ตลอดการพาทัวร์ ไรยาแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง เมื่อตรงเอวมักจะมีแขนของเขาโอบไว้หลวมๆ กระทั่งได้กลับห้อง ค่อยหายใจโล่งหน่อย แต่ก็ได้ไม่นาน เมื่อเงยหน้าขึ้น มองทะลุผนังกระจกใสแจ๋วออกไป ก็เห็นวายุสกำลังนั่งทำงานอยู่กับภรรยาคน บางครั้งก็เงยหน้ามาคุยกัน คนเป็นภรรยานั้นบางทีก็จับแก้มสามีบีบเบาๆ พร้อมรอยยิ้ม
‘กลับไปอยู่ที่เก่าดีมั้ยย้า’
อีกแล้วที่ภาพค่ำคืนนั้นลอยมาเหยียบย่ำซ้ำเติมให้ต้องเจ็บปวด เมื่อเขาบอกความจริง ว่าหนทางรักที่เคยตั้งมั่นจะฝ่าฟันไปด้วยกันไว้นั้น ไม่อาจจะสานต่อได้ เพราะมีเหตุจำเป็นจนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ นั่นทำให้เธอเจ็บปวดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ หรือมีอะไรมาทำให้เคยเจ็บมา
“ย้า”
คนยืนปล่อยให้น้ำตาไลอาบแก้ม ค่อยๆ หันไปหาเจ้าของเสียง เพราะไม่แน่ใจว่าหูฝาด หรือเป็นเขาที่มายืนอยู่ตรงนี้จริงๆ กันแน่ ก็เวลานี้เขาควรจะยืนเคียงข้างเจ้าสาวแสนสวยดีกรีดอกเตอร์เหมือนกันมากกว่า
“ทำไมมาคนเดียวล่ะย้า เพื่อนๆ ถามหาอยู่นะ”
วายุสเอ่ยเสียงแผ่วเบา ใบหน้าเศร้าหมอง ไม่เหมือนกับคนเป็นเจ้าบ่าวเลยสักนิด
“อยากมาสูดอากาศน่ะ แต่ก็กำลังจะกลับแล้ว”
มือปาดน้ำตาออกจากแก้ม แล้วเตรียมตัวจะก้าวหนี แต่วายุสก็ไปยืนดักหน้าเอาไว้
“ย้ายังโกรธเวย์อยู่เหรอ”
“เปล่าค่ะ ฉันจะโกรธคุณเรื่องอะไรคะ”
วายุสรู้ดีว่า ถ้าคุณหนูย้าได้ใช้คำว่า ‘ฉัน’ กับใคร แปลว่าโกรธเอามากๆ หรืออยากจะบอกให้รู้ว่าคนคนนั้น ไม่ใช่คนใกล้ชิดหรือคนสนิทอีกต่อไปแล้ว เพราะปกติเธอจะแทนตัวกับเขาว่า ‘ย้า’ ตลอดมา
“เวย์ขอโทษย้านะ เวย์รู้ว่าย้าโกรธ เพราะเวย์ทำผิดอย่างไม่น่าให้อภัย แต่เวย์ก็ไม่มีทางเลือก เวย์ต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้น ถึงเวย์จะไม่ได้ตั้งใจ”
“จะบอกว่าคุณนอนกับพีชจนท้อง เป็นเรื่องไม่ได้ตั้งใจเหรอคะ”
“เวย์ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ย้า”
“นอนด้วยกันตั้งหลายครั้ง ยังกล้าบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ คุณเห็นฉันเป็นอะไร”
“ย้ารู้ได้ยังไงล่ะ ว่าเวย์กับพีชนอนด้วยกันหลายครั้ง มันไม่เป็นความจริงเลยนะ เวย์พลาดแค่คืนเดียวเอง”
“แต่คืนต่อๆ ไป ตั้งใจไม่ได้พลาด ใช่มั้ยคะ ไม่งั้นคงไม่ท้องหรอก”
“ไม่จริงนะย้า เวย์เมาแค่คืนเดียว แล้วก็พลาดแค่คืนเดียว เวย์ยังรักย้าและอยากแต่งงานกับย้านะ”
“ทั้งที่ตอนนี้ ฉันไม่เหมือนเดิมงั้นเหรอ”
“เวย์ไม่สนหรอกนะ ว่าฐานะย้าจะเป็นยังไง เพราะเวย์รักย้าไม่ได้รักเงินของย้า แต่ตอนนี้เวย์ก็ทำตามสัญญาไว้ไม่ได้แล้ว เวย์ขอโทษนะย้า”
“ไม่มีประโยชน์ที่จะมาพูดเรื่องนี้หรอก และเราก็ไม่ควรจะมาอยู่ด้วยกันตรงนี้ เชิญคุณกลับไปหาเจ้าสาวที่คุณรักและเลือกแล้วเถอะ ฉันจะกลับบ้าน”
สองอาทิตย์แรกของการทำงานในออฟฟิศใหม่ ยังรู้สึกว่าทุกอย่างยุ่งเหยิง เหมือนตอนอยู่ที่เก่าไม่มีผิดเพี้ยน แต่ไม่ใช่เรื่องการเงิน เพราะระบบระเบียบบริหารบริษัทใหม่ ไม่ได้ผูกขาดอยู่กับเธอคนเดียว จะมีฝ่ายบริหารของ Triple A Group Public Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทแม่ มีอัฟแนนเป็นหัวเรือใหญ่นั่งบริหารและทีมงานที่เธอไม่เคยเห็นหน้าคร่าตา
หรัญญ์เองก็อยู่ในทีมบริหารเมืองไทย รับผิดชอบโซนเอเชียทั้งหมด เรื่องใหญ่ๆ ทุกเรื่องของ AHJR จะต้องผ่านการคัดกรองจากเขา เธอจะต้องรับคำสั่งโดยตรงอีก เท่านั้นยังไม่พอ เขายังยึดอำนาจด้านการขายและการตลาดจากเธอ ให้ทีมงานของ Triple A ที่เมืองไทย เข้ามาร่วมตัดสินใจ ร่วมกำหนดนโยบาย ต่างๆ แบบไม่สนใจว่าเธอจะเสียหน้าสักนิด
“ลูกค้าหลักของ JR อยู่ทางตะวันออกกลางเยอะ นั่นคือเหตุผลที่ Triple A ตัดสินใจซื้อหุ้นไว้ JR พอเปลี่ยนมาเป็น AHJR แล้ว เราอยากจะขยายฐานลูกค้ากลุ่มนี้ให้ใหญ่ขึ้น พัฒนาแบรนด์ใหม่ให้มีหลายทางเลือก แล้วไหนจะเตรียมเปิดรับลูกค้าทางยุโรปด้วย เราจึงต้องมีทีมการตลาดมืออาชีพมากประสบการณ์ เข้ามาช่วย...”
นั่นคือคำอธิบายของประธานใหญ่ ตอนเรียกประชุมวันแรกแล้ว เรื่องการรับพนักงานเพิ่ม โดยเฉพาะฝ่าย Sales & Marketing เธอจึงไม่มีอำนาจตัดสินใจ หรือแทบไม่มีส่วนร่วมในการคัดสรรด้วยซ้ำ นอกจากรออนุมัติในฐานะกรรมการผู้จัดการเท่านั้น มันไม่สบายใจและไม่ชอบใจเอามากๆ
แต่เพื่อให้กิจการของครอบครัวยังคงมีอยู่ในวงการยางของเมืองไทย ถึงแม้จะมีชื่อ AH มานำหน้าก็ตาม และเพื่อไม่ให้พ่อน้อยหน้า กับอับอายเพื่อนร่วมวงการเดียวกัน ว่าบริหารกิจการของบรรพบุรุษ เจ๊งในรุ่นของตัวเอง เธอจึงจำเป็นจะต้องทน
“Meeting เสร็จแล้ว ช่วยตรวจ Year Planing ให้พีชด้วยนะที่รัก”
ส่วนเรื่องที่จะต้องทนมากไปกว่านั้น ก็คงจะเป็นการที่ต้องเห็นคนรักเก่า นั่งทำงานใกล้ๆ ภรรยา คอยดูแลกันและกัน ทำอะไรด้วยกัน ไปไหนด้วยกัน
“ที่รักคะ Meeting เสร็จแล้ว เราไปกินข้าวที่ไหนกันดีคะ”
รวมทั้งกินข้าว ทั้งสองก็มักจะไปนั่งกินร้านอาหารในตึกนี้ด้วยกันเป็นประจำ
“ที่รักครับ เราไปกินข้าวด้วยกันนะครับ”
และมันก็ดันเป็นร้านที่สามี มักจะมาลากเธอไปนั่งกินด้วย โดยไม่ได้ถามว่าเธออยากไปหรือไม่ แต่เขาเลือกวิธีมาลากแบบนุ่มนวลต่อหน้าคนอื่นไปแทน
“พี่ฮั้นท์คะ นั่งโต๊ะเดียวกับเราก็ได้ค่ะ”
แล้วก็ดันจะต้องเป็นแบบนี้ตลอดเวลา เหมือนเขาเฝ้ารอว่าสองคนนี้จะไปกินที่ไหน แล้วมาลากเธอไปนั่งทรมานด้วย นั่นก็ว่าเจ็บปวดใจแล้ว แต่การจะต้องรับมือกับความปากร้าย ชอบประชดประชันของสามีจอมบงการ สามีขี่เบ่งของเธอเจ็บยิ่งกว่า
“รถเก่าๆ เน่าๆ เอาไว้ปลูกผักเถอะ”
ตั้งแต่วันแรกที่มาทำงานกระทั่งวันนี้ เธอเฝ้าเพียรบอกเขาว่าตอนเย็น จะกลับบ้านไปดูพ่อหน่อย แล้วก็จะได้เอารถของตัวเองมาใช้ด้วย เธอไม่อยากนั่งกับเขามา เพราะคำพูดของเขาบางครั้ง ทำให้อารมณ์ของเธอเสียได้ง่ายๆ
“มีรถยุโรปคันใหม่ให้นั่ง ยังจะใฝ่ต่ำหันไปหาคันเก่าอีก”
เขาไม่เคยยอมสักวัน หลังเลิกงาน มักจะหนีบขึ้นรถกลับบ้านด้วย
“ที่รักครับ เหนื่อยมั้ย”
แต่เมื่อไรก็ตามที่เธอกับเขา อยู่ใกล้วายุส ท่าทีเฉยเมยที่มีต่อเธอ จะเปลี่ยนทันที เขามักจะเข้ามาสวมกอด ตรงเอวคอด ทำเป็นเอาอกเอาใจ ถามนั่นถามนี่ เหมือนแคร์เสียเต็มประดา