บทที่ 2

1764 คำ
Hey Hey! You You! I don't like you boyfriend No way! No way! I think you need a new one Hey Hey! You You! I could be your boyfriend เฮ้ เฮ้! เธอ เธอ! ฉันไม่ชอบแฟนของเธอเลยอ่ะ ไม่นะ! ไม่นะ! ฉันคิดว่าเธอหาใหม่ได้ดีกว่านี้นะ เฮ้ เฮ้! เธอ เธอ! ฉันเป็นแฟนใหม่ให้เธอได้นะ “พี่เกมส์คะ! หนูขอเวลาคุยด้วยสักครู่สิคะ” “นานไหมอ่ะ? พี่ต้องรีบไปร้านเกม” “ไม่นานหรอกค่ะ แค่แป๊บเดียว…” บนโลกใบนี้ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ทุกคนสามารถมีความรู้สึกเล็กๆ ที่เรียกว่า ‘ความรัก’ กันได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายใส่แว่นคณะบัญชีที่กำลังยืนแอบมองนักศึกษาหญิงหน้าตาสะสวย ซึ่งเรียนคณะนิเทศศาสตร์อยู่ด้านหลังเสาไฟตรงนั้น หรือจะเป็นเด็กผู้หญิงจากคณะคหกรรมศาสตร์ที่กำลังหยิบยื่นอาหารจากภาคปฏิบัติให้กับนักศึกษาหนุ่มอยู่ตรงม้านั่งใต้ต้นไม้ในสวนหย่อม หรือแม้กระทั่งผู้ชายที่ดูสับสนทางเพศคนนั้น ซึ่งยืนห่างจากโต๊ะม้าหินที่ฉันนั่งอยู่ไปนิดหน่อย “หนูชอบพี่เกมส์อ่ะ” และเขากำลังถูกเด็กผู้หญิงสารภาพรัก… “พี่มีแฟนยัง คบกับหนูไหมคะ?” ฉันรู้จักผู้ชายผิดเพศคนนั้นดี วันนี้เขาสวมเสื้อยืดสีขาวด้านใน สวมทับด้วยเสื้อช็อปสีกรมท่าดูเข้ากันดีกับกางเกงยีนส์เก่า ขาดๆ เซอร์ๆ ตามสไตล์ของเด็กคณะวิศวกรรมศาสตร์ทั่วไป “พี่ขอโทษนะ พอดีแม่พี่สั่งไว้ว่าเรียนจบมหา’ลัยเมื่อไหร่ค่อยมีแฟน” ฉันเบ้ปาก กลอกตามองบนโดยอัตโนมัติ ทันทีที่ได้ยินคำพูดปฏิเสธอย่างมีมารยาทของเขา ฉันรีบหันกลับมายังกลุ่มสนทนา แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อพบว่าพี่นัท...แฟนหนุ่มกำลังมองอยู่ “มองอะไรคะพี่นัท หนูไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” “พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเราเลยนะ ร้อนตัวไปได้เด็กบ๊อง” พี่นัทเคาะหัวฉันเบาๆ คล้ายกับลงโทษ “แหมพี่คะ หวานกันจนมดขึ้นแล้วค่ะ!” เมย์ขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงกระแหนะกระแหน พลางแสร้งใช้มือตบไปตามตัว ทำประชดประชันเหมือนกับกำลังไล่มดอยู่อย่างนั้น “ไม่ได้หวานสักหน่อย พี่แค่ลงโทษแฟนเอง” พี่นัทคนซื่อตอบยิ้มๆ และนั่นทำให้เพื่อนสาวคนสนิทอีกคนตั้งแต่สมัยมัธยมต้นอย่าง ‘เจ๊ตาล’ หรือ ‘ลูกตาล’ หลุดหัวเราะ เธอกล่าวเสริมเสียงติดตลก “ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าพี่เกมส์จะเสน่ห์แรง” “เห็นแบบนั้นมันก็ป๊อปนะตาล ฮ่าๆ” พี่นัทหัวเราะตามเจ๊ตาล แถมยังดูภูมิใจในเสน่ห์ของเพื่อนรักอย่างออกนอกหน้า และการที่พี่นัทชอบอวยเพื่อนอย่างนั้น ทำฉันอดไม่ได้จริงๆ ที่จะพูดแซะพี่เกมส์ออกไป “น่าสงสารผู้หญิงคนนั้นนะคะ ดันหลงผิด สารภาพรักกับคนผิดเพศซะได้” “ปากคอเราะร้ายจริงๆ นะเรา…” ฉันหลับตาปี๋เมื่อพี่นัทขัดเสียงดุ ทำมือเตรียมท่าจะเคาะใส่หัวฉันอีกครั้ง ทว่าเขาก็ต้องหยุดชะงักไป เมื่อเสียงสมาร์ทโฟนดังขึ้น Rrrrr “ฮัลโหลครับ?” พี่นัทรับสายและทำตาดุใส่ฉัน มือที่ตั้งท่าจะเคาะเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นยีหัวอย่างแรงเคล้าความมันเขี้ยว จากนั้นก็ผละตัวลุกไปจากวงสนทนาทันที อีกแล้ว เขาเป็นแบบนี้อีกแล้ว... ฉันถอนหายใจหนักๆ หลังจากพี่นัทเดินคล้อยหลังออกไป และนั่นทำให้หนึ่งในเพื่อนรักเอ่ยปากถามขึ้นทันที “เป็นไรกานต์ ถอนหายใจทำไม?” “กังวลอะไรนิดหน่อย” ฉันตอบสั้นๆ เลื่อนสายตาจากแผ่นหลังพี่นัทกลับมาหาเจ้าของคำถาม แล้วเบะปากอย่างนึกเป็นกังวล “ใครทำอะไรไหนบอกเพื่อนสิ” เมย์ถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสงสัย ไม่ใช่แค่เมย์หรอกที่สงสัย เพราะเจ๊ตาลที่นั่งฟังอยู่ด้วยก็แสดงสีหน้าแปลกใจให้เห็นไม่ต่างกัน “ฉันว่า...พี่นัทไม่ได้มีฉันคนเดียวว่ะ” พอพูดแล้ว ฉันก็อดถอนหายใจอีกหลายๆ รอบไม่ได้ ยิ่งเห็นเขาทำท่าทางลับๆ ล่อๆ ตอนคุยโทรศัพท์ด้วยแล้ว ฉันก็ยิ่งรู้สึกสงสัย ปกติแล้วพี่นัทจะไม่สนใจทั้งนั้นไม่ว่าคนที่โทรเข้ามาเป็นใคร เขาสามารถคุยกับคนๆ นั้นได้ทุกเวลาที่อยู่ข้างฉัน แต่พักหลังมันไม่ใช่ เขามักทำตัวมีพิรุธ แถมยังชอบคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้เป็นเวลานานๆ “อะไรทำให้กานต์คิดแบบนั้นอ่ะ” เจ๊ตาลที่นั่งอยู่ด้วยถามพลางทำหน้าแปลกใจ เธอเองก็เป็นอีกคนที่รู้เรื่องการคบกันระหว่างฉันกับพี่นัทไม่ต่างจากเมย์นัก “ไม่รู้สิ พักหลังเขาทำตัวแปลกๆ ชอบเดินไปคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้นานๆ” “คิดมากไปหรือเปล่า?” ฉันส่ายหน้าตอบเจ๊ตาลแทนคำพูด และเป็นฝ่ายพูดแย้งกลับไป “ฉันไม่ได้คิดไปเองนะ ช่วงนี้เวลาโทรหาพี่นัทตอนดึกๆ มักจะขึ้นรอสายตลอดเลย แต่ตอนที่ลองเช็กเบอร์โทรเข้าโทรออกในเครื่อง ฉันก็เจอแต่เบอร์แม่พี่เขากับเพื่อน…” “ระแวงไง” เมย์ขัดขึ้น เธอนั่งในท่ากอดอกเหมือนคนมีภูมิ และพูดเสริม “คบกันมานาน พอใกล้เข้าอาถรรพ์คู่รักเจ็ดปีเลิกก็มักจะเป็นแบบนี้แหละ” “อาถรรพ์คู่รักเจ็ดปีเลิกเหรอ?” ฉันย้อนอย่างนึกสงสัย “เอ้า! ไม่เคยได้ยินอ่อ ที่ว่าคู่รักที่คบกันมานาน พอเข้าสู่ปีที่เจ็ดก็มักต้องมีอันเป็นไปจนต้องเลิกกัน” เมย์อธิบาย “ไม่หรอก เพราะถ้าคู่ไหนสามารถอดทนฝ่าฟันช่วงเวลานั้นไปได้ พวกเขาก็สามารถอยู่ด้วยกัน คบกันได้ยาวนะ” คราวนี้เจ๊ตาลแย้ง และเสริมเหมือนจะแก้เผ็ดเมย์ที่คอยพูดจาให้ฉันเป็นกังวลใจอยู่เสมอต่ออีกว่า “ดูอย่างเมย์กับไอ้บอสสิ คบกันปีเว้นปี เลิกแล้วเลิกอีก ไม่เห็นจะเกี่ยวกับอาถรรพ์เลย คิกๆ” “เจ๊! ไอ้บอสมันสารเลวขนาดนั้นใครจะไปคบด้วยได้นานล่ะ!” เมย์แย้งเสียงแข็ง เมื่อพูดถึง ‘บอส’ แฟนของเมย์ ฉันก็ถึงกับร้องอ๋อ พลางนึกไปถึงผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นรุ่นน้องในร้านเกมและสนิทกับพี่นัทและพี่เกมส์ ผู้ชายคนนี้ตามจีบเมย์ตั้งแต่สมัยเธอเรียนอยู่มัธยมปลาย สองคนนี้คบๆ เลิกๆ กันมาหลายรอบแล้ว เหตุผลที่เมย์ทนไม่ได้ก็คงเพราะบอสเป็นผู้ชายที่เจ้าชู้มาก และความกะล่อนปลิ้นปล้อนของบอสก็ไม่เคยรอดพ้นสายตาของนักจับผิดอย่างเมย์เลยสักครั้ง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เมย์ถึงได้ชอบพูดแขวะความสัมพันธ์ของฉันกับพี่นัทอยู่บ่อยๆ ยังไงล่ะ “ถ้าเทียบไอ้บอสกับพี่นัทของกานต์นะ พี่นัทดีกว่าเยอะเลย” เมย์ดูหัวเสียขึ้นทันตา เมื่อประเด็นของวงสนทนามีชื่อของบอสร่วมอยู่ด้วย ยิ่งเมย์พูด เธอก็ยิ่งดูจะหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ ตามนิสัยของสาวขี้วีน สุดท้ายก็ไม่พ้นการพาลใส่คนอื่น “เจ๊ก็พูดได้อยู่แล้วนี่ ในเมื่อเจ๊โสดอ่ะ” คำพูดประชดประชันทำคนถูกต่อว่าอย่างเจ๊ตาลหัวเราะไม่หยุด และพอฉันเริ่มหัวเราะบ้าง เมย์ก็พุ่งเป้ายิ่งคำพูดแขวะใส่ฉันต่อทันที “ส่วนแก...นังกานต์! ถ้าพ่อหนุ่มแสนดีของเธอจะนอกใจจริงๆ ล่ะก็นะ คนที่เธอควรสงสัยคือพี่เกมส์ย่ะ!” “บ้า ไม่มีทาง!” “มั่นใจจังนะ ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้แฟนตัวติดกับเพื่อนมากกว่าตัวเองอีกไม่ใช่หรือไง?” เธอเหยียดยิ้มเมื่อเริ่มพูดจาแหย่ฉันได้สำเร็จ “ก็ใช่ แล้วมันยังไงล่ะ อย่างน้อยฉันก็มั่นใจว่าพี่นัทไม่ตาต่ำเอาผู้ชายอย่างพี่เกมส์มาคั่วเป็นแฟนหรอกย่ะ!” “มั่นใจเนอะชะนี!” ฉันสะดุ้งโหยง ไม่รู้ว่าพี่เกมส์เดินมาหยุดอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ เขายืนอยู่ในท่ากอดอก ยิ้มเหยียดๆ มองแล้วน่าหมั่นไส้จนต้องจิ๊ปากใส่ “นินทาเมียหลวงมากๆ ระวังคุณเมียน้อยจะโดนตบนะคะ” พอเราได้เผชิญหน้ากัน การปะทะฝีปากก็เริ่มต้นอีกครั้ง ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขาก็คงเข้าข่ายคำสุภาษิตที่ว่า ‘ขิงก็รา ข่าก็แรง’ ไม่มีใครยอมใคร ถ้าเขาไม่จบ ฉันก็ไม่จบ! “เหรอคะ!? พอดีว่าหนูเป็นพวกมั่นใจความคิดตัวเองมากกกก” ฉันจงใจลากเสียงยาวเพื่อให้เขาสำเหนียกตัวเองเสียบ้าง และก่อนที่พี่เกมส์จะพูดจายียวนกวนใจเป็นหนที่สองจนเกิดเป็นมหากาพย์ เขาก็ถูกขัดด้วยคำถามกึ่งแซวของเมย์เสียก่อน “คุยธุระเสร็จแล้วเหรอคะพี่เกมส์” “เสร็จแล้วครับ” เขาหันไปตอบยิ้มๆ “หนูได้ยินพี่ปฏิเสธเด็กคนนั้นอ่ะ เขาไม่เสียใจแย่เหรอคะ” “ไม่หรอก พี่บอกเหตุผลเขาไปแล้วเขาน่าจะเข้าใจ” พี่เกมส์ตอบพลางทิ้งตัวลงนั่งเบียดฉันอย่างจงใจ ถึงคำถามของเมย์จะช่วยหยุดการปะทะฝีปากของเราไว้ได้ แต่พี่เกมส์ก็ยังหาเรื่องไม่หยุด ด้วยการกระแซะให้ฉันกระเถิบไปตามแนวยาวของเก้าอี้ม้าหินอยู่อย่างนั้น “พี่เกมส์! หยุดนะ!!” ฉันรีบใช้ฝ่ามือดันหัวไหล่เขาเพื่อให้หยุด ก่อนแรงเบียดของเขาจะทำฉันพลัดตกจากเก้าอี้ม้าหิน แต่ก็อีกนั่นแหละ! เขาดูไม่ได้สนใจการถูกทุบตีเลยสักนิด แถมยังทำลอยหน้าลอยตา กระแซะไม่ยอมหยุด ส่วนปากก็ขยับตอบคำถามของเมย์ต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ตอนแรกเขาก็เหมือนไม่ยอมนะ พี่ก็เลยบอกไปว่าพี่มีแฟนแล้ว” พี่เกมส์เงียบเสียงลง และสังเกตเห็นว่าเขากำลังชำเลืองสายมองมาทางฉัน เขาเบ้ปาก สะบัดหน้าเชิดไปอีกทางพลางใช้มือไม้แสร้งทำเป็นจัดทรงผม ขณะปากก็พูดไป “พี่คงไม่มีเวลาคั่วกับชะนีคนอื่นหรอกค่ะ ไหนพี่จะต้องมาคอยตบตีกับชะนีตัวน้อยๆ ที่คอยแย่งสามีตลอดเวลาแบบน้องกานต์อีก เหนื่อยใจอ่ะ รับชะนีหน้าใหม่ไม่ไหว~”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม