EP 6

1156 คำ
แม้จะไม่ค่อยได้ใช้คำพวกนี้แต่เขาก็รู้จักดี การที่แฟนสาวของหลานอยากตะเกียกตะกายมาให้ทัดเทียมกัน ก็ให้มาให้หายอยากจะได้รู้ว่ามันไม่ใช่ของง่ายสักนิด “แต่ผมว่าถ้าเราห้ามคนของเราไม่ได้ เราก็ควรจะห้ามผู้หญิงคนนั้น และถ้าห้ามตรงๆ ไม่ได้ เราก็ห้ามแบบอ้อมๆ ได้นี่ครับ” “ยังไงกัน” สะใภ้กับแม่ถามออกมาแทบจะพร้อมกัน “เราจะพาแฟนนายราฟฟ์รวมทั้งญาติมาเข้าสังคมของพวกเรา ให้มาดูให้มารู้และให้มาเห็นว่าเราเป็นยังไง อยู่กินยังไง ทำอะไรบ้าง รับรองไม่เกินสามเดือนคงเผ่นหรือไม่ก็ทะเลาะกันจนเลิกกันไปเองล่ะผมว่า” “ถ้าไม่เป็นแบบนั้นล่ะนีล” ทั้งสองแทบจะถามออกมาพร้อมกันด้วยซ้ำ เขาหันไปหาแล้วยิ้มอย่างคนไม่เชื่อว่าจะมีห้วงเวลานั้น แต่ก็เผื่อการคำนวณผิดของตัวเองเอาไว้ด้วย “ถ้าคนพวกนั้นอยู่กับพวกเราได้แบบกลมกลืนเราก็คงจะต้องยอมตามที่นายราฟฟ์อยากให้เป็นแล้วล่ะครับ เพราะผมไม่อยากห้ามสองคนที่รักกันมากเกินไป” ในความคิดเขาแล้วไม่ได้สนว่าคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตนั้นจะต้องเป็นใครมาจากไหน ขอเพียงให้เข้ากันได้ก็เป็นพอ แต่สำหรับหลานแล้วทั้งแม่ทั้งพี่สะใภ้ต่างคาดหวังจนเกินไป แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อหลานไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อรองคนทั้งสองได้อย่างเขา หลานไม่ได้กุมกิจการ กุมเงินเข้าออกของบ้านเหมือนที่เขาเป็นนี่นา “หมายความว่าพี่จะต้องได้เด็กคนนั้นมาเป็นสะใภ้เหรอนีล” ดวงกมลตกใจไม่น้อยกับคำน้องชายสามี “ดูไปก่อนสิครับพี่ดวง อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ผมไปนะครับ มีประชุมตอนบ่าย และต้องบินคืนนี้ด้วย” ว่าแล้วเขาก็ลุกพรวดพราดขึ้น “แต่นี่มันวันหยุดนะลูก” ผู้แม่เลยทักท้วงขึ้น เขาหันมายิ้มให้แม่ด้วยท่าทีของคนอารมณ์เย็นเฉกเช่นที่เคยทำ “คุณแม่ก็รู้ว่างานของผมไม่ได้ผูกติดกับวันหยุดสักเท่าไหร่ ลืมไปแล้วเหรอครับว่าผมไม่ได้รับราชการเหมือนพี่ปกรณ์นะครับ เจอกันอาทิตย์หน้าเลยนะครับ” แล้วเขาก็เดินออกจากห้องตรงไปหารถที่สองบอดี้การ์ดสตาร์ตเครื่องรอเรียบร้อยแล้ว เพราะมีงานอีกมากมายก่ายกองให้ต้องดูแลตรวจตรา ไม่ว่าจะกิจการในเมืองไทย สิงคโปร์ หรือแม้แต่ในอิตาลี ทุกอย่างทุกเรื่องล้วนแล้วแต่เป็นเขาเท่านั้นที่จะต้องจัดการ เพราะบ้านทั้งบ้านไม่เหลือใครให้พึ่งพาได้แล้วนอกจากตัวเอง   “แม่จ๋า! เสร็จหรือยัง เดี๋ยวปริญจะมาถึงแล้วนะจ๊ะ” พลอยหยกยืนมองตัวเองในกระจกตู้โชว์ห้องรับแขกไปด้วยปากก็ร้องเรียกแม่ไปด้วย แต่ไม่ได้สนใจกับคำตอบที่แม่ร้องบอกออกมานัก เพราะกำลังจ้องชุดราตรีแขนกุดสีพีชยาวถึงพื้นพอดิบพอดี เมื่อมีส้นสูงสี่นิ้วที่ตัวเองหยิบยืมเพื่อนมาก็ไม่ทำให้มันรุ่มร่ามสักเท่าไหร่นัก แถมราคามันนั้นทำให้รู้สึกเสียดายเงินแทนแฟนหนุ่มไม่น้อย “เป็นแฟนหลานเจ้าของโรงแรมนะหยก จะใส่ธรรมดาๆ ได้ยังไง มันต้องชุดเป็นหมื่นๆ อย่างนี้ล่ะ ไม่ต้องเสียดายเงินแทนเราหรอกนะ ถึงเวลาจ่ายเราก็ต้องจ่าย” แล้วเธอก็มองเขาส่งบัตรเครดิตให้ร้านเสื้อเอาไปรูดปี๊ดอย่างไม่คิดอะไรมาก “แล้วแน่ใจเหรอหยกว่าจะไม่เอาชุดคุณแม่กับคุณตาไปด้วยน่ะ จะได้ไม่ต้องไปหาหลายที่ไง” “ไม่ต้องจ้ะ แม่กับตาบอกว่ามีแล้วไม่ต้องซื้อเพราะเสียดายเงินแทนปริญน่ะ” “ไม่เห็นต้องคิดมากเลย เรามีก็จ่ายให้เท่านั้น ถ้าเราไม่มีต่อให้คุกเข่าอ้อนวอนเราก็ให้ไม่ได้หรอก จริงมั้ย” พลอยหยกดีใจที่ไม่ว่าจะเมื่อไหร่เขาก็ไม่เคยเปลี่ยน เป็นคนดีเห็นอกเห็นใจคนอื่นยังไงก็เป็นอย่างนั้นเสมอมา แล้วจะให้เธอทอดทิ้งผู้ชายดีๆ อย่างนี้ไปได้ลงคอได้ยังไง ตายสิบชาติก็หาใหม่ไม่ได้ “เสร็จแล้วลูก อ้าว! แล้วตาล่ะออกมาหรือยัง” “อยู่นี่! พ่อเสร็จตั้งแต่สิบชาติแล้ว มัวแต่นั่งรอเราสองคนนั่นล่ะ อะไรกันแต่งตัวกันนานจริงๆ พวกผู้หญิงนี่น่ารำคาญแท้ๆ” ตากล้วยร้องบอกมาจากนอกประตูแถมทำหน้าเซ็งนิด เพราะนั่งรอลูกกับหลานนานหลายนาทีแล้ว “อ้าวพ่อ! จะออกงานสำคัญทั้งทีก็ให้สวยๆ หน่อยสิ เดี๋ยวหยกก็อายคนหมดพอดี ว่าแต่แน่ใจแล้วเหรอหยกที่จะเอาตากับแม่ไปน่ะ กลัวจะไปทำอะไรขายหน้าเขาขึ้นมาน่ะสิ” “โธ่เอ๊ย!!! มัวแต่กลัวอยู่อย่างนั้นเมื่อไหร่จะได้เห็นโลกภายนอกใหม่ๆ กับเขาบ้างล่ะแก้ว” ตากล้วยรีบสวนก่อนหลานที่กำลังล็อกประตูบ้านแล้วเตรียมเดินไปรอปริญตรงประตูรั้ว “ก็แก้วกลัวนี่นาพ่อก็ แก้วไม่ได้ชอบออกงานสังคมเหมือนพ่อนี่ ที่จะไปงานบวชงานแต่งไม่เว้นน่ะ ดูแต่งตัวเข้าสิ เต็มยศเชียวนะ รองเท้าหนังผมก็วี่ซะเรียบแปล้เลย” กรองแก้วมองพ่อตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วหันไปมองลูกยิ้มๆ เพราะวันนี้พ่อใส่กางเกงสแลคสีดำ เสื้อพระราชทานผ้าไหมสีครีมที่ซื้อตอนไปทอดผ้าป่าจังหวัดอุดรธานีเมื่อเดือนก่อนในราคาแปดร้อย “กลัวอะไรนักหนากับอีแค่ออกงานเลี้ยง เดินไม่กี่ก้าวก็นั่งกินๆ ๆ เสร็จก็กลับออกมาขึ้นรถ แค่นี้เองสบายจะตายจริงมั้ยหยก” “จ้ะตา ปริญมาแล้ว” “ไปขึ้นรถเลยเดี๋ยวตาปิดประตูเอง” ตากล้วยเห็นลูกกับหลานห่วงชุดห่วงกระเป๋าหิ้วในมือใบเล็กๆ แล้วก็ออกอาการรำคาญนิดๆ เลยรีบโบกมือไล่ ปริญมองผู้อาวุโสวัยหกสิบต้นๆ ที่ยังกระฉับกระเฉงอยู่ก็ยิ้มบางๆ ออกมา และเห็นว่าวันนี้คุณตาแต่งหล่อกว่าทุกทีที่เคยเห็น แม้ตัวเขาจะมาในชุดทักซิโดสีดำก็ตามที “หยกทำไมตาไม่แต่งเหมือนปริญล่ะ จะเข้ากับคนอื่นหรือเปล่า” กรองแก้วอดกังวนไม่ได้ “ไม่เป็นไรครับคุณแม่ ใครอยากแต่งอยากใส่อะไรก็ตามสบายครับ แต่พอดีผมจะต้องขึ้นเวทีคู่กับอานีลเลยถูกบังคับให้ใส่ชุดนี้ครับ” 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม