“ม่อนจะปั่นจักรยานของป้านาไปค่ะ” เธอส่งยิ้มให้นายพูดไปด้วย
“เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้ง” เขาพูดขึ้นโบกมือไม่อนุญาตม่อนหน้าเสีย
“เดี๋ยวฉันโทรให้สนขับรถออกไปซื้อให้ ว่าแต่เราไม่ไปหาหมอแน่นะ เจ็บคออย่างเดียวรึ” เขาซักไซ้เธอต่อเดินเข้ามาหา ม่อนขยับถอยหลังสองสามก้าว แต่ก็ต้องหยุดนิ่ง เพราะนายจับที่ข้อมือเอาไว้ ก่อนจะจูงผลักเธอให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่มีอยู่ในห้องครัว ม่อนเงยหน้ามองเขายังสงสัย เพราะท่าทางนายดูแปลกไป รู้สึกห่วงหาอาทรเธอกว่าเมื่อวานเสียอีก
“กินน้ำผลไม้ไปก่อนแล้วกัน” เขาเดินถือแก้วน้ำผลไม้ที่รินใหม่จากตู้เย็นมาให้ ม่อนยกมือไหว้ก่อนจะรับมาถือไว้หลบสายตาที่มองมาแบบยิ้ม ๆ
นายดินหันไปหามือถือก่อนจะสั่งให้สนซื้อยามาให้ม่อนพร้อมเล่าอาการคร่าว ๆ ให้ฟัง ม่อนถอนหายใจออกมาดัง ๆ ยกน้ำผลไม้ขึ้นดื่มตามองนายที่หันกลับไปทำอาหารต่อวันนี้เขาดูไม่เหวี่ยงวีนเหมือนเมื่อวานอย่างกับเป็นคนละคน
“พรุ่งนี้ฉันจะไปงานศพแม่ของป้านา ม่อนจะไปด้วยไหม” เขาถามขึ้นมาลอย ๆ ตาและมือยังสาละวนกับการทำอาหาร
“ไปค่ะ” ม่อนรับปากเสียงใสคิดถึงพ่อกับแม่ใจจะขาด ถ้าไปงานนี้ก็ต้องเจอทั้งสองคนด้วย
“ม่อนมาช่วยนายยกจานนี้ออกไปหน่อยเร็ว” เขาหันมาหาชี้นิ้วให้เธอทำตามที่บอกม่อนรีบลุกขึ้นตัวเซทำท่าจะล้มเขารีบรับตัวเธอเอาไว้ทันที
“ไหนว่าดีขึ้นแล้ว” เขาต่อว่าม่อนเสียงเขียวรีบประคองเธอออกไปนั่งที่โต๊ะอาหารด้านนอก ม่อนรู้สึกผิด
‘จะให้บอกยังไงก็เมื่อกี้มันดีขึ้นแล้วจริง ๆ’ เธองึมงำในใจ
“ถ้าพรุ่งนี้ไม่ดีขึ้นต้องไปหาหมอนะ” เขากำชับเธออีกรอบ
นายดินยกจานสเต๊กและน้ำซุปกระดูกหมูที่เขาชอบทานออกมาด้วย
“มีเฟรนช์ฟรายส์ด้วยชอบไหม” เขาเอ่ยถาม บีบซอสมะเขือเทศใส่ในจาน นายดินยิ้มให้เห็นฟันเรียงกันสวย ม่อนมองหน้านายอย่างปลื้ม เธอจ้องภาพถ่ายใบใหญ่ทั้งที่ติดที่ห้องทำงานและที่ติดในห้องนอนนายตอนยังไม่เจอกัน เธอก็ว่านายดูดีที่สุดแล้วแต่เมื่อเห็นตัวจริงนายยิ่งดูดีขึ้นไปอีก
“กินสิหน้าฉันมีอะไรติดอยู่ยังงั้นรึ” เขายิ้มปากกว้างม่อนทำหน้าเหวอ ไม่คิดว่าเขาจะมองเห็นเพราะเห็นนายตั้งใจตัดเนื้อสเต๊กในจานให้เธออยู่
ม่อนออกอาการเขินก้มหน้างุดมองในจานของตัวเองใช้ส้อมจิ้มเนื้อที่นายหั่นไว้ให้
“กินเยอะ ๆ” เขายังบอกสำทับลงมาอีก คอยหั่นเนื้อให้และยังคอยบีบซอสจนม่อนรู้สึกอึดอัด เธอรีบกินรีบเคี้ยวจนนายต้องปรามอีกและหัวเราะในความซื่อใสของสาวน้อย
นายดินลืมเรื่องที่เขาขุ่นใจไปเสียสนิทกินอาหารตรงหน้าอย่างออกรสและกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดีกับเด็กม่อนคนนี้
“พี่กลับมาแล้วรึครับ” เสียงดอยสั่นผิดปกติจ้องมองสาวสวยนางแบบและนักแสดงชื่อดังที่นั่งอยู่ตรงหน้า เธอยักไหล่ให้เขาเล็กน้อยแบบไม่ยี่หระ รีบเดินไปยังเคาน์เตอร์เครื่องดื่มที่อยู่ห้องโถงในคอนโดหรูกลางใจเมืองของภูผารินบรั่นดีใส่แก้วตัวเองก่อนจะกระดกมันลงคออย่างไม่รู้สึกรู้สา
(“อือ...”) เขาตอบสั้น ๆ
(“ของฝากแกกับ เอ่อ...กับของปลาอยู่ในห้องนอนของพี่นะ”) สิ่งที่พี่ชายบอกทำให้เขาถึงกับหน้าถอดสี มือไม้สั่นเทารีบถามพี่ชายออกไปด้วยน้ำเสียงละล่ำละลัก
“ครับ เอ่อแล้วพี่ดินเอามาให้ผมตั้งแต่เมื่อไรครับ เอ่อ...ไม่ยักจะโทรหาผมเลยตอนพี่จะมา” ดอยถามออกไปด้วยความกังวลใจ
(“ช่างเหอะน่า ถ้าบอกแกก็ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์น่ะสิ ว่าไหม”) เขายิ้มหยันให้กับตัวเองตอนนี้เจ็บหนึบไปทั้งใจ
(“ดอยฉันยังเป็นพี่แกอยู่นะ ไม่รู้แกยังจำได้หรือเปล่า”) เขาพูดไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่คนที่ได้ฟังถึงกับสะอึก
“ครับ” ปลายสายรับคำเสียงอ่อยความรู้สึกผิดจับเกาะกินอยู่ทั้งใจ
(“แกจะกลับมาที่นี่วันไหนพี่มีเรื่องจะคุยกับแกเยอะมาก”) นายดินถามออกไปเจตนาเน้นคำว่าเยอะแต่น้ำเสียงของเขาก็ยังคงเป็นปกติ
สายตาคมกร้าวที่จ้องมองรูปถ่ายของทั้งสามคนด้วยความขมขื่น มือหนึ่งของนายดินถือรูปนั้นเอาไว้แน่นอีก
“เอ่อ...พี่ครับช่วงนี้งานยุ่งมาก ๆ เลยครับ คงไม่ได้กลับบ้านง่าย ๆ” ดอยรีบแก้ตัว
(“ก็เอาตามที่แกสะดวกแล้วกัน”) ปฐพีกดสายทิ้งทันที กรามของเขาขบกันแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูด
“ฉันหวังว่าแกจะหาคำตอบที่ดีให้กับฉันได้นะนายดอย” พี่ชายบ่นสบถออกมาเขาเจ็บจนรู้สึกชาหน่วงไปทั้งใจน้องชายกับคนรักมีอะไรกัน สองคนนั้นยังเห็นเขาอยู่ในสายตาอีกหรือ
“กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง” เสียงมือถือของปภัสสรที่วางอยู่ตรงหน้าของภูผาดังขึ้น เขาจ้องมองหน้าจอมือถือของเธอ พอเห็นเป็นชื่อของพี่ชายสีหน้าของเขาก็ยิ่งซีดลงอีกจากที่ซีดอยู่แล้ว
“ปลาพี่ดินโทรเข้ามาในเครื่องของคุณ” เขาบอกเธอน้ำเสียงสั่นความรู้สึกสะท้านไปทั้งทรวง
“ช่างปะไรคะ ก็ปล่อยไว้แบบนั้นแหละค่ะ หรือว่าคุณจะให้ปลารับสายเขา” เธอมองหน้าผู้ชายตรงหน้าสีหน้าเรียบเฉยรู้สึกไม่ยี่หระที่จะรับสายของปฐพีแต่ส่งสายตาคาดคั้นเอาเรื่องกับภูผา
“ยังไงผมก็ยังรู้สึกผิดเรากลับไปสารภาพกับเขาดีไหม” ดอยพูดออกมาเชิงปรึกษา
“ปลาว่าอย่าเพิ่งดีกว่าค่ะ ยังไงปลาจะหาจังหวะคุยกับคุณดินเอง” เธอพูดเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรจริง ๆ
“มาถึงขั้นนี้แล้วนะคะ ดอยคุณจะกลัวอะไร” เธอนั่งลงใกล้ ๆ เขายกแขนทั้งสองข้างขึ้นโอบรอบคอของเขา
“ผมรู้สึกผิด” เขาบอกเธอเสียงเอื่อย นัยน์ตาเศร้า
“ปลานึกว่าคุณรักปลาและจริงจังกับปลามากกว่าคุณดินเสียอีก” เธอรู้สึกหัวเหวี่ยง เมื่อเห็นภูผามีทีท่าอ่อนแออย่างนี้
“เขาเป็นพี่ชายของผม และเราก็...” หญิงสาวรีบยกมือขึ้นปิดปากชายหนุ่มทันที
“ถ้าคุณจะพูดอย่างนี้อีกปลากลับนะคะ แล้วอย่าหวังว่าเราจะได้เจอกันอีก” เธอทำสะบัดน้ำเสียงเบี่ยงตัวออกห่างจากเขาในทันที
ภูผารีบคว้าแขนเธอไว้ก่อนจะดึงเธอเข้ามากอดรัดทั้งตัว
“คุณก็รู้ว่าผมรักคุณมาก ผมขาดคุณไม่ได้นะปลา” ดอยซุกหน้าลงบนซอกคอขาวนุ่มของปภัสสรแทบทันที เธอได้แต่ยิ้มเต็มใบหน้ายกมือขึ้นโอบรัดรอบคอของเขาไว้แน่นแล้วทั้งสองก็จุมพิตกันแบบดูดดื่ม
“ปลาไม่กลัวนะคะ ปลารู้ว่าใจของเราสองคนตรงกัน” เธอพูดปลอบประโลมชายหนุ่มผลักเขาลงนอนแนบไปกับโซฟาฝ่ามือนุ่มลูบไล้บนเรือนกายของเขาทั้งตัวแล้วก็หยุดลงตรงจุดแข็งขืนที่เด่นตระหง่านอยู่ใต้ร่มผ้า