“พี่คงไม่มีเวลาคั่วกับชะนีคนอื่นหรอกค่ะ ไหนพี่จะต้องมาคอยตบตีกับชะนีตัวน้อยๆ ที่คอยแย่งสามีตลอดเวลาแบบน้องกานต์อีก เหนื่อยใจอ่ะ รับชะนีหน้าใหม่ไม่ไหว~”
เจ๊ตาลกับเมย์หัวเราะทันทีที่ได้ฟัง ต่างจากฉันที่รู้สึกหัวร้อนขึ้นมา รีบลุกจากม้านั่งตัวเดียวกับพี่เกมส์ไปนั่งข้างๆ เมย์เพื่อยุติปัญหาการทำตัวน่ารำคาญของเขาลงเสียเอง
“หูย~ ดูสิ เมียน้อยขี้อิจฉาทนไม่ได้ ต้องลุกหนีเลยอ่ะ”
“หนูรำคาญค่ะ ไม่ได้อิจฉา!” ฉันขัด แม้ว่าคนอื่นๆ จะรู้สึกตลกกับมุกที่พี่เกมส์ปล่อยมาก็ตาม เว้นฉันซึ่งไม่รู้สึกว่ามันตลกตรงไหน ออกจะน่ารำคาญด้วยซ้ำไป
“หึ! หัดยอมรับความจริงได้แล้วนะคะว่าพี่กับไอ้นัทเรารักกันมาก ชะนีอย่างน้องกานต์แทรกกลางไม่ได้หรอกค่ะ!”
“หยุดมโนค่ะพี่เกมส์ พี่นัทไม่ได้ชอบผู้ชาย! เขาไม่นิยมขุดทอง!” ยิ่งฉันต่อปากต่อคำกับเขามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะของเพื่อนสาวได้มากเท่านั้น พวกเธอคงจะรู้สึกชินกับเหตุการณ์แนวๆ นี้จนเห็นเป็นเรื่องตลกไปแล้ว
ฉันเองก็รู้นะว่าพี่เกมส์น่ะชอบแกล้ง แต่ด้วยท่าทางสะดิ้งจนเกินความเหมาะสมในแบบที่ผู้ชายควรมี ไหนจะคำพูดที่เหมือนขังหมานับร้อยตัวไว้ในปาก มันพานให้ทนไม่ไหวทุกครั้งไป
“หล่อนเป็นแค่เมียน้อย พูดจาพล่อยๆ ระวังโดนเมียหลวงตบนะตัวเธอ”
ฉันสะบัดเชิดหน้าใส่ในท่ากอดอกแบบไม่ยินดียินร้ายต่อคำขู่ดังกล่าว แต่ไม่ใช่กับปากที่ขยับตอบโต้เขากลับไป
“ถ้าพี่เกมส์กล้าตบหนูก็ตบเลยค่ะ อย่าดีแต่ขู่…” ฉันเบ้ปาก และตัดสินใจพูดออกไปอีกครั้งอย่างหนักแน่น เพื่อให้เขารู้ว่าฉันไม่ได้กลัว “แต่ขอบอกให้รู้ไว้ว่าหนูก็สู้คนเป็นนะคะ”
“ถ้าโดนตบเข้าจริงๆ แล้วอย่ามาร้องนะ” คำพูดต่อมาของพี่เกมส์ทำเสียงหัวเราะของทั้งเมย์และเจ๊ตาลเงียบลงโดยชะงัก สร้างความแปลกใจจนต้องหันไปมอง ก่อนต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
ฟึ่บ!
“อ๊ะ!” ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พี่เกมส์ลุกขึ้นยืน เขาใช้มือข้างหนึ่งเท้าโต๊ะม้าหินเอาไว้ และใช้มืออีกข้างเชยคางในช่วงที่ฉันหันกลับไปมองได้อย่างเหมาะเจาะถูกเวลา นัยน์ตาคมฉายแววทะเล้นยียวนพร้อมคำพูดท้าทาย
“พอดีว่าพี่ชอบตบด้วยปาก… ถ้าน้องกานต์อนุญาตก็มาค่ะ” คนตัวสูงยิ้มเจ้าเล่ห์ ค่อยๆ โน้มหน้าเข้ามาใกล้
พี่เกมส์ดูไม่ได้สนใจสายตาอีกสองคู่ของเพื่อนรักฉันเลยสักนิด เมื่อระดับสายตาของเราอยู่ในระนาบเดียวกัน เขาก็พูดออกมาอีก
“พี่จะค่อยๆ บรรจงตบ… ตบ! ตบ! ตบ!!” ไม่พูดอย่างเดียวเขายังออกแรงบังคับหน้าฉันให้หันซ้ายหันขวาตามวลีหนักแน่นที่เขากล่าว “พี่จะตบให้ปากระบม จนน้องไม่สามารถปากดีใส่ใครได้อีก!”
แม้ตอนแรกจะรู้สึกตกใจกับการกระทำฉาบฉวยในสิ่งที่คนตรงหน้าทำก็ตาม แต่พอตั้งสติได้ การตอกกลับชนิดถึงพริกถึงขิงก็เริ่มต้นขึ้น
“พี่จะตบ จนกว่าน้องจะร้องขอชีวิต!” พี่เกมส์กล่าวคำขู่ประโยคสุดท้าย พลางแลบลิ้นเลียขอบปากตัวเอง แสดงตนเหนือกว่า
ฉันปล่อยให้เขากระหยิ่มยิ้มย่อง จ้องสู้สายตาอยู่แบบนั้น ส่วนมือที่ไวกว่าก็รีบคว้าแก้วน้ำเปล่าซึ่งเหลืออยู่เพียงค่อนแก้ว ยกขึ้นสาดใส่หน้าเขาแบบเต็มๆ
ซ่า…
ฉันไม่สนใจหรอกว่าตอนนี้ทั้งเมย์และเจ๊ตาลจะมองฉันด้วยความรู้สึกแบบไหน ก็อย่างที่บอกไป...ฉันเองก็สู้คน ยอมไม่ได้หรอกถ้าจะปล่อยให้ผู้ชายคนนี้แกล้งฉันแต่เพียงฝ่ายเดียว ต่อให้เขาจะเป็นคนสำคัญของพี่นัทก็เถอะ
“ลงโทษค่ะ ข้อหาเยอะใส่หนูไม่ดูเวล่ำเวลา” ฉันเอ่ยประโยคสั้นๆ ออกไป พลางกระแทกแก้วน้ำลงกับโต๊ะ เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่นัทซึ่งขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์เดินกลับมาพอดี
“ไอ้เกมส์ ไมมึงเปียกแบบนั้นวะ?”
พี่นัทอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพของพี่เกมส์ตัวเปียกปอน แต่นั่นคงไม่ใช่กับเมย์และเจ๊ตาลที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขารีบสาวเท้าตรงเข้ามาดูสภาพเพื่อนสนิทใกล้ๆ ทันทีอย่างสงสัย
พี่เกมส์ไม่ตอบแต่เขาเลือกใช้มือลูบปาดคราบน้ำเปล่าบนใบหน้าหล่อทะเล้นออกช้าๆ ในวินาทีที่เขามองฉัน เขาก็เบะปากเป็นเป็ด ทำท่าทางสะดีดสะดิ้ง รีบร้อนก้าวเท้าออกจากม้านั่งหิน โผเข้าสวมกอดอ้อนใส่พี่นัททันทีอย่างมีมารยา
“งื้อผัวจ๋า~ เมียน้อยสาดน้ำใส่เค้าอ่า”
“พี่เกมส์เริ่มก่อนค่ะพี่นัท!” ฉันรีบแย้งน้ำเสียงออดอ้อนน่าหมั่นไส้ออกไป ลุกจากม้านั่งเพื่อยืนกรานคำพูดของตัวเอง แต่…
“ผัวอย่าไปเชื่อนะ...” พี่เกมส์เว้นช่วงหายใจครู่สั้นๆ อาศัยจังหวะที่พี่นัทกำลังมองฉัน เหลือบมองตามด้วยหางตา ริมฝีปากได้รูปเหยียดยิ้มเยาะ ยักคิ้วยียวนเหมือนผู้กำชัย
แต่ไม่ใช่กับน้ำเสียงดัดจริตที่เขากำลังพูด
“ตัวก็รู้ว่าเค้าไม่สู้ใคร เค้าบอบบางจะตายยย ตัวต้องเอาคืนให้เค้านะ~~”
กรี๊ดดดด อีตุ๊ดนี่มันตอแหลลล!!!
“มึงเลิกแกล้งแฟนกูได้แล้วไอ้เกมส์” นี่คงเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ฉันเห็นพี่นัทเปิดปากต่อว่าเพื่อนของตัวเอง
พี่นัทไม่ใช่แค่ว่าพี่เกมส์อย่างเดียว แต่เขายังใช้มือเฉดหัวเพื่อนสนิทออกห่างจากอก พลางดึงฉันเข้าไปกอดหลวมๆ แล้วพูดขึ้นเสียงยียวน
“วันนี้เมียน้อยกูสำคัญสุด”
“หูย! เมียหลวงงอนเว่อร์อ่ะ! คืนนี้นอนนอกห้องนะมึง!” พี่เกมส์แสร้งทำท่าฮึดฮัดย่ำเท้าลงกับพื้นเหมือนนางร้ายในละคร สะบัดเชิดหน้า ทำงอนเดินตุ้งติ้งไปอีกทาง
การกระทำดังกล่าวของพี่เกมส์ทำพี่นัทหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ขณะหันกลับมามองฉันท่าทางใจดี
“กานต์ งั้นพี่ไปเล่นเกมก่อนนะ”
“พี่นัทจะไปแล้วเหรอคะ?” ฉันขมวดคิ้วน้อยใจ เมื่อรู้ว่าไม่ทันไรเขาก็จะทิ้งฉันไปเล่นเกมกับผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว
“อือ ถ้ากานต์เรียนเสร็จโทรหาพี่นะ เดี๋ยวพี่เข้ามารับที่หน้าคณะ”
เพราะรู้ว่าถึงจะยื้อให้เขาอยู่ต่อ พี่นัทกับพี่เกมส์ก็คงไม่ยอมแน่ๆ ดังนั้นฉันจึงไม่มีทางเลือก จำต้องพยักหน้ารับ
“แฟนพี่เนี่ยน่ารักที่สุดเลย” พี่นัทฉีกยิ้มกว้าง ใช้มือยีหัวฉันเบาๆ อย่างเอ็นดู แล้วพูดออกมาอีกครั้ง “ตั้งใจเรียนนะครับคนเก่ง”
“ค่า รู้แล้วน่า” ฉันตอบส่งๆ ลึกๆ มันก็อดน้อยใจไม่ได้ที่พี่นัทติดเกมหนักขนาดนี้ คิดแล้วมันก็โมโหจนอดตวัดหางตามองตัวต้นเหตุไม่ได้
ห่างจากโต๊ะม้าหินที่เรานั่งกันไปนิดหน่อย พี่เกมส์ซึ่งทำเป็นเดินงอนออกไปก่อนหน้านี้ กำลังกอดอกยืนฟัง เขาจดจ้องสายตามองมาทางพี่นัท และเมื่อเราสองคนบังเอิญสบตากัน พี่เกมส์ก็แลบลิ้นปลิ้นตาใส่เหมือนจงใจเยาะเย้ยที่เห็นฉันกำลังจะถูกพี่นัททิ้งไปร้านเกมกับเขา
และดูเหมือนว่าแค่สีหน้ามันคงไม่เพียงพอล่ะมั้ง พี่เกมส์ถึงได้ตะโกนออกมา
“เฮ้ย! ไอ้นัท!” เสียงเรียกดังกล่าวทำพี่นัทผละตัวออกจากฉันแล้วหันไปมองเจ้าของเสียงทันที พี่เกมส์ยักคิ้วกวนพลางอ้าแขนออกจนกว้าง โชว์เงิงยิ้มแย้มชื่นบาน และพูดขึ้นเสียงดัง
“คุณพร้อมจะไปสร้างตำนานในร้านเกมกับผมหรือยัง!”
“เออไป!” พี่นัทตะโกนตอบกลับไปอย่างไม่มีการลังเล รีบหันมาหาฉันและจูบหน้าผากหนึ่งทีเบาๆ “พี่ไปร้านเกมก่อนนะคะ”
เขาทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนรีบร้อนวิ่งปลีกตัวไปตามคำเชิญชวนของพี่เกมส์
สีหน้าของพี่นัทเวลาได้ยินพี่เกมส์ชวนเล่นเกมดูมีความสุขยิ่งกว่าตอนที่เราอยู่ด้วยกันเสียอีก และมันคือคำพูดประโยคเด็ดประโยคเดียวที่พี่เกมส์ชอบใช้เพื่อพรากความสุขชีวิตคู่รักไปจากฉัน
ฉันได้แต่ยืนมองผู้ชายสองคนเดินกอดคอกันห่างออกไป นึกแล้วมันก็แค้นนัก ถ้ารู้ว่าเกิดเป็นคนแล้วแฟนไม่สนใจ ชาติหน้าฉันท์ใด ฉันคนนี้ขอเกิดไปเป็นเครื่องเล่น Play Station แทนก็แล้วกัน!
“โอ๊ะ! เมียน้อยโดนเมียหลวงฉกสามีไปร้านเกมซะแล้ว~” ฉันทำหน้าบึ้ง หันขวับมองเมย์เจ้าของคำพูดแทงใจดำ พลางทิ้งตัวลงนั่งข้างเธอตามเดิม
ด้วยท่าทางเหมือนหงุดหงิดของฉัน เมย์จึงรีบดักทาง
“อย่าทำมานอยด์ฉันนะยัยบ้านี่!” เธอรีบใช้แขนโอบรอบคอฉันแน่น ออกแรงดึงเล็กน้อยจากนั้นก็พูดต่อ “ดูๆ แล้วพี่นัทเขาก็รักแกออก เรื่องนอกใจอะไรนั่น คิดมากไปเปล่า?”
“นั่นสิ พี่นัทดูไม่เหมือนคนเจ้าชู้สักหน่อย พี่เขาแค่ดูติดเกมมากเกินไปแค่นั้นเอง” เจ๊ตาลที่นั่งอยู่ด้วยก็ช่วยพูดเสริมอีกแรง
“คนที่ควรเป็นกังวลเรื่องนอกใจน่ะ น่าจะเป็นพี่นัทมากกว่านะ” ฉันเหลือบมองเมย์ทันทีเมื่อได้ฟังอย่างนั้น และอดไม่ได้ที่จะถามกลับไปด้วยความสงสัย
“ทำไมพี่นัทต้องกังวลเรื่องนอกใจด้วยไม่ทราบ?”
เมย์เบ้ปากอย่างหมั่นไส้ พลางปล่อยแขนที่โอบรอบคอฉันออก แวบหนึ่งที่เธอหันไปมองหน้ากับเจ๊ตาลเหมือนรู้กัน แล้วพูดน้ำเสียงกระแหนะกระแหนเลียนแบบคำพูดใครคนหนึ่ง
“พอดีว่าพี่ชอบตบด้วยปาก… ถ้าน้องกานต์อนุญาตก็มาค่ะ…”
นอกจากเมย์แล้ว เจ๊ตาลก็ยังเป็นไปกับเขาด้วย
“พี่จะค่อยๆ บรรจงตบ… ตบ! ตบ! ตบ!! พี่จะตบให้ปากระบม จนน้องไม่สามารถปากดีใส่ใครได้อีก!”
พอพูดจบพวกเธอก็หัวเราะคิกคักกันเป็นเรื่องสนุก ไม่บอกก็พอรู้ว่ายัยเพื่อนสองคนนี้กำลังแซวเรื่องที่ฉันถูกพี่เกมส์แกล้งอยู่
“อย่าคิดอะไรโง่ๆ พวกเธอก็รู้ว่าฉันเกลียดหมอนั่นจะตาย” ฉันพูดด้วยอาการขนแขนลุกเกรียวเมื่อนึกเหตุการณ์ดังกล่าว
“รู้จ้าว่าเธอเกลียดพี่เกมส์ แต่บางทีพี่เกมส์อาจจะไม่ได้เกลียดเธอก็ได้นี่” ปากฉันกระตุกอย่างนึกแขยง เมื่อได้ฟังเมย์แย้งกลับมาแบบนั้น “ไม่เคยได้ยินเหรอ เมียน้อยมักตายด้วยฝีมือของเมียหลวงเสมออ่ะ คิกๆ”
“ไม่ตลกเลยนะ!”
“พูดเรื่องพี่เกมส์นิดเดียว ถึงกับของขึ้นเลยเหรอกานต์” เจ๊ตาลที่มีอายุแก่เดือน ดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่มก็เป็นไปกับเขาด้วย
โอ๊ย! ฉันล่ะอยากจะบ้าตาย!
และทางเดียวที่สามารถหยุดเสียงแซวของเพื่อนสนิทได้ ก็คือการโพล่งเสียงชี้คำขาดออกไปขัดเสียงหัวเราะหยอกล้อ
“พอเลย!” และมันก็ได้ผล เมื่อเสียงของฉันทำให้เพื่อนรักหยุดเสียงหัวเราะดังกล่าวลงได้โดยชะงัก ฉันไม่รอให้เมย์หรือเจ๊ตาลพูดแทรก รีบชิงยื่นคำขาดออกไปเสียงหนักแน่น “ฉันขอบอกพวกเธอไว้เลยนะว่าฉันไม่มีวันและไม่มีทางญาติดีกับพี่เกมส์แน่ ดังนั้นก็ช่วยเลิกพูดชื่อผู้ชายคนนั้นได้แล้ว!”
ใช่! ฉันไม่มีทางญาติดีกับผู้ชายที่พรากความสุขชีวิตคู่ของฉันไปจนมันพังอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะด้วยกรณีใด พี่เกมส์กับฉัน เราต้องเป็นศัตรูกันแบบนี้ไปจนวันตาย
และถ้าเขามั่นหน้ามั่นโหนกว่าตัวเองเป็นเมียหลวงจริงๆ แล้วล่ะก็ ฉันคนนี้นี่แหละจะยอมเป็นเมียน้อยคนแรกที่เหยียบเมียหลวงให้จม!