EP 9

1143 คำ
“ไปอพาร์ตเมนต์ทิมก่อน แล้วฉันจะปล่อยให้พวกนายพักกินอะไรสักสองชั่วโมง” “ครับ” เพียงแค่นั้นเมอร์เซเดส-เบนซ์มันวาวก็เลี้ยวไปอีกทิศทางทันที ราวสามสิบนาทีรถก็จอดกึกอยู่ตึกสูงระฟ้าในมหานครที่ไม่เคยหลับใหลแล้ว ชั้นบนสุดเป็นอพาร์ตเมนต์ของ ‘ทิม หรือทิโมธี บอล์ดวิน วอล’ หนุ่มลูกครึ่งไทยอเมริกันซึ่งเป็นหนึ่งในสามเพื่อนสนิทของเขาที่คบหากันมานานตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันแล้ว “นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” คนที่เดินมาเปิดประตูรับกับทักทายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มหาใช่เจ้าของห้องไม่ แต่เป็น ‘เมฆินทร์ แพทดิสัน’ หนุ่มผู้หล่อเหลาและหันหลังให้ตำแหน่ง ‘ผู้นำของรัฐฉาน’ อย่างน่าเสียดายแล้วให้น้องชายได้ไปครอง ส่วนตัวเองหันหน้าพัฒนาธุรกิจของครอบครัวแทน “นัดแล้วจะไม่มีได้ยังไง” สองหนุ่มยกมือตบกันกลางอากาศเป็นการทักทายอย่างคุ้นเคย ก่อนจะเดินไปยังห้องรับแขกอันโอ่โถงกว้างขวาง มีทั้งเหล้าและนารีไว้ให้คลอเคล้าอยู่หลายนางแล้ว “ว่าไงไอ้สิงห์! การมาช้าของนายทำให้ได้ของเหลือเลือกตามระเบียบนะ” เขายกมือขึ้นตบกับเพื่อนรักอย่าง ‘สเตฟาโน อาร์เมโร่’ ที่นั่งอยู่ชุดรับแขกอย่างสนิทสนม เพราะคบหากันมานานกว่าใครเพื่อน แถมเป็นลูกครึ่งอิตาเลียนเหมือนกัน เติบโตอยู่ที่นั่นมากกว่าเมืองไทยเหมือนกันอีก เจ้าของดวงตาสีเทอร์คอยส์จ้องมองสองสาวผมบลอนด์นั่งขนาบข้างซ้ายขวาของเพื่อนอย่างคนไม่เห็นเป็นกังวลอะไรกับสาวๆ ที่ว่าเหลือไว้ให้เขาเลยสักนิด “แล้วทิมล่ะ ไปไหน” เขาหันมองไปรอบๆ เพื่อหาเจ้าของบ้าน “เข้าไปคุยโทรศัพท์ในห้องนานแล้ว ว่าแต่แกเป็นไงสบายดีมั้ย การงาน ครอบครัว หรือสาวๆ ในสต๊อกยังอยู่ดีสบายใช่ไหมเพื่อน” “ก็เรื่อยๆ แล้วนายล่ะ” ปลัมน์เอ่ยแบบไม่ได้ต้องการคำตอบอะไรนัก “นีล! มาแล้วเหรอ เอาอะไรมั้ย” อาร์เมโร่ยังไม่ทันจะได้ตอบ วอลเลซก็เดินออกมาจากห้องแล้วร้องทักเขาก่อน แต่ตัวกลับเลี้ยวไปในครัว ได้ไวน์กับสเต๊กจานใหญ่ที่ตอนสั่งจากร้านเป็นแบบ ‘Rare’[1] เนื้อแบบไม่สุกมาก แต่พอเขาจับยัดเข้าไปในไมโครเวฟให้เพื่อนมันก็กลายเป็นแบบ ‘Medium-Rare’[2] ตามแบบที่เพื่อนชอบทันที ส่วนขวดไวน์นั้นส่งให้เมฆินทร์เป็นคนเปิด “นี่ของนาย” วอลเลซส่งจานทีโบนชิ้นใหญ่กับมันอบหัวเบ้อเร่อให้เพื่อน แล้วค่อยทรุดกายลงนั่งชุดรับแขกอีกฟากซึ่งมีสาวที่เขาเลือกก่อนใครเพื่อนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว “ขอบใจนะ แล้วว่าแต่นี้แมรี่ของนายไปไหนล่ะ ถึงต้องมาทำเองแบบนี้” ปลัมน์ถามหาแม่บ้านคนผิวดำร่างอวบอ้วนที่มักจะคอยอำนวยความสะดวกให้เวลาแวะมาหาเพื่อน “ไม่สบาย! เห็นว่าเป็นไข้หวัดตั้งแต่เช้าแล้ว ฉันเลยต้องสั่งนี่จากร้านปีเตอร์ ลูเกอร์[3]จากบรุกลินมาให้พวกนายไงล่ะ” วอลเลซใช้สายตาชี้ไปหาจานที่เพิ่งส่วนให้เพื่อน ส่วนตัวเขากับอีกสองเพื่อนนั้นกินอิ่มไปแล้ว เลยจิบไวน์คู่กับการเคล้านารีไปเท่านั้น ปลัมน์รับแก้วไวน์จากเมฆินทร์มาจิบหลังได้สเต๊กเลิศรสเข้าไปอยู่ในปากแล้วหนึ่งคำ แขนอีกข้างก็สอดไปหาสาวร่างผอมบางที่จะทำให้เขาคลายเหงาได้ในค่ำคืนนี้ “นายนี่เอาใจใส่พวกฉันในทุกรายละเอียดจริงๆ นะ แบบนี้จะให้ฉันหนีไปคบเพื่อนใหม่ที่ไหนได้ล่ะ” อาร์เมโร่เอ่ยแบบติดตลก แต่วอลเลชรู้ดีว่าเพื่อนไม่ได้ชมสักนิดแค่ประชดเล่นๆ มากกว่า เขาเลยปัดมือกลางอากาศไปทางคนพูดควบคู่กับการชักสีหน้าแบบไม่เชื่อถือสักนิดก่อนเอ่ย “แกจะไปคบใครที่ไหนก็ได้นะ ฉันจะได้สบายกว่านี้หน่อย” สี่หนุ่มกับห้าสาวต่างหัวเราะแทบจะพร้อมกัน “เอ่อ! เห็นว่าแกจะให้นายราฟฟ์มาเรียนที่นี่เหรอ จะมาเมื่อไหร่ล่ะ แล้วมีอะไรให้ฉันช่วยมั้ย” แม้ทั้งสี่จะอยู่ต่างที่ต่างประเทศ แต่การสื่อสารกันนั้นเป็นไปอย่างไม่ขาดตอนด้วยการใช้ไลน์กรุ๊ปคุยตลอด และคำถามนี้ก็ทำให้ปลัมน์ต้องถอนหายใจหนักๆ ออกมา ก่อนจะวางแก้วแล้วจัดการกับสเต๊กคำต่อไป “ถอนหายใจแบบนี้แปลว่ายังไงวะ” เมฆินทร์ชักสงสัยในท่าทีเพื่อน “ติดผู้หญิงจนโงหัวไม่ขึ้น ยื่นคำขาดมาว่าถ้าไม่ได้แต่งงานก่อนก็จะไม่เรียนไม่ทำอะไรทั้งนั้น” “ก็แต่งๆ ให้ไปเลยสิ จะได้จบๆ เรื่อง” วอลเลซไม่เห็นว่าจะเป็นปัญหาตรงไหนในเมื่อครอบครัวเพื่อนร่ำรวยล้นฟ้าขนาดนั้น “ไอ้ฉันมันก็ไม่อยากสนสักเท่าไหร่หรอก แต่พี่ดวงกับคุณแม่นี่สิ ไม่ยอมท่าเดียว เกี่ยงว่าฝ่ายผู้หญิงไม่เหมาะสมในทุกๆ ด้าน เลยโยนปัญหามาให้ฉันต้องเป็นคนเจรจาแทน” “แล้วแกทำยังไง” เมฆินทร์เหมือนรู้อยู่ในใจแล้วว่าเพื่อนจะแก้ไขปัญหายังไง แต่ก็ยังอยากรู้จากปากหลังจากจิบน้ำสีแดงในแก้ว ก่อนจะจุ๊บลงไปกับหัวไหล่สาวข้างกาย “ก็กำลังหาทางอยู่” ปลัมน์ส่งสเต๊กเข้าปากอย่างคนไม่คิดมากอะไรเช่นกัน “ไม่ให้เงินไปล่ะ อยากให้เท่าไหร่ก็บอกไป ขี้คร้านจะรีบตะครุบ” อาร์เมโร่เสนอบ้าง เพราะเขาใช้วิธีนี้บ่อยจะตาย รวมทั้งเพื่อนคนอื่นๆ ด้วย “เสนอให้ล้านหนึ่ง แต่ยังหยิ่งอยู่ ไม่รู้อยากได้มากกว่านั้นหรือเปล่า ฉันเลยยังไม่พูดถึงเรื่องเงิน แต่ให้นายราฟฟ์ลากมาออกงานด้วยเรื่อยๆ เอาแม่กับตามาด้วย คิดแล้วยังอดขำไม่หาย” “ขำอะไรวะ” ปลัมน์ไม่รีรอที่จะเล่าวีรกรรมเปิ่นๆ ของครอบครัวแฟนหลานให้เพื่อนๆ ฟังด้วยอาการขำ แม้จะรู้สึกผิดอยู่บ้างที่ทำให้คนทั้งสามอับอายขายขี้หน้า แต่เขาก็เห็นว่า การให้มารับรู้ความจริงที่จะต้องเผชิญจริงๆ หากต้องแต่งงานกับหลานเขานั้นจะเป็นยังไง ถ้าเจ้าหล่อนยังดื้อที่จะเดินหน้าเขาก็จะไม่ห้ามอีกต่อไปด้วยซ้ำ [1] Rare คือ เนื้อแบบไม่สุกมาก [2] Medium-Rare ซึ่งด้านนอกจะดูเหมือนสุก แต่ข้างในจะยังคงสีแดงเรื่อๆ อยู่ [3] ‘Peter Luger’ ร้านดังใน Brooklyn
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม