พราวตะวันคิดอะไรไม่ออกเลยเมื่อมีร่างสูงมายืนอยู่ข้างๆ เขาให้เธอเดินตามหลังเขาไปที่รถเขาซึ่งจอดไว้ด้านล่าง เขาเดินเร็วจนเธอแทบวิ่งตาม
พอถึงที่รถเขามองเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวๆ นั้นเขาก็ให้เธอเข้าไปในรถยนต์ของเขา วันนี้ไมเคิลขับรถธรรมดาไม่ให้เป็นที่สะดุดตาใครเพื่อมาหาเธอโดยเฉพาะ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครจะมาจำเขาได้มากนัก
ด้วยความใจร้อนของชายหนุ่ม บวกกับความต้องการที่อัดประทุทำให้เขาใจร้อนกว่าเดิมเป็นสิบเท่า เขาขับรถเร็วจนเธอกลัว
“เธอเป็นคู่นอนคนแรกที่ทำให้ฉันต้องอดกลั้นอะไรมากมาย ฉันต้องระเบิดแน่ตอนถึงเตียงที่คอนโด” เขาพูดขึ้นมาพร้อมกับขับรถเร็วขึ้นมาอีก
พราวตะวันใจไม่ดี เขาขับรถเร็วเหลือเกิน เชื่อว่าเขาคงไม่กลัวเกรงใครด้วยเพราะว่าที่บ้านเขานั้นก็มีอิทธิพลมากมายล้นฟ้า แต่เธอกลัวว่ามันจะไม่ถึงที่หมาย ถ้าเขายังใจร้อนอยู่อย่างนี้
“คุณยังจะหักเงินโบนัสฉันจริงหรือเปล่าคะ” เธอชวนเขาคุยเรื่องอื่นเพื่อเบี่ยงประเด็นให้เขาใจเย็นลง
“ฉันไม่เคยพูดเล่น”
“แต่ว่าเงินนั่น ฉันต้องใช้นะคะ แล้วคุณจะมาหักเงินด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องได้ยังไง”
“เธอทำให้ฉันต้องพูดอย่างนั้นเอง ถ้าขืนฉันปล่อยให้เธอยืนเถียงปาวๆ โดยที่ไม่ทำอะไร ต่อไปคงไม่มีใครหน้าไหนในร้านเคารพฉันหรอก เจ้านายคือเจ้านาย ลูกน้องก็คือลูกน้อง เดี๋ยวฉันจะเอาเงินที่หักไปให้เอง แต่เป็นเงินจากฉันไม่ใช่เงินของร้าน แล้วก็ไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก ฉันไม่ชอบเอาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมาปนกัน เรื่องที่ทำงานก็เอาไว้ที่ทำงาน ตอนนี้เราสองคนไม่ได้เป็นเจ้านายกับลูกน้องกัน แต่เป็นคู่นอน จำเอาไว้”
พราวตะวันเม้มปาก เธอไม่มีทางที่จะเอาเงินจากเขาหรอก ถ้าเขาไม่ยอมยกเลิกคำสั่งที่จะหักโบนัสเธอ เธอก็จะยอมให้เขาหักเงิน แค่สองเดือนเท่านั้น เธอคงไม่อดตายหรอก
เธอคิดอย่างถือดี
เขาจะเอาเธอไปต้มยำทำแกงอย่างไรเธอไม่สน แต่ขออย่างเดียวอย่าหยามเกียรติกันด้วยการหว่านเงินให้เรื่อยเปื่อยเหมือนเธอเป็นผู้หญิงหิวเงิน
เพราะศักดิ์คศรีเธอก็มีเหมือนกัน
ไม่นานนักรถยนต์ของไมเคิลก็วิ่งเข้าไปจอดที่ใต้คอนโดของเขาเอง เขาหยิบการ์ดมาหนึ่งใบให้เธอถือเอาไว้ เดินเข้าไปที่ประตูแล้วยื่นบัตรนี้ให้การ์ดที่เฝ้าดู เดี๋ยวเขาจะชี้บอกเองว่าลิฟท์อยู่ที่ไหน
เขามองหน้างงๆ ของพราวตะวันแล้วก็ถอนใจในความใสซื่อของเธอ
“คงไม่สนุกหรอกถ้าจะให้ใครจับภาพที่ฉันกับเธอไปด้วยกันได้แล้วเอามาเขียนข่าวเสียหาย เท่าที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้ฉันก็ปวดหัวพอแล้ว”
เขาพูดเสร็จก็เปิดประตูรถออกไปยืนจนเธอต้องเปิดตามเขาไปยืนงงๆ อยู่ เขาล็อครถแล้วเดินจากไปไม่แม้แต่จะเหลียวหลังมองเธอ
พราวตะวันเดินตามหลังเขาไปห่างๆ อาคารที่เป็นห้องชุดของเขาดูโออ่ากว้างขวางและก็หรูหราเหลือเกิน แต่เธอกับรู้สึกได้แต่ความโดดเดี่ยวอ้างว้างจากความเงียบเชียบนั้น มันไม่ครึกครื้นและอบอุ่นเหมือนโรงแรมที่เธอเช่าอยู่เลย
เขาเดินเข้าไปก่อน การ์ดที่เฝ้าอยู่โค้งคำนับให้เขาอย่างอ่อนน้อม ก่อนที่จะเปิดประตูให้เขาเข้าไปอย่างง่ายดาย วูบหนึ่งเธอหวังว่าเขาจะหันมามองเธอบ้างว่าเธอจะตามเดินมาถึงไหนแล้ว แต่เขาก็เดินไป ไม่หันมองย้อนกลับมาดูเธอแม้แต่นิดเดียว
“ไปไหนครับ” การ์ดเข้ามาขวางเธอเอาไว้ เมื่อเธอเดินมาที่ประตู การปฏิบัติแตกต่างกับที่ทำต่อไมเคิลอย่างสิ้นเชิง
สายตาที่มองเธอหัวจรดเท้านั้นบ่งบอกว่า ฐานะอย่างเธอไม่เหมาะสมกับสถานที่นี้อย่างเหลือเกิน เธอก็พอจะรู้ตัวอยู่หรอก แต่คนที่เดินไปก่อนหน้านี้นั่นแหล่ะที่สั่งให้มามาทั้งที่อยู่ในชุดที่ไม่เข้ากับที่นี่ จะว่าพวกเขาที่ดูถูกเธอก็ไม่ผิด จะผิดก็แต่คนที่ทิ้งเธอให้เผชิญกับสายตาดูถูกนี่ต่างหาก
พราวตะวันยื่นการ์ดให้พวกเขาดู
“ลิฟท์อยู่ทางนั้นครับ เสียบการ์ดที่ช่องเหนื่อปุ่มกดหมายเลขชั้นของลิฟท์ได้เลย แล้วลิฟท์จะเปิดตรงกับห้องของคนที่ให้การ์ดคุณไว้” การพูดนั้นบ่งบอกว่าคงมีคนประเภทอย่างเธอมาบ่อย เจ้าของห้องที่แสนร่ำรวยในอาคารนี้ให้บัตรมา เพื่อให้มาหาที่นี่ ในบางครั้งคราว เพื่อขายบริการ
พราวตะวันไม่มองสายตาดูถูกนั่นอีกต่อไป เธอเชิดหน้าอย่างยืนหยัดแล้วเดินไปที่ลิฟท์โดยลำพัง เธอมันไม่มีหัวใจหรอก ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เธอก็ยินดีอดทนทุกอย่างอยู่แล้ว
ติ๊ง! เสียงลิฟท์ดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เปิดออกพราวตะวันไม่ทันได้ก้าวพ้นลิฟท์ไมเคิลที่ยืนอยู่หน้าลิฟท์ก็เดินเข้ามาอุ้มเธอจนตัวลอยไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาเดินจากลิฟท์มา
“ทำไมมาช้านักฮึ”