จากนั้นไม่นาน หน้าผากของเธอกับเจ้าบ่าว ก็ถูกหลวงพ่อเจิมให้ โดยการใช้เทียนที่คนแป้งร่ำกับเครื่องหอมจนเข้ากันดี แล้วใช้ด้ามเทียนมาแตะตรงหน้าผากเธอกับเขา
“เจ้าบ่าวพาเจ้าสาวไปนั่งตั่งได้เลยค่ะ ใกล้จะได้เวลารดน้ำสังข์แล้วค่ะ”
ทีมงานเข้ามากระซิบ ไรยาเลยถูกเจ้าบ่าวประคองมือบางไปอีกห้อง ที่จัดเก้าอี้ไว้ไม่มาก เพราะแขกเป็นคนใกล้ชิดของเขามากกว่า ส่วนจากฝ่ายเธอ มีญาติพี่น้องไม่กี่คน เพื่อนก็เหลือแค่กุ้งกับกิ๊ฟซี่ที่เธอเชิญมางานช่วงเช้า
ส่วนช่วงเย็นก็จะเป็นเพื่อนไม่ค่อยสนิทมาก และถูกทีมจัดงานวางตัวไว้ให้เป็นเพื่อนเจ้าสาว เพราะต้องใช้หลายคน
เจ้าสาวแสนสวยจำต้องสลัดความคิดเรื่องนี้ออกจากหัวก่อน แล้วให้ความสนใจกับแขกฝ่ายตัวเอง ก็จะมีเพื่อนในแวดวงธุรกิจของพ่อ ที่ต่างหนีหน้าตั้งแต่ตอนกิจการของพ่อเริ่มแย่แล้ว
แต่พ่อก็เชิญคนพวกนี้ รวมทั้งเชิญพนักงานระดับผู้จัดการ กับผู้ช่วยผู้จัดการราวสามสิบคนสำหรับงานช่วงเช้า ส่วนช่วงเย็นก็จะมีเพิ่มมาอีกราวๆ สองร้อยกว่าคน เพื่อไม่ให้ฝ่ายชายคิดว่าเธอกับพ่อเป็นพวกไร้ญาติขาดมิตร
“คุณโอเคมั้ยครับ”
ไรยาหันไปหาเจ้าบ่าว ที่ส่งเสียงแผ่วเบาอยู่ข้างหู ขณะจูงมือเธอเดินไปถึงตั่งคู่
“ค่ะ”
เลยรีบเรียกสติกลับเข้าตัว แล้วค่อยๆ ขึ้นไปนั่งบนตั่ง มีเขาคอยช่วย เพราะรองเท้าส้นเข็มที่ใครมองว่าสวย อาจทำเธอสะดุดล้มตอนไหนก็ได้ แต่ก็ชอบสีทองของมันมาก เข้ากับชุดดี แบรนด์นี้และรุ่นนี้ เธอไม่ได้เลือกเอง แต่เป็นทีมจัดงานเลือกมาให้ ตามคำสั่งของเจ้าบ่าวที่ทีมงานบอกเธอว่า
“คุณเอชย้ำกับเราตลอดค่ะ ว่าทำยังไงก็ได้ ขอแค่ให้เจ้าสาวสวยสุด เด่นสุด และดูแพงที่สุด งบประมาณไม่เกี่ยงค่ะ”
เธอรู้ดีว่า รองเท้าคู่นี้ กับคู่ที่จะเอาไว้ใส่ในงานช่วงเย็น ซึ่งจะมีสองคู่ หนึ่งคือเอาไว้ใส่กับชุดเจ้าสาวยาวลากพื้นตอนเปิดตัว ส้นจะสั้นหน่อย เพื่อกันไม่ให้สะดุดล้ม กับอีกคู่ คือใส่ตอนจะต้องเดินทักทายแขกในงาน คู่นั้นจะต้องสวยเลิศและดูแพงระยับ
เพราะจะเปลี่ยนเป็นชุดที่สั้นขึ้น ราคารวมกันสามคู่แล้วก็เกือบสี่แสนบาท มันไม่ใช่เงินจำนวนมาก และไม่ใช่เธอไม่เคยใช้ ตอนฐานะการเงินของครอบครัวมีเหลือเฟือ แต่เธอก็ไม่คิดจะซื้ออีก เมื่อรู้ว่ามันออกจะสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
“เฮ้ย ดูสิวะพวกแก เจ้าบ่าวของเราดูแลเจ้าสาวยังกับลูกน้อยเลยว่ะ”
เสียงนี้ดังขึ้น ตามด้วยเสียงหัวเราะครืน ไรยาเงยไปมองเพื่อนเขา ส่วนเธอกับเพื่อนๆ ต่างก็มีงานรัดตัว เลยห่างกันไป แต่เธอก็ดีใจที่ทั้งสองลางานและถึงกับนั่งเครื่องมาร่วมงาน ส่วนเพื่อนคนอื่นที่ไม่ได้สนิทมาก ก็แทบจะไม่ได้ติดต่อกันเลย
“อะไรวะมึง แต่งปุบปับแบบกูรับแทบไม่ทันเลยเหรอ”
“อือ”
“ป่องหรือเปล่าวะมึง”
“ป่องไม่ป่อง ถ้ากูท้องมึงก็ลองนับวันเอาดิ ว่าแต่จะมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ป่าวเนี่ยะ”
“ไปสิวะ เพื่อนแต่งทั้งที”
“เอ่อ ก็แค่นี้แหละ เดี๋ยวทีมจัดงานจะโทรหาเรื่องชุด แล้วเจอกัน”
พอโทรไปบอกว่าจะแต่งงานและขอให้มาเป็นเพื่อนเจ้าสาว ทุกคนต่างงงกันมาก แต่เพื่อนก็ยินดีจะมาร่วมงานกันถ้วนหน้า
“ขอเรียนเชิญคุณป้าวันดีกับคุณพ่อปิยะ คล้องพวงมาลัยให้เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวครับ”
พิธีกรในงานก็ประกาศขึ้น ไรยามองพ่อถูกป้าเอียดเข็นวีลแชร์เข้ามาตรงหน้าเจ้าบ่าว อ่อนยืนมองอยู่ห่างๆ และด้วยความที่พ่อยืนไม่ได้
“ลงมาตรงนี้ก็ได้ลูก”
ไรยามองคนที่พิธีกรประกาศชื่อว่าป้าวันดี มายืนอยู่ตรงหน้าเธอ กำลังหันไปบอกเจ้าบ่าวเสียงนุ่มกับใบหน้าเจือยิ้มน้อยๆ
“ครับ”
หรัญญ์เลยลงไปย่อกายตรงหน้าปิยะ เพื่อให้คล้องพวงมาลัยได้สะดวก แล้วไหว้ด้วยท่าทีนอบน้อม ไรยาเห็นพ่อมองเขาแล้วยิ้มบางๆ ไม่กี่อึดใจเธอก็ถูกป้าของเขา เอามาลัยมาคล้องแล้วยิ้มให้ เป็นยิ้มที่เธออ่านไม่ออกว่าเต็มใจหรือฝืนใจ
“I would like to invite…”
จากนั้นพิธีกรก็เอ่ยชื่อยาวเฟื้อยของคนที่จะมาสวมมงคลแฝดทั้งสอง เธอจำได้แค่สั้นๆ คือฝ่ายชายอัฟแนน ฝ่ายหญิงชากิร่า จากเจ้าบ่าวบอกทีมงานว่าให้เรียกสั้นๆ แค่นี้
“คุณสวยและคู่ควรกับฮั้นท์มาก ผมดีใจที่บินมาไกล เพื่อมอบสิ่งอันเป็นมงคลให้คุณ ต่อไปนี้คุณคือลูกสาวอีกคนของผมแล้วนะครับ”
ไรยามองหน้าอัฟแนนแล้วยิ้มบางๆ ก่อนจะไหว้ด้วยท่าทีนอบน้อม แม้เพิ่งจะเคยเห็น แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างบอก ว่าเขาเป็นคนดีมีศีลธรรม แล้วเธอได้ยินชากิร่าเอ่ยอะไรบางอย่างกับเจ้าบ่าวด้วย แต่ฟังไม่รู้เรื่อง
เพราะเธอไม่เข้าใจ เดาว่าเป็นภาษาอารบิก จากนั้นพิธีรดน้ำสังข์ก็เริ่มขึ้น และกว่าแขกคนสุดท้ายจะรดเสร็จ เจ้าบ่าวกับเธอก็ต้องนั่งนานเกือบสองชั่วโมง
“ไปห้องจดทะเบียนสมรสเลยค่ะ เจ้าหน้าที่เขตรออยู่”
ทีมงานมากระซิบ เสร็จถึงจะเป็นเวลากินมื้อเที่ยง ความตื่นเต้น ทำให้ไม่ค่อยรู้รสชาติของอาหาร บวกกับถูกแขกมาขอถ่ายรูปด้วยตลอด เลยต้องลุกๆ นั่งๆ จนสุดท้ายเลยลุกให้แบบยาวๆ ไปเลย
“ยินดีด้วยนะย้า”
ไรยาเกิดอาการชาไปทั่วร่าง เมื่อเห็นพชิราเดินเอามือคล้องแขนสามีมายืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายแขกด้วยความมีอัธยาศัยดี ราวกับว่านี่เป็นงานของตัวเอง
“ขอบคุณค่ะ”
ไรยาพยายามฝืนยิ้ม เพราะมีแขกมองมา
“แล้วกลับมาคบพี่ฮั้นท์ได้ยังไงล่ะย้า”
ส่วนวายุสเอ่ยเบาๆ ไรยาบอกไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกยังไง เสียใจ ผิดหวังในตัวเขานั้นแน่อยู่แล้ว โกรธก็ต้องมีอยู่แล้ว แต่จำกัดคำออกมาได้ไม่แน่ชัด เดาสีหน้าของเขาไม่ออกเช่นกัน ว่ารู้สึกยังไง และเธอก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องตอบเขาไปด้วย