“คุณพ่อคิดยังไงคะ”
ไรยาพ่นลมออกหนักๆ แล้วส่งเอกสารคืนให้พ่อ
“พ่อว่าเราไม่น่าจะมีทางเลือกอื่นแล้ว ไปต่อก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ชนฝา แต่พ่อจะไม่ขอให้ลูกทำเพื่อใครทั้งนั้น ไม่ต้องห่วงพ่อหรือห่วงบริษัทเลย พ่อไม่อยากให้ลูกมาเป็นทุกข์ทีหลัง ถ้าแต่งงานกับคนที่ลูกไม่รู้จักเลย”
“คุณพ่อพูดเหมือนตอนนี้เราไม่ได้ทุกข์งั้นล่ะค่ะ”
“ย้ากำลังจะบอกพ่อว่า”
“ถ้าย้าตกลง ทางโน้นบอกว่าเราจะต้องยังไงบ้างคะ”
“ก็ให้นัดวันแต่งได้เลย แล้วแต่เราว่าจะเมื่อไหร่ เขาจะให้ทนายมาจัดการเรื่องซื้อหุ้นทันที แต่ถ้าย้าไม่ตกลงพ่อก็เข้าใจนะ...”
“ย้าจะแต่งค่ะคุณพ่อ ย้าไม่กลัวอะไรอีกแล้ว ย้าจะแต่งค่ะ"
ก็ในเมื่อก่อนหน้านี้ไม่นาน เธอเกือบจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตกับไอ้คนชั่วที่รู้จักมานานปีแล้ว ส่วนรายนี้ถึงยังไม่รู้จัก ยังไม่เคยเห็นหน้า แต่กลับใจกล้าเสี่ยงมายื่นข้อเสนอให้ พวกหลังชนฝาอย่างเธอกับพ่อ จะมีทางไหนให้เลือกอีกล่ะ
งานแต่งถูกจัดขึ้นในสองอาทิตย์ถัดมา เอกสารการเข้าร่วมหุ้น โอภาสเข้ามาจัดการกับทนายฝ่ายของ บริษัทเธอ ตั้งแต่อาทิตย์แรกที่ตกลงทำตามเงื่อนไขแล้ว ส่วนงานแต่ง Mr. H. จ้างออร์แกไนเซอร์รับผิดชอบไปทั้งหมด รูปแบบงานหรือรายละเอียดต่างๆ ยกให้เธอตัดสินใจ เพราะเขายุ่งกับงานอยู่ต่างประเทศ จะกลับมาอีกทีก็วันแต่งเลย ซึ่งก็คือวันนี้
และจนป่านนี้ ใกล้จะถึงเวลาเข้าพิธีสวมแหวนหมั้นแล้ว เธอก็ยังไม่ได้เห็นหน้าเจ้าบ่าวเลยแม้แต่ครั้งเดียว ขอดูรูปจากทีมออร์แกไนเซอร์ก็บ่ายเบี่ยงตลอด ล่าสุดก็เช้ามืดมานี้ เธอกำลังนั่งให้ช่างแต่งหน้าทำผม เลยลองถามอีกรอบ และคิดว่าจะเป็นรอบสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่ได้คำตอบก็จะเฉย
“ไว้ลุ้นตอนลงไปในงานดีกว่านะคะเจ้าสาว”
เธอได้แต่หวังว่าเขาจะมีตัวตนจริงๆ หรือมีอาการครบสามสิบสอง แต่ถ้าไม่ เธอจะทำอะไรได้ ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เรียกว่าขึ้นหลังเสือแล้ว คงจะลงไม่ได้
"ได้เวลาแล้วจ้ะ"
ไรยาถูกลุง พร้อมทีมงานมารับจากห้องพัก ในโรงแรมระดับห้าดาว ลงไปยังห้องจัดพิธีหมั้น เธอเห็นพ่อกับแขกผู้ใหญ่ฝ่ายเขาหลายคน นั่งอยู่กับเก้าอี้บุนวมหรูหรา หนึ่งในนั้นเป็นชายหญิงชาวต่างชาติ แต่งกายแบบชาวตะวันออกกลาง ไม่อาจจะเดาได้ว่าเป็นคนประเทศไหน
ฝ่ายชายแต่งชุดยาวคลุมข้อเท้า เสื้อแขนยาว สวมหมวกทรงกลมใบเล็ก ทับด้วยผ้าคลุมศีรษะ มีเชือกสีดำครอบกันผ้าเลื่อนหลุด มีเสื้อคลุมเนื้อบางสีดำ เดินขอบด้วยแถบสีทองตรงด้านหน้าสวมทับอีกชั้น
ส่วนฝ่ายหญิงหน้าเป็นชาวยุโรป แต่จะสวมเสื้อคลุมยาว มีผ้าคลุมศีรษะไว้ แต่เปิดใบหน้าเต็ม ทำให้เห็นว่าสวยคมและน่าเกรงขาม โดยรวมแล้วทั้งคู่น่าจะเป็นคนใหญ่โต ฐานะการเงินดีและมีอำนาจไม่น้อย อายุนั้นหากให้เดาก็ไม่น่าจะหนีหกสิบหรืออาจจะมากกว่า
อดคิดไม่ได้ ว่าเจ้าบ่าวที่กำลังนั่งหันหลังให้เธอ คงเป็นลูกของสองคนนี้ นี่เธอจะมีสามีเป็นชาวต่างชาติ จะต้องเปลี่ยนศาสนาหรือไงกันนะ แต่สติก็ทำให้เธอพินิจพิเคราะห์อย่างรวดเร็วขณะเดินมา ว่าไม่น่าจะใช่ เพราะเขาอยู่ในชุดสูทผ้าไหมสีทอง โทนสีเดียวกับชุดไทยของเธอ กล้องหลายต่อหลายตัว ถ่ายรัวๆ จนแสบตา
“คุณย้าเข้าไปนั่งข้างเจ้าบ่าวได้เลยครับ”
ทีมงานเข้ามากระซิบ ไรยาจึงค่อยๆ คลานไป แต่ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้จับจะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปด้วยซ้ำ ในหัวก็ประมวลผลออกมาจนได้คำตอบ คนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์ นั้น แท้จริงแล้ว
‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’
‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’
‘แล้วจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’
เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงมีเงินมาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่จ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากะรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก
“ได้ฤกษ์แล้ว สวมแหวนให้น้องสิจ๊ะฮั้นท์”
ไรยาได้ยินเสียงนี้เอ่ยขึ้น เดาว่าน่าจะเป็นเสียงผู้ใหญ่ฝ่ายเขาคนใดคนหนึ่ง แต่ไม่ได้หันไปมอง เพราะสมองยังคงเต็มไปด้วยคำถาม เกี่ยวกับชายที่นั่งตรงหน้า กำลังประคองมือข้างซ้ายเธอไว้ ก่อนจะค่อยๆ สวมแหวนตรงนิ้วนางให้
“สวมแหวนให้เจ้าบ่าวด้วยครับเจ้าสาว” ส่วนเธอก็ทีมงานกำกับอยู่ไม่ห่าง
“เจ้าบ่าวหอมเจ้าสาวหน่อยครับ แล้วก็นั่งชิดๆ กันหน่อยครับ”
หัวใจเกิดอาการสั่นสะท้านขึ้นทันที เมื่อได้ยินเสียงทีมงานกับแขกบางคนร้องบอก หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการสวมแหวน
“นั่งชิดๆ กันหน่อยสิจ๊ะเจ้าบ่าวเจ้าสาว” เสียงของผู้ใหญ่ที่นั่งบนเก้าอี้ด้านหลังดังขึ้น
“ตอนจะหอมแก้ม เจ้าบ่าวจ่อจมูกไว้ตรงแก้มเจ้าสาวนานๆ นะครับ ขอเก็บภาพสวยๆ ก่อนครับ”
ไรยารับรู้ถึงฝ่ามืออุ่นของเขา ยกขึ้นมาโอบตรงเอวเธอเอาไว้ ตอนขยับมานั่งใกล้ๆ กัน มือขวาของเธอก็ถูกเขาเอามากุมไว้ จากนั้นก็รับรู้ถึงลมหายใจเขา กำลังเป่ารดพวงแก้ม หัวใจเหมือนจะเต้นโครมครามหนักขึ้นกว่าเก่า ตอนจมูกเขากดลงมา แล้วค้างไว้อย่างนั้นตามคำขอของตากล้อง
“ว๊าวๆๆๆๆ สวยหล่อเหมือนพระเอกนางเอกในละครเล๊ย”
เสียงปรบมือ เสียงกรี้ดของเพื่อนในกลุ่ม ซึ่งคบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียน ต่างดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน นับจากวินาทีนั้น เอวกับมือเธอ ก็ถูกเขาครอบครองไว้ตลอด เพราะต้องยืนถ่ายรูปคู่ร่วมกับญาติผู้ใหญ่และแขกในงาน เสร็จก็เลี้ยงเพลพระสงฆ์ แล้วรับศีลรับพร
ไรยาเห็นวายุสกับพชิราตอนเตรียมตัวไปตักบาตรกับเจ้าบ่าว อาการเจ็บจี้ดๆ ตรงอกเกิดขึ้นชั่วครู่ แล้วมันก็หมดไป เมื่อถูกเจ้าบ่าวจับมือไปทาบบนมือเขาตอนจับทัพพี
“โอ้ว ยอมเป็นเบี้ยล่างตั้งแต่วันแรกเชียวนะครับเจ้าบ่าว”
เธอไม่รู้ว่า ‘ยอม’ ในที่นี้แปลว่าอะไร เพราะไม่คุ้นชินกับคำสอนสมัยก่อนๆ อีกทั้งในหัวยังคงสงสัยไม่หาย ว่าวายุสกับพชิรามาร่วมงานในฐานะญาติฝ่ายไหน เธอน่ะไม่ได้เชิญแน่ๆ และไม่คิดจะเชิญด้วย นั่นก็เดาได้ว่าจะต้องเป็นฝ่ายเขา แล้วทั้งสองกลับมาคุยกับเขาตอนไหนกัน