3

1060 คำ
แม้ภายในใจจะเริ่มเป็นกังวล หากขาดพิมพิชชาไป ลูกค้าที่มากินสเต็กจะรู้สึกว่าน้ำซอสเกรวี่ไม่ถูกใจเหมือนเดิม เนื้อสเต็กจะไม่นุ่มเหมือนมีพิมพิชชาคอยควบคุมหรือเปล่า แต่เธอไม่มีสิทธิ์จะไปปิดกั้นความฝันของใคร “แก้วเข้าใจ ทุกคนมีความฝัน แก้วดีใจด้วยถ้าพิมพร้อมแล้ว พิมมีฝีมือ แก้วเชื่อว่าถ้าพิมเปิดร้านตามลำพัง ร้านของพิมต้องดังไม่แพ้ร้านความฝันที่เราช่วยกันสร้างมาหรอก แล้วพิมจะเปิดร้านเมื่อไหร่” “เดือนหน้าจ้ะ” แก้วมุกดาก้มหน้านิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ เงยใบหน้าสวยหวานขึ้นมองเพื่อนสาว แต่ภายในใจรู้สึกเศร้า โหวงเหวง เคว้งคว้างไปหมด หลายปีที่ผ่านมา พิมพิชชาเป็นทั้งเพื่อนและหุ้นส่วน ต่อไปนี้ เธอคงต้องพยุงร้านเล็กๆ แห่งนี้ต่อไปด้วยสองมือสองขาตามลำพัง เธอหยุดทำร้านนี้ไม่ได้ เพราะร้านนี้คือแหล่งรายได้ทางเดียว แก้วมุกดามีชีวิตน้อยๆ อย่าง ‘เดซี่’ ลูกสาวตัวน้อยต้องเลี้ยงดู และพนักงานในร้านอีกหกชีวิต พวกเขาต้องกินต้องใช้ มีคนข้างหลังต้องเลี้ยงดูไม่ต่างจากเธอ ต่อให้พิมพิชชาก้าวออกไปจากร้าน แก้วมุกดาก็ยังต้องอยู่ที่เดิม แล้วพยายามประคับประคองร้านเล็กๆ แห่งนี้ฝ่าวิกฤตไปให้ได้ “เดี๋ยวเราจะรีบเคลียร์เรื่องเงินที่พิมลงหุ้นไว้ให้นะ ยังไงเราก็ขอให้พิมประสบความสำเร็จ” แก้วมุกดาพูดตามความจริงจากใจทุกคำ ยิ้มให้เพื่อนด้วยความจริงใจ แม้พิมพิชชาจะลุกจากตรงนี้ไปเกือบสิบนาทีแล้ว แต่แก้วมุกดายังนั่งอยู่ที่เดิม จนกระทั่งมีเสียงเล็กๆ กระซิบบอกชิดใบหู “หม่ามี้ขา พิชซ่าปูอัด เฟรนช์ฟราย ไก่ทอดชีส สปาเกตตีกุ้งของเดซี่อยู่ที่ไหนคะ” เสียงหวานใสพูดไทยชัดเอ่ยทวงเมนูอาหารที่สั่งไว้เมื่อเช้าก่อนจะยอมขึ้นรถตู้รับส่งนักเรียนแต่โดยดี ทำให้แก้วมุกดาหันกลับไปมอง แล้วเห็นร่างอวบกลม หน้าตาที่บ่งบอกว่าแม่หนูแก้มป่องต้องเป็นลูกครึ่งอย่างแน่นอนโถมเข้าใส่ ในขณะที่หนูดี พี่เลี้ยงของเด็กหญิงหิ้วกระเป๋านักเรียนและกระติกน้ำตามมา ดวงตาเศร้าๆ เมื่อครู่รีบปรับให้เป็นปกติ แต่ก็หนีไม่พ้นสายตาจับผิดของเด็กน้อยตัวเล็ก “หม่ามี้เป็นอะไรคะ ทำไมตาแดงๆ หรือว่าซอสพริกกระเด็นเข้าตา” แก้วมุกดายิ้มออก “คิดอะไรก็เป็นเรื่องกินไปหมดเลย หม่ามี้ไม่เป็นไรค่ะ แค่คิดว่าพรุ่งนี้ต้องเข้มแข็งขึ้นกว่านี้อีก เพราะหม่ามี้มีเดซี่ต้องดูแล และเดซี่ก็กินเก่งมากด้วย ถ้าหม่ามี้ยอมแพ้ หม่ามี้จะเลี้ยงเดซี่ได้ยังไง” แก้วมุกดาพยายามแล้วนะ แต่ไม่รู้ความเคว้งคว้างมันกลั่นน้ำตาใสๆ ให้ไหลมาคลอหน่วยตาแล้วพรั่งพรูออกมาต่อหน้าต่อตาแม่หนูได้ยังไง “หม่ามี้ร้องไห้” มือป้อมๆ ปาดน้ำตา “หม่ามี้ขาเป็นอะไรคะ หรือว่าวันนี้ ลูกค้าพากันมาแย่งกินอาหารร้านเราจนหมด จนหม่ามี้ไม่มีอะไรกิน หม่ามี้เลยเศร้า” เด็กน้อยไม่เข้าใจว่าทำไมลูกค้าถึงเข้ามากินอาหารที่นี่เยอะนัก พอเห็นลูกค้าบางโต๊ะสั่งอาหารจนเต็มโต๊ะไปหมด แม่หนูก็จะกอดอกเมียงมองพร้อมกับสายตาเสียดายของอร่อย คนเป็นแม่ใช้สองมือดึงร่างป้อมๆ มากอด แล้วประทับจูบที่หน้าผาก “ไม่ใช่ค่ะเดซี่ ลูกค้าไม่ได้มาแย่งกินอาหารจนหมดร้าน ลูกค้ามาอุดหนุนอาหารที่ร้านค่ะ เขาเอาเงินมาให้เรา ถ้าเขาไม่มากินอาหารที่ร้านเรา เดซี่ก็จะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม ซื้อเสื้อผ้านะคะ” เด็กหญิงทำหน้าครุ่นคิด “แล้วถ้าอย่างงั้น หม่ามี้ร้องไห้ทำไมคะ” “หม่ามี้ก็แค่กังวล กลัวทำให้เดซี่ลำบาก” ยิ่งมองดวงตากลมโตแสนบริสุทธิ์ที่เต็มไปด้วยความสงสัย แก้วมุกดาก็บอกตัวเองว่าเธอจะย่อท้อไม่ได้ เธอต้องสู้เพื่อลูกสาว ลูกสาวคนเดียวที่กินเก่งเท่าเด็กธรรมดาถึงสามคน “แต่เดซี่ไม่ต้องห่วง หม่ามี้จะสู้เพื่อเดซี่” ร่างบอบบางกอดร่างกลมเอาไว้ พยายามปลุกปลอบสร้างกำลังใจให้ตนเองฝ่าปัญหาและอุปสรรคไปให้ได้ “เดี๋ยวพรุ่งนี้หม่ามี้ก็เข้มแข็งแล้วค่ะ” 3 เดือนต่อมา มือหนาของโคล์ อิเมอร์สันกำลังลงสีวาดภาพบนผ้าใบอย่างตั้งอกตั้งใจ การวาดภาพเป็นงานอดิเรกของมหาเศรษฐีหนุ่มหล่อที่มีทั้งโรงพยาบาล ซอฟท์แวร์ ฟาร์มม้า เขายังมีฝีแปรงที่เยี่ยมยอดไม่แพ้จิตรกรชื่อดังเขาเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ทุกด้าน ทุ่งดอกเวอร์บีน่าสีม่วงหวานราวกับกำมะหยี่กำลังเบ่งบานท่ามกลางไอหมอกของฤดูหนาว แสงแดดทออ่อน ทาบทับลงบนกลีบดอกสีม่วงหนานุ่ม มือหนาของโคล์สะบัดฝีพู่กันอย่างรวดเร็วด้วยความชำนาญไม่นานทุ่งดอกเวอร์บีน่าสีม่วงก็สะพรั่งเต็มผ้าใบสีขาว มือหนายังไม่หยุดสะบัดพู่กัน นอกจากดอกไม้สวยๆ พระอาทิตย์กำลังลอยตัวขึ้นที่เหลี่ยมเขา ยังมีภาพของหญิงสาวในชุดเดรสขาว ผมยาวสีดำสลวย ผิวขาวเหลืองแบบเอเซียกำลังวิ่งเริงร่าอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ โคล์ยิ้มให้กับภาพของเขา ภาพนี้มีความหมายต่อเขามาก เช่นเดียวกับนิตยสารที่เขาวางไว้บนเก้าอี้ไม้คงมีความหมายกับบางคนที่พอได้รับข่าวดีก็รีบกระตือรือร้นบอกจะเดินทางมาหาเดี๋ยวนี้ เสียงปรบมือขึ้นจากด้านหลัง โคล์หันกลับไมอง ยิ้มมากที่สุดในรอบวันเมื่อผมเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่โคล์เชื่อว่าฌอนเป็นคนดีคนหนึ่งทีเดียวถึงภาพลักษณ์ของเขาจะถูกมองว่าเป็นคาสโนวาตัวพ่อ ฌอนยิ้มแล้วมองภาพวาดของโคล์ “ผมว่าถ้าคุณโคล์ไม่ใช่ผู้บริหารโรงพยาบาลมากมายหลายแห่ง คงมีจิตกรชื่อโคล์ อิเมอร์สันที่มีผลงานก้องโลกไปแล้ว”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม