ปริญพยายามแก้ไขให้อะไรๆ ดีขึ้น แล้วเขาก็โทษตัวเองในใจที่ไม่ได้ย้ำกับคนรักว่าให้จัดชุดหรูๆ ให้ตาหน่อย เขาก็ได้แต่หวังว่าจะมีคนแต่งเหมือนเขาไม่กี่คนเท่านั้น
“ถ้าให้ตาแต่งแบบปริญตาต้องอึดอัดตายแน่ๆ”
ตากล้วยก็เอ่ยติดตลกเพราะในชีวิตไม่เคยมีโอกาสใส่ชุดแบบนั้นเลยสักครั้ง เลยไม่ค่อยแน่ใจว่ามันจะสบายเหมือนชุดที่ใส่หรือเปล่า จากนั้นก็นั่งนิ่งในรถบีเอ็มดับบลิวที่แอร์เย็นฉ่ำ
แถมมีคนขับหน้าตาหล่อๆ ใจดีๆ แบบนี้เอาอะไรมาแลกตากล้วยก็ไม่ยอม และทำให้ลืมความกลัดกลุ้มที่สุมอยู่ในใจไปได้บ้างแม้จะเพียงชั่วครู่ชั่วยามก็ตามที
ชั่วโมงนิดๆ กับช่วงสองทุ่มจากปทุมธานีคลองสี่รถก็แล่นเข้าประตู ‘เอตามัส-โตเอลเวร่า ริเวอร์ไซด์ โฮเท็ล รีสอร์ต แอนด์ สปา’ ที่รถติดเป็นทิวแถว
“เราลงตรงนี้แล้วเดินไปดีกว่านะหยก เดี๋ยวจะโทรให้คนของอานีลเอารถไปจอดให้”
ไม่นานเท่าไหร่หนึ่งในทีมบอดี้การ์ดของอาก็ตรงมาหารถของปริญ ทุกคนออกจากรถแล้วเดินเหมือนแขกหลายคนเพราะไม่กี่สิบเมตรก็เข้าล็อบบีโรงแรมได้แล้ว ตากล้วยตื่นเต้นกับสถานที่อันหรูหราฟู่ฟ่าไม่น้อย
ส่วนกรองแก้วนั้นก็ตื่นเต้นไม่ต่างกันนัก หากเก็บอาการอยู่ด้วยการเดินเกาะแขนลูกสาวที่อีกข้างมีปริญซึ่งอยากจะจูงมือแฟนสาวไม่น้อย แต่กลัวจะถูกผู้ใหญ่ตำหนิ เลยแค่เดินใกล้กันพอ
ผู้คนมากหน้าหลายตาที่เดินเข้ามาในงานและด้วยเครื่องแต่งกายหรูหราราคาแพง เครื่องประดับประดาเต็มพิกัด กรองแก้วกับพ่อดูเหมือนจะไม่มีอะไรใส่มาด้วยซ้ำ
พลอยหยกนั้นมีสร้อยทองคำขาวจี้เพชรเม็ดเล็กๆ ที่ได้เป็นของขวัญวันเกิดจากปริญตอนคบหากันได้สองปี นาฬิกาที่ใส่ก็พันกว่าบาทเท่านั้นเรียกว่าเทียบไม่ได้กับผู้คนในงานเลยแม้แต่เศษเสี้ยว
“เสียดายจังที่ใส่กระโปรงยาวมา กลัวจะเดินไม่สะดวกจังเลยปริญ”
หญิงสาวกระซิบบอกแฟนหนุ่มเมื่อเดินมาถึงห้องบอลรูมที่มีอาของเขายืนคุยกับแขกผู้ใหญ่อยู่ใกล้ๆ ประตู ส่วนอีกฟากเป็นแม่กับย่าของเขา
“เราไปหาคุณแม่กับคุณย่าก่อนดีกว่านะครับ”
คำบอกเล่าของเขาไม่ได้ทำให้พลอยหยกก้าวตามเลย แต่จะให้ทำยังไงได้นอกจากเดินตามเขาไปอย่างระมัดระวังเพราะดันใส่ส้นสูงสี่นิ้วมาเดินบนพื้นพรหมนุ่ม หันไปมองแม่ก็ใส่ส้นสูงแม้ไม่มาก
แต่ก็เห็นแม่เดินด้วยท่วงท่าไม่ต่างจากลูกนัก ส่วนตานั้นสบายหายห่วง นอกจากตื่นเต้นกับงานใหญ่กับใส่เสื้อผ้าไม่ค่อยเข้ากับชาวบ้านแล้วอย่างอื่นตาก็ผ่านฉลุย
“คุณย่า คุณแม่ครับ หยกกับที่บ้านมาแล้วครับ”
ด้วยความเป็นคนมีสัมมาคารวะพลอยหยกรีบยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง ส่วนปริญก็แนะนำผู้ใหญ่ให้รู้จักกัน คุณตากล้วยยกมือไหว้คุณอุ่นเรือนก่อนด้วยซ้ำ โดยไม่ได้คำนึงถึงว่าตัวเองอายุมากกว่าแต่อย่างใด แถมยิ้มให้อย่างมีไมตรีอันดี
“เดี๋ยวย่าจะพาไปแนะนำให้รู้จักผู้ใหญ่ในกระทรวงไว้นะลูก ไปเรียนที่อเมริกาจะได้พึ่งพาท่านไง ไปกันแม่ดวง”
ทว่าตากล้วยกลับต้องยิ้มเก้อ แล้วมองตามหลังสองสาวในชุดราตรีหรูหราราคาเรือนแสนเดินจูงแขนปริญไปต่อหน้าต่อตา
“เราไปหาอะไรกินกันดีกว่านะตา เห็นบ่นหิวตอนนั่งรถมาแล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะ”
พลอยหยกพยายามไม่คิดมากกับการถูกสองแม่ลูกลากแฟนหนุ่มไปต่อหน้าต่อตาเลยหันมาหาแม่กับตาแทน
“เอ่อ! ก็ดีเหมือนกัน ว่าแต่เขานั่งกันที่ไหนล่ะ ไม่เห็นมีโต๊ะหรือเก้าอี้ให้เลย มีแต่คนยืนคุยกันเต็มไปหมด”
“เขาเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์ค่ะตา ไม่ได้เป็นแบบโต๊ะจีนหรอก มาเร็วเราไปทางโน้นกัน ของกินเต็มไปหมดเลย”
ว่าแล้วก็ลากแขนตาเดินไปอย่างระมัดระวังเพราะกลัวจะสะดุดอะไรเข้าให้
“เอ๊ยเจ้าหยก! ตาคิดว่าจะมีโต๊ะจงโต๊ะจีนให้นั่งกินสบายๆ มีแต่บุฟฟ่งบุฟเฟ่ต์อะไรกันล่ะนี่ ของกินกระจึ๋งเดียวกินคำคุยกันสิบคำกว่าจะอิ่ม รู้อย่างนี้ตากินข้าวที่บ้านมาก่อนก็ดีหรอก หิวจะตายแล้ว ไม่เห็นมีอะไรน่ากินสักนิด”
ตาออกอาการเป็นคนแรกขณะเดินตามหลานไป “พ่อนี่! พูดเบาๆ สิ! อายคนหมดแล้วรู้มั้ย”
แต่พอถูกลูกสาวเอ็ดน้อยๆ เบาๆ ตาก็สงบปากสงบคำ แล้วยอมเดินตามกันไปตักอาหารใส่จาน อยู่ตรงไลน์บุฟเฟ่ต์ยาวเหยียดที่ทำไว้ขนาบผนังห้องบอลรูมกว้างใหญ่มีแขกมาร่วมงานนับพันและเป็นแขกระดับเศรษฐีหรือไม่ก็นักข่าวแทบทั้งนั้น
“ที่ให้นั่งก็ไม่มี แล้วจะให้ยืนกินนี่นะ แถมคุยไปด้วยเหมือนคนพวกนี้พ่อไม่ไหวหรอก แล้วนี่มันอะไรล่ะจืดชืดสู้ฝีมือเอ็งก็ไม่ได้”
พลอยหยกเห็นตาหยิบคานาเป้กุ้งมาใส่ปากแล้วทำหน้าประหนึ่งกินอาหารค้างสามเดือนก็ไม่ปาน
“งั้นตากับแม่รอตรงนี้นะจ๊ะ เดี๋ยวหยกจะลองเดินไปดูทางนั้นว่ามีอะไรให้ตากินได้บ้าง”
“รีบไปรีบมานะลูก แม่ไม่อยากอยู่ในนี้กับตานานๆ”
“จ้ะแม่”
สิ้นคำพลอยหยกก็เดินไปหาอาหารที่พอจะทำให้ตาอิ่มท้อง เลยได้กระเพาะปลาในชามซุปใบเล็กๆ มาให้ทั้งแม่และตาคนละถ้วย และต้องเดินอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวส้นสูงจะพาพลิก ไหนจะกลัวชนคนในงานที่ไม่รู้มาจากไหนเยอะแยะมากมายอีก
ยังเดินประคองถ้วยซุปมาไม่ถึงด้วยซ้ำ มองไปหาตาก็เห็นเดินประคองจานที่มีของกินสารพัดเต็มจนเกินพิกัดแล้วดันไปชนกับแขกฝรั่งตัวใหญ่แม้จะชนไม่แรงแต่ของในจานนั้นก็หกรดทั้งสองคน
“Oh my god!!! Are you ok?”