บทที่ 6

1600 คำ
“ตอนนี้พี่โป๊อยู่...น้องกานต์คิดว่าพี่จะให้ทำอะไรล่ะ?” คำตอบสองแง่สองง่ามของพี่เกมส์ทำหัวใจฉันวูบหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม แต่ไหนแต่ไร ฉันไม่เคยเกิดอาการแบบนี้กับเขามาก่อน คงเพราะทุกครั้งเมื่อเราเริ่มต่อปากต่อคำกัน ที่ตรงนั้นมักจะมีคนอื่นอยู่ด้วย ซึ่งตอนนี้มันต่างออกไป แถมอีกฝ่ายยังอยู่ในสภาพเกือบเปลือยแบบนี้อีกต่างหาก “รู้คำตอบหรือยังคะ?” เสียงกระซิบของพี่เกมส์ดังชิดติดข้างหูเอ่ยเร่งขึ้น จนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆ ที่อีกฝ่ายจงใจเป่ารดบริเวณใบหูอย่างชัดเจน “ไม่ตลกค่ะ ถอยไป!” ฉันกลั้นใจ กัดฟันสู้ต่อการกระทำที่เหมือนจะลวนลามทางคำพูดของเขา รีบผละมือออกจากลูกบิดประตู หันไปผลักอกเขาให้ถอยห่าง หมับ! แต่พี่เกมส์ที่ไวกว่ากลับฉวยข้อมือฉันไว้แน่น เขาใช้แรงเพียงเล็กน้อยกดข้อมือฉันลงกับบานประตู พลางดันกายเบียดชิดเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าตอนแรก แล้วกระซิบ… “พี่ไม่ใช่หม่ำ จ๊กมกนะคะ จะได้พูดตลกตลอดเวลา” เวลานี้อะไรๆ ก็ดูน่ากลัว เมื่อฉันเป็นผู้หญิงและอีกฝ่ายคือผู้ชาย อีกทั้งยังอยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องที่ไม่มีใคร ไอ้ที่เคยกล้า ไม่เคยกลัวใคร พอตกอยู่ในนาทีคับขัน ความรู้สึกพวกนั้นก็เหมือนจะหายไปด้วยเช่นกัน “พี่เกมส์ ปล่อยหนูนะ หนูไม่อยากรู้เรื่องอะไรนั่นแล้ว!” ถึงแม้จะรู้สึกหวาดกลัวกับนิสัยทีเล่นทีจริงของคนตรงหน้าก็ตาม แต่ฉันก็ไม่ยอมปล่อยให้เขาใช้คำพูดและท่าทางเอาเปรียบอยู่ฝ่ายเดียวหรอกนะ ฉันพยายามดิ้นและขืนแรงของเขาด้วยกำลังทั้งหมดที่มี แต่เขาก็ไม่หยุด พี่เกมส์โน้มหน้าเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วจนฉันชะงักกึกด้วยความตกใจ ระยะสายตาของเขาตอนนี้ห่างออกไปไม่ถึงสามเซนติเมตรด้วยซ้ำ “ไม่อยากรู้แล้วก็ไม่เป็นไร แต่พี่ยังอยากให้น้องกานต์ช่วยอยู่นะ…” เขาพ่นคำพูดกำกวมในระยะประชิด พลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองราวกับจะสื่ออารมณ์ความต้องการทั้งหมดที่มีออกมา “อ่า…กานต์จ๋า…” ไม่ใช่แค่สีหน้าแต่รวมไปถึงน้ำเสียงแหบพร่าที่เขาแสร้งทำด้วย การกระทำพวกนั้นกำลังพังสติของฉันแตกกระเจิง “หยุดนะพี่เกมส์! หนูไม่ชอบ!” ฉันตะคอกขัดเสียงกระเส่าของคนตัวใหญ่ตรงหน้าอย่างไม่ยอม รีบเบี่ยงหน้าหลบ เมื่อเห็นว่าเขาจงใจโน้มหน้าเข้ามาหามากขึ้น...มากขึ้น จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดบริเวณต้นคอ “อืม…กานต์ ช่วยพี่หน่อยนะ…” กรี๊ดดดดด พุธโธ ธรรมโม สังโฆ! สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเจ้าขา ช่วยนำพาให้ไอ้บ้านี่หยุดด้วยเถิด! “กะ… กานต์พี่อยาก…” เมื่อไม่รู้จะหาข้ออ้างไหนมาเตือนสติคนตรงหน้า คำว่าเพื่อนที่เขามีให้กับพี่นัทเลยเป็นสิ่งที่ฉันงัดออกมาใช้ “หยุดนะพี่เกมส์! หนูเป็นแฟนเพื่อนพี่นะ!!” แต่นั่นไม่ได้ช่วยอะไรเพราะพี่เกมส์ยังคงขยับใบหน้าเข้ามาหาจนแก้มของเขาเบียดแก้มฉันไปเล็กน้อย ฉันหลับตาปี๋เมื่อข้ออ้างที่มีใช้ไม่ได้ผล ยิ่งรู้ว่าปลายจมูกโด่งเป็นสันกำลังวนเวียนอยู่ใกล้กกหูด้วยแล้ว หัวใจฉันมันก็ยิ่งเต้นโครมครามจนเหมือนจะหลุดออกจากอก ทว่าในตอนนั้นเองที่พี่เกมส์หลุดพูดอะไรบางอย่างออกมา “แค่อยากให้หยิบเสื้อให้ มันกระทบไปถึงไอ้นัทเลยเหรอคะ?” ห๊ะ!? ฉันลืมตาโพลงอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ความคิดในหัวตีกันยุ่งเหมือนยุงตีกัน ขณะเดียวกันพี่เกมส์ก็ผละตัวออกไปด้วยเช่นกัน เขากอดอกทำหน้าแปลกใจ ขมวดคิ้วมองอย่างพิจารณาแต่แล้วไอ้สีหน้าและท่าทางแปลกใจตอนแรกก็หายไป เขารีบผละตัวถอยหลังด้วยท่าทางหวาดระแวง พลางยกมือขึ้นทาบอก คล้ายกับตกอกตกใจอะไรนักหนา ถ้าคิดว่าท่าทางของเขาตอนนี้น่าหมั่นไส้แล้ว มันยังเทียบไม่ได้กับคำพูดซึ่งฟังเหมือนหวงเนื้อหวงตัวเสียเต็มประดา “คุณพระ! นี่น้องกานต์คิดไม่ซื่อกับร่างกายพี่เหรอคะ?!” “พี่เกมส์พูดบ้าอะไรคะเนี่ย!” ฉันแย้งเสียงลั่นเมื่อเริ่มรู้สึกว่าเขาชักจะมโนเกินไป แถมยังโบ้ยความผิดให้ฉันอย่างหน้าไม่อาย เพราะไอ้คนที่คุกคามฉันจนสติเตลิดน่ะ มันก็เขาไม่ใช่หรือไง!? “อย่านะ! อย่าเข้ามานะ พี่ยังไม่พร้อม แอร๊ยยย” ฉันทำหน้าเอือมตอบรับปฏิกิริยาสะดุ้งแรดของผู้ชายเบื้องหน้า =_= เวลานี้ฉันได้แต่ยืนนิ่งด้วยความเจ็บใจ มองเขาแสร้งทำท่าหวาดกลัวเดินกลับไปที่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ แวบหนึ่งที่พี่เกมส์เหลือบมองฉันแล้วหัวเราะออกมา สร้างความไม่พอใจให้ฉันมากเข้าไปใหญ่ จนต้องตะคอกออกไปเสียงดัง “หนูจะกลับแล้ว!!” พี่เกมส์ไม่สนใจ ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ แล้วเอ่ยปากถามน้ำเสียงติดตลกโดยไม่หันมามอง “ไม่อยากรู้ ไอ้ที่อยากได้แล้วเหรอคะ?” “ไม่ค่ะ! ไม่อยากรู้แล้ว” หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ฉันก็ตระหนักได้ทันทีว่าคนอย่างพี่เกมส์ไม่มีความน่าเชื่อถือใดๆ อีกต่อไป เขาทำทุกอย่างเป็นเรื่องสนุก ทีเล่นทีจริงอยู่ตลอดเวลา จำไว้นะกานต์ว่าผู้ชายคนนี้น่ะ มันพึ่งไม่ได้หรอก! “โอเค ไม่อยากรู้ก็ไม่ต้องรู้” คราวนี้พี่เกมส์พ่นลมหายใจทิ้งเบาๆ และกล่าวเสียงอ่อนลงไม่ติดเล่นเหมือนทุกที มือของเขากำลังยุ่งวุ่นวายกับคีย์บอร์ดตรงหน้า สายตาจับจ้องหน้าจอเกม แต่ปากก็ยังว่า “งั้นก่อนออกไป วานหยิบเสื้อบอลหน้าห้องน้ำให้ทีดิ” “หนูไม่ใช่เบ๊พี่นะคะ!” ฉันเชิดหน้ากอดอกแบบไม่แยแสคำไหว้วาน และนั่นทำให้เสียงคลิกเม้าส์รวมไปถึงเสียงกดคีย์บอร์ดเงียบลง ครืดดด พี่เกมส์ดันกายลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้าๆ และหันมามองฉัน “ที่ไม่ยอมหยิบเสื้อให้ เพราะน้องกานต์อยากเห็นพี่โป๊เหรอคะ?” เขาหรี่ตาลงและถามน้ำเสียงนิ่งๆ “อยากเห็น My body อันเพอร์เฟกต์ของพี่ใช่ม้าา?” ผะ ผู้ชายคนนี้นี่มัน… โคตรจะมโนเว่อร์วังอลังการซะเหลือเกิน! “อย่ามโนค่ะ!” ฉันเบ้ปากขัดอย่างนึกเอือมระอา แต่ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่พี่เกมส์แสดงปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมา จนเป็นฉันเสียเองที่ต้องหวีดร้องทักออกไป “พี่เกมส์จะทำอะไรคะ?!” ที่เป็นแบบนั้นเพราะคนตัวสูงกำลังลดมือลงต่ำมายังปมของผ้าขนหนู มิหนำซ้ำเขายังทำท่าจะปลดมันออกเสียด้วย “พี่จะถอดผ้าขนหนูค่ะ ใส่ไว้แบบนี้แล้วมันทำอะไรไม่ถนัด” กรี๊ดดดดด หมอนี่มันคิดอะไรอยู่ แม้ว่าสติจะเริ่มถูกทำลายอีกครั้งด้วยคำพูดส่อสื่อของเขาก็ตาม แต่ปากก็ยังรัวถามเขาไม่หยุด “ละ แล้วทำไมพี่ไม่ใส่เสื้อผ้าก่อนล่ะคะ!” “ก็น้องกานต์ไม่ยอมหยิบให้พี่นี่” เขาย้อนกลับมาเหมือนไม่รู้สึกอะไร มือพลางตั้งท่าจะกระตุกชายผ้าขนหนูของตัวเอง แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังมีน้ำใจขอความช่วยเหลือ “สรุปหยิบเสื้อให้พี่หน่อยได้ไหมคะ?” ด้วยสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก ฉันจึงจำต้องยอมรับความพ่ายแพ้ รีบเคลื่อนตัวตรงไปที่หน้าห้องน้ำด้วยความเจ็บใจ เพราะสุดท้ายแล้วฉันก็ต้องเดินไปหยิบเสื้อให้เขาเสมือนว่าเป็นเบ๊จนได้ “นี่ค่ะ!” เมื่อได้เสื้อมา ฉันก็เดินตรงไปยื่นมันให้เขาทันที ไม่ได้มองหรอกว่าเขากำลังแสดงสีหน้ายังไง เพราะไม่อยากให้เขามโนว่าฉันพิศวาสเรือนร่าง ฉันจึงไม่ได้หันมอง แต่จนแล้วจนรอดพี่เกมส์ก็ยังเล่นตุกติกไม่ยอมรับเสื้อไปจากมือฉันสักที “ใส่เสื้อให้ด้วยได้ป่ะ?” แถมยังย้อนกลับมาอย่างไม่อายปาก “ไม่ค่ะ ใส่เอง หนูรีบ!” ฉันพยายามยัดเยียดเสื้อใส่มือคนเจ้าเล่ห์แบบรีบร้อน เพื่อให้ทุกอย่างจบลงโดยเร็ว แต่พี่เกมส์ยังคงดื้อและยืนกรานที่จะให้ใส่เสื้อให้อยู่นั่น “น้องกานต์จะให้พี่ถอดเลยไหมคะ?” แม้ไม่ได้บังคับอย่างตอนแรก แต่การกระทำที่สื่อออกมามันไม่ได้ต่างจากเดิมเลยสักนิด! โอ๊ยยยยย! เกลียด เกลียด เกลียด! ฮืออออ แต่เพราะเขายังนิ่งและเอาแต่ตื้ออยู่แบบนั้น ฉันก็เลยไม่มีทางเลือก เอาวะ! ก็แค่ใส่เสื้อให้พี่เขาเอง ไม่ตายหรอกคิดซะว่าหมอนี่มันพิการ ทำอะไรด้วยตัวเองไม่เป็นก็แค่นั้น รีบๆ ทำให้เสร็จจะได้รีบกลับหอ ขืนมัวชักช้าแล้วพี่นัทกลับมาเรื่องจะยุ่งกว่านี้! “งั้นพี่ถอดเลยนะคะ” ว่าแล้วเขาก็คลายปมผ้าขนหนูออกแบบไม่ถงไม่ถามสุขภาพสักคำ! “เดี๋ยวค่ะ! อย่าเพิ่ง!!” ฉันล่ะเกลียด! เกลียดความเอาแต่ใจของหมอนี่จริงๆ ให้ตายเถอะ! “อ๊ะๆ ผ้าจะหลุดแล้วน้าา~”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม