาราดาออกไปทำธุระได้สักครู่